ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ยี่สิบนาทีก่อนที่ผู้ถูกล่าจะเดินทางมาถึง น.อ.สิงหนาทกับร.ท.กรินทร์มารอที่ตำแหน่งซุ่มยิง ทั่วทั้งท่าอากาศยานไม่มีใครรับรู้ได้เลยว่าบุรุษหนุ่มหล่อเหลาคมเข้มในชุดสูทสากลสีดำสนิททั้งผู้ที่เป็นนายและลูกน้องคือนักฆ่ามือหนึ่งแห่งพยัคฆ์ทมิฬที่กำลังพากันเดินตรงไปยังสถานที่ทำงาน
“ผู้พัน ตกลงจะล่ากี่นัดครับ”
ผู้หมวดกรินทร์เอ่ยถามด้วยความสงสัยกับการทำงานที่ยังคลุมเครือไม่ได้รับคำตอบที่แน่ชัดตั้งแต่วันที่ไปพบกับท่านนายพลธีรกรแล้ว
ผู้พันหนุ่มหล่อเข้มหันมามองลูกน้องคนชี้เป้าด้วยสีหน้าเรียบเฉยก่อนจะเอ่ยตอบเสียงเย็นยะเยือกขจัดความรู้สึกผิดชอบชั่วดีไปจากใจทั้งหมด หลังจากได้พยายามทำใจเรื่องนี้มาหลายคืนแล้ว
“ตามคำสั่ง สามนัด”
“ทำไมครับ เธอผิดจริงตามที่ท่านนายพลบอกหรือครับ”
เพราะการปลิดชีวิตเพศแม่เพศที่อ่อนแอกว่าเป็นสิ่งที่ไม่เคยนึกคิดอยู่ในหัวสมองของคนที่เกิดมาเพื่อเป็นนักฆ่ากลายๆ ร.ท.กรินทร์จึงถามย้ำด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากทำงานชิ้นนี้สักเท่าไร
“เราไม่มีสิทธิ์สงสารเป้าหมายนะกรินทร์ หน้าที่ต้องเป็นหน้าที่ มีคำสั่งมาอย่างไรเราก็ต้องทำตามนั้น”
ผู้พันสิงห์พยายามบังคับจิตใจไม่ให้อ่อนไหวไปกับถ้อยคำของลูกน้อง ใช่ว่าเขาจะไม่รู้สึกรู้สาเสียเมื่อไรกับการทำงานที่ลำบากใจเช่นนี้ แต่เมื่อได้รับคำสั่งและรับปากนายมาแล้วเขาก็ต้องทำหน้าที่ให้สำเร็จลุล่วง
“สาบานได้ว่าเป็นการทำหน้าที่ที่ขัดกับความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของผมมาก”
ผู้หมวดกรินทร์พยักหน้ารับแต่ก็ยังเอ่ยพึมพำอย่างสำนึกผิดซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดวิสัยของผู้ที่เป็นคนชี้เป้ายิ่งนัก
มือของผู้ซุ่มยิงกับคนชี้เป้าไม่ต่างกันมากเท่าไรนักเพราะทั้งสองมือนั้นเต็มไปด้วยเลือดของเป้าหมาย ไม่มีคำว่าปรานีสำหรับคนชั่วหนักแผ่นดิน แต่สำหรับคนที่ไม่ใช่แต่ดันติดร่างแหพลอยรับเคราะห์ไปด้วยก็ทำให้คนชี้เป้าอย่างร.ท.กรินทร์อดที่จะมอบความปรานีให้ไม่ได้ เพราะลึกๆ ในจิตใจของคนที่เป็นมือสังหารด้วยอุดมการณ์ไม่ใช่เพราะเงิน ก็มีบ้างที่จะโอนเอียงเข้าสู่คำว่าสงสาร
ผู้พันหนุ่มถอนหายใจยาวก่อนจะตบลงไปหนักๆ บนบ่าของลูกน้องแล้วเอ่ยตอบให้ผู้หมวดกรินทร์อึ้งนิ่งขึงเป็นเวลานานหลายนาที
“ใช่ว่าจะมีนายแค่เพียงคนเดียวที่คิดแบบนี้ ไปทำตามหน้าที่กันเถอะ งานจะได้จบสิ้นสักที”
การถูกฝึกฝนอย่างสาหัสนานนับแรมปีจนเชี่ยวชาญช่ำชองในเรื่องการสู้รบทุกอย่างทำให้ทั้งผู้พันสิงหนาทและผู้หมวดกรินทร์ซ่อนเร้นแฝงกายกับฝูงชนจนกระทั่งมานอนหมอบอยู่บนอาคารสูงฝั่งตรงข้ามกับทางเข้าท่าอากาศยาน
ปืนไรเฟิลประจำกายพร้อมที่จะทำงานแล้วและไม่ถึงห้านาทีดีเป้าหมายก็จะเดินทางมาถึงอาณาบริเวณที่จะถูกปลิดชีวิตด้วยน้ำมือของผู้พันสิงหนาทอดีตสไนเปอร์ผู้ผันตัวเองมาเป็นนักฆ่ามือหนึ่งแห่งพยัคฆ์ทมิฬ
“คิน เตรียมเอกสารเดินทางมาเรียบร้อยหรือเปล่าลูก”
คุณบริพัตรถามย้ำเป็นรอบที่สามนับตั้งแต่รถตู้คันงามได้เคลื่อนตัวออกมาจากคฤหาสน์เดินทางมาที่สนามบินสุวรรณภูมิ มือใหญ่ที่สกปรกเต็มได้ด้วยเลือดของผู้บริสุทธิ์นับแสนนับล้านที่ตนเองเป็นคนฆ่าทางอ้อมได้เอื้อมไปจัดเสื้อสูทให้ลูกชายด้วยกิริยาอ่อนโยน ไม่ว่ามือเขาจะสกปรกมากเพียงใดแต่มือของพ่อก็สะอาดบริสุทธิ์เสมอสำหรับคนที่เป็นลูก
คิวากรยิ้มกว้างให้บิดาหันไปยักคิ้วยียวนใส่พี่สาวที่นั่งนิ่งอยู่ข้างบิดาก่อนจะเอ่ยตอบกลั้วหัวเราะแซวพี่สาวคนสวยไปในตัว
“คุณแม่คนที่สองเตรียมให้แล้วครับคุณพ่อ ก่อนจะออกจากบ้านก็เช็กแล้วเช็กอีกเพื่อกันพลาดกลัวว่าคินจะลืมเอกสาร”
รัณชิดายิ้มหวานทั้งสีหน้าและแววตากลมโตสุกใส เอื้อมมือไปบีบจมูกโด่งๆ ของน้องชายด้วยความหมั่นไส้แกมรักใคร่เอ็นดูก่อนจะเอ่ยตอบเสียงลอดไรฟัน
“ก็พี่รู้ว่าคินเป็นคนขี้ลืมแถมยังสะเพร่าเป็นที่หนึ่ง เพราะฉะนั้นแม่ไก่แก่คนนี้ต้องคอยย้ำเตือนดูแลลูกเจี๊ยบให้ดีๆ หน่อย”
“นี่คินต้องอยู่กับแม่ไก่แก่ตลอด 365 วันเป็นเวลาถึง 4 ปีเต็มๆ เลยหรือนี่”
คิวากรร้องโวยวายเสียงหลงแกล้งตีสีหน้าเศร้าทำตาละห้อยน่าสงสารกับสิ่งที่ตนเองต้องเผชิญในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
รัณชิดายกมือเท้าสะเอวขึงตาใส่น้องชายตัวแสบเอ่ยตอบเสียงลอดไรฟันแต่หาใช่เป็นเพราะโกรธน้องไม่ ทั้งสีหน้าแววตานั้นเต็มไปด้วยความรักเอ็นดูในตัวน้องชายผู้นี้
“ถูกต้องแล้วย่ะนายคิน คราวนี้ไม่มีนมอุ่นกับคุณพ่อคอยให้ท้ายด้วย นายตายแน่”
คิวากรเลิกคิ้วแลบลิ้นใส่พี่สาวแล้วเอ่ยตอบเสียงขึ้นจมูก “คินโทรมาฟ้องคุณพ่อก็ได้ไม่เห็นจะกลัวเลย”
คุณบริพัตรหัวเราะร่วนกับคำต่อล้อต่อเถียงของลูกทั้งสอง เขามองลูกๆ ด้วยสายตาแห่งความภาคภูมิใจ รัณชิดาเป็นเด็กสาวที่น่ารักอ่อนหวานเป็นเด็กดีเชื่อฟังคำสอนของพ่อแม่เสมอ คิวากรหนุ่มน้อยหน้าตาหล่อเหลาติดขี้เล่นเป็นคนอารมณ์ดีเอื้อเฟื้อต่อผู้ตกทุกข์ได้ยาก เขารู้ว่าลูกชายมักจะบริจาคเงินให้องค์กรการกุศลคราวละหลายแสน ถึงแม้จะเสียดายเงินที่ได้มาจากการหลั่งเลือดของผู้บริสุทธิ์แต่ก็เป็นการดีที่คิวากรได้ทำบุญไถ่โทษให้กับบุพการีทางอ้อม
“คิน ไปอยู่อเมริกาแล้วต้องตั้งใจเรียนนะลูก ทรัพย์สินทุกอย่างพ่อหาให้คินได้ ยกเว้นเรื่องความรู้การศึกษาที่คินต้องขวนขวายหาเอาเอง”
“คินทราบครับคุณพ่อ คินจะตั้งใจเรียนนำความรู้ที่อุตส่าห์ไปศึกษายังแดนไกลห่างบ้านเกิดเมืองนอนนับแสนไมล์กลับมาพัฒนาธุรกิจของเราให้รุ่งเรืองมากกว่านี้”
คิวากรยิ้มกว้างพยักหน้ารับ ไม่รู้เลยว่าคำพูดของตนเองที่เอ่ยไปนั้นได้แทงใจดำของบุพการีผู้ที่ฆ่ามวลมนุษยชาติทั่วโลกเข้าอย่างจังจนผู้เป็นพ่อถึงกับหน้าซีดเผือดหลบสายตาของลูกๆ ซึ่งกำลังมองมาอย่างชื่นชมด้วยความละอายใจที่ลูกๆ คิดเสมอว่าตนเองเป็นคนดีของประเทศชาติ
“คินไม่ต้องเจริญรอยเท้าตามพ่อก็ได้ คินอยากเรียนอยากทำงานตามที่ใจรักคินก็ทำได้เลย พ่อไม่ขัดขวางทั้งนั้นขอเพียงแค่ให้คินเป็นคนดีดูแลตัวเองและพี่รัณให้อยู่สุขสบายได้เพียงแค่นี้ก็เพียงพอสำหรับพ่อแล้ว”
รัณชิดาขมวดคิ้วโก่งงามดุจคันศรเข้าหากันให้ยุ่งขณะฟังบิดาเอ่ยสนทนาสั่งสอนคิวากร
‘แปลก! พ่อแม่ทุกคนล้วนต้องการให้ลูกๆ เดินตามรอยเท้าพ่อสานต่อธุรกิจหรือกิจการที่บรรพบุรุษได้ก่อร่างสร้างตัวขึ้นมา แต่ทำไม? พ่อของเธอถึงไม่อยากให้ลูกๆ ได้สานต่อบริหารธุรกิจของครอบครัวให้เจริญรุ่งเรือง’
“คุณพ่อคะ ทำไมถึงไม่อยากให้รัณกับคิน...”
“ถึงสนามบินแล้วลูก ลงกันเถอะ”
คุณบริพัตรเอ่ยแทรกตัดบทคำถามของลูกสาวที่กำลังจะเอ่ยถามออกมาและเมื่อคนขับรถจอดรถตู้ตรงทางเข้าท่าอากาศยานก็แย้มยิ้มบางๆ ลอบถอนหายใจยาวราวกับระฆังหมดยกดังขึ้นช่วยปิดกั้นไม่ให้ตนเองต้องเอ่ยโกหกบุตรสาวที่ฉลาดเป็นกรด
รัณชิดาจำเป็นต้องกักเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ วันสองวันที่ผ่านมาพ่อของเธอมักจะพูดอะไรแปลกๆ พอจะเอ่ยถามให้หายสงสัยก็มีอันต้องถูกตัดบททุกคราวไป
เมื่อรถจอดสนิทแล้วคนขับรถได้วิ่งอ้อมมาเปิดประตูให้คุณๆ ได้ลงจากรถ รัณชิดาเป็นคนแรกที่ก้าวเท้าออกจากรถตู้ตามด้วยร่างสูงใหญ่ของบิดา
“ขอบคุณค่ะลุงสัน”
รัณชิดายิ้มหวานเอ่ยขอบคุณคนขับรถเก่าแก่ของตระกูล หญิงสาวไม่รู้ตัวเลยว่ารอยยิ้มหวานพิมพ์ใจที่ได้มอบให้กับคนขับรถได้ทำให้นักฆ่าอย่างผู้พันสิงหนาทถึงกับตาพร่าหัวใจสั่นรัว มือใหญ่ร้อนผ่าวที่จับมัจจุราชเตรียมปลิดชีวิตบิดาของหญิงสาวได้กระตุกสั่นลังเลที่จะลั่นไก