“นี่มันที่ไหนกัน” รสิการำพึงรำพันออกมาน้ำเสียงสั่นระริกอย่างหวาดหวั่นระคนด้วยอาการหวาดกลัว เมื่อมองฝ่าความมืดไปรอบกายเห็นตัวเองยืนอยู่โดดเดี่ยวท่ามกลางความทะมึนของต้นไม้น้อยใหญ่ แสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์กำลังค่อยๆ ลาลับจากผืนฟ้า แทนที่ด้วยความมืดที่เริ่มโรยตัวลงมาเรื่อยๆ จนแทบมองไม่เห็นเส้นทางหรือแม้กระทั่งเท้าตัวเอง ร่างบางเดินหันรีหันขวางก้าวสะเปะสะปะไปข้างหน้า สะดุดโน่นสะดุดนี่จนล้มลุกคลุกคลาน พลางเหลียวหน้าเหลียวหลังอย่างหวาดผวา “นี่เรากำลังหลงป่าหรือไร!” หญิงสาวถามตัวเองเสียงสั่นเครือ น้ำตาจวนเจียนจะหยด ทว่าพยายามปลุกปลอบใจตัวเองให้เข้มแข็งเข้าไว้ “สติไงล่ะรสิกา! รวบรวมสติไว้” หญิงสาวสั่งตัวเอง แม้เสียงที่สั่งจะไม่มั่นคงนักก็ตามที ทันใดนั้นดวงตาก็พลันเบิกโพลงด้วยความดีใจ เมื่อเห็นแสงไฟสีแดงวับแวมลิบๆ อยู่เบื้องหน้า หญิงสาวรีบสาวเท้าก้าวยาวๆ ตรงไปอย่างเร่งรีบเพื่อให้ถึงดวงไฟที่ว่านั่