ร่างหนาปรายสายตามองออกไปที่ด้านนอกเบาๆ และดึงผ้ามาคลุมร่างงดงามลงไปจนมิด และยกนางขึ้นคล่อมบนตักตน องค์หญิงกระพริบดวงตาปริบๆ และตื่นตระหนกขึ้นมา ในยามที่มือหนาควักแก่นกายออกมา และยกร่างนางขึ้นน้อยๆ ถลกกระโปรงของนางออกไปอย่างว่องไว และยกร่างของนางนั้นครอบครองเรือนกายของตนไปโดยพลัน
"อรึ้ย อร้า “
ใบหน้างดงามเบิกดวงตาโพลงอยู่ภายใต้ผ้าคลุมร่างนั้น นางยกมือเกร็งกอดคว้าลำคอแกร่งดึงลงมาโอบกอดเอาไว้จนแน่นหนา ริมฝีปากบางขบกัดแขนแกร่งอย่างรุนแรง เพื่อระบายความเสียวซ่านในกายตน มือหนายกสะโพกของนางขึ้น และจับกระแทกลงมาแรงๆโดยพลัน นางหวีดร้องครวญครางลั่นขึ้นมา
"อร้า อร้า อร้า “
เสียงหวานร้องครางลั่นออกมา จนถึงผู้คนที่ก้มลงแนบอยู่กับพื้น ผู้อื่นตัวสั่นเทาด้วยความโกรธาอย่างยิ่งยวด
"อรืม อ่า...เขื่อนแตกเช่นนั้นหรือ...หืม...ขุนนางที่รักของข้า "
ใบหน้างดงามแสดงความสุขสม มัวเมากับอิสตรีเพศอย่างมิใส่ใจผู้คนนัก ปากแดงชาดยกยิ้มจ้องมองผู้คนออกไปดั่งงูรัดเหยื่อ เอ่ยออกมาหน้าตาเรียบเฉยและมิใส่ใจอันใดนัก
"เช่นนี้พวกเจ้าก็ควรบริจาคเงินของพวกเจ้า ไปซ่อมแซมช่วยประชาชนเสียก่อน หากภายหน้าข้าจะส่งเจ้ากรมคลัง ลงไปดูแลอีกคราหนึ่งเอง "
ทุกร่างเงยหน้าขึ้นมาโดยพลัน เอ่ยโต้แย้งออกมาเสียงดังลั่น
"ฝ่าบาท เหตุใดมิอนุมัติเงินในคลังหลวงลงไปซ่อมเขื่อนเล่าพะยะค่ะ เพียงฝ่าบาทอนุมัติผู้อื่นก็ช่วยเหลือผู้คนได้โดยพลัน "
ริมฝีปากแดงยกยิ้มและทำหน้าโศกสลดขึ้นมาอย่างสุดซึ้ง ยกร่างบางกระแทกลงมาแรงๆขยับขึ้นลงมิหยุดยั้ง และร้องครางในลำคออย่างสุขสมยิ่งนักขึ้นมา
"อา...ซี้ดดด อาคนงาม ขย่มจักรพรรดิรุนแรงอีก อร้า ซี้ด อู้ว “
ร่างบางถูกเร่งรัดจนใบหน้าบิดเบี้ยว มิอาจจะกลั้นเสียงร้องได้ กรีดร้องดังออกไป
"อรื้อ อร้า อร้า “
ทุกการสนทนาต่างหยุดนิ่ง ริมฝีปากแดงชาดคลี่ยิ้มจางๆ ดวงตาฉ่ำหวานจ้องมองผู้คนออกไป
"อืม ข้าคงต้องให้พวกเจ้านั้น บริจาคเงินลงไปซ่อมแซมเขื่อนเสียล่วงหน้าก่อน ให้มั่นคงแข็งแรงนักแล้วยามที่ข้าให้กรมคลังไปตรวจสอบ หากเขื่อนแข็งแรงได้ข้าจึงจะมอบเงินคืนพวกเจ้าไปดีหรือไม่ หากมิแข็งแรงพอ ข้าก็จะริบเงินพวกเจ้าลงไปเสีย "
ดวงตาคมไหวระริก เอ่ยหยอกล้อรุนแรงและร้องครวญครางลั่นในลำคอของพระองค์ขึ้นมา
"อร่า ซี้ด “
หลายร่างเร่งถอยหลังและลุกพรวดพราดออกไปอย่างกรุ่นโกรธ นางส่งเสียงมิพอใจตนอย่างยิ่งนัก ชายชราผู้หนึ่งส่ายหน้าระอา และข่าวลือก็สะบัดออกไปจนทั่วทั้งเมืองหลวง
"จักรพรรดิมิสนใจราชกิจเอาแต่มัวเมาในสตรี ยามประชาชนร้องขอให้ซ่อมเขื่อน พระองค์นั้นมิประทานเงินให้ยังมิพอ ยังมาขอบริจาคจากเหล่าขุนนางสิ้น!!! "
ข่าวลือนั้นกระพือไปจนทั่วทิศ ภายหลังจากที่เหล่าขุนนางนั้น ก้าวออกมาจากวังหลวงได้เพียงแค่ชั่วเวลากาน้ำเดือด
"อรื้อ ฝ่าบาท คนพวกนั้นไปแล้วนะเพคะ ปล่อยหม่อมฉันลง อ่ะ ซี้ด อร้า อร้า “
มือหนาขยับยกร่างบางขึ้นไปบนโต๊ะทรงอักษร สอดแทรกเรือนกายแข็งชันและถอดถอนเข้าออกช้าๆ ก่อนจะเร่งกระแทกกระทั้นลงไปมิหยุดยั้ง
"อ่ะ อร้า ซี้ด ฝ่าบาท "
"หึ หึ ค่ายสามค่ายนั้นล้วนมีสิ่งของที่มีราคานัก หากเจ้ามิมีบุตรมาคืนข้า เจ้าจะต้องโดนอาญาจากข้าไปจนตาย เลยนะองค์หญิง "
"อร้า ฝ่าบาทโปรดอภัยให้หม่อมฉัน หม่อมฉันมิได้ตั้งใจเพคะ อร้า "
ร่างบางถูกอุ้มออกมาจากห้องทรงอักษร ในห่อผ้าคลุมไหล่ขององค์จักรพรรดิ ร่างหนาขึ้นเกี้ยว ผู้อื่นก็ยกเหิรขึ้นฟ้า กลับตำหนักในไปเสีย ร่างบางอาบน้ำและนั่งอยู่ข้างๆองค์จักรพรรดิที่เอนกายนอนแทะผลไม้จากมือนาง ร่างงดงามบีบนวดแขนเบาๆ และสอบถามอย่างใคร่รู้ขึ้นมา
"ฝ่าบาท เหตุใดจึงมิช่วยเหลือชาวบ้านซ่อมเขื่อนหรือเพคะ มิใช่เป็นเรื่องรีบเร่งหรือเพคะ "
ร่างหนาหัวเราะร่าและขบกัดเลียไล้ลงไปที่ฝ่ามือนุ่มเบาๆ และลูบฝ่ามือลงบนสะโพกของนางไปมา หนุนตักนางและกอดนางแน่นๆอย่างซุกซน เอ่ยกลั้วหัวเราะขึ้นมา
"หึ หึ ประชาชนนั้นล้วนถูกทหารช่วยขึ้นจากลำน้ำมาก่อนขุนนางแล้ว และผู้อื่นย่อมมิต้องระวังภัยจากน้ำหลาก เพราะถึงฤดูของมันแล้ว เขื่อนพังลงย่อมต้องสร้างในหน้าแล้ง ฝนมาแล้วเหตุใดจึงพึ่งมาซ่อมเขื่อน งบหน้าแล้งเพิ่งตัดจ่ายไปมินาน งบหน้าฝนจะละลายลงไปในแม่น้ำ เพื่อเหตุอันใดอีกหรือ องค์จักรพรรดินีแสนฉลาดของข้า "
ร่างบางใบหน้าแดงซ่านขึ้นมาพยักหน้าอย่างเข้าใจออกไปช้าๆ และจุมพิตใบหน้าคมลงไปเบาๆ
"หม่อมฉันเข้าใจแล้วเพคะ "
"อืม.. ก้มลงมาอีกนิดซิซื่อหยู "
ร่างบางสะดุ้งใบหน้าแดงระเรื่อค่อยๆก้มลงอีกน้อยๆ ริมฝีปากแดงชาดพลันขบกัดดูดดึงยอดอกนางลงไปอย่างว่องไว
"อร้า ซี้ด ฝ่าบาท "
ซื่อหยูตัวสั่นระริก ในกายของนาง เลือดของนางคล้ายเดือดพล่าน ลิ้นร้อนๆสะบัดไล้เลียไปมาบนยอดอกที่ตั้งชันขึ้น มาจากสัมผัสของลิ้นนุ่มๆนั้น
"อร่า ซี้ด ฝ่าบาท "
ร่างหนาขึ้นเกี้ยวและมีผู้พาเหิรดั้นเมฆาไป เกี้ยวหลังโตพาดผ่านเงาแสงจันทราในเวลาดึกสงัด สองร่างอยู่ในเกี้ยว ร่างบางกำลังหลับไหลอยู่ในนั้น
ฝนพายุธนูพัดผ่านไป ผู้อื่นทะยานมาโบกพลิ้วปัดลงไปสู่ที่พื้นดิน ตกลงไปบนบ้านเรือนผู้คนดังโครมคราม ผู้คนตื่นขึ้นมาพบเกี้ยวเหิรฟ้าไปทางค่ายทหาร เกี้ยวงดงามประดับไข่มุกสะท้อนแสงจันทรา จนดวงตาพร่าเลือน ชาวบ้านมองตาโตขึ้นมาตัวสั่นระริก
องค์หญิงซื่อหยูลืมตาตื่นขึ้นมาเพราะเสียงเป่าของเขาสัตว์ เสียงชุดเกราะเดินผ่านไปดังสนั่นหวั่นไหว เสียงฝึกรบดังออกมาในยามราตรี เสียงปะทะของอาวุธและเสียงโห่ร้องดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นมา
"เฮ เฮ เฮ ฝ่าบาท ฝ่าบาท ฝ่าบาท !!! "
องค์หญิงมีสตรีนับสิบนางช่วยประคองไป รอบกายมีสตรีงดงามเดินผ่านมาในชุดยั่วยวน มีเพียงพวกนางนั้นอยู่ในชุดวาบหวิบแต่คลุมทับด้วยเสื้อคลุมอย่างมิดชิด
บนลานสูงมีสตรีงดงามยั่วยวนสะท้อนแสงโคม นางขยำขยี้อกของตนเองเรียกน้ำลายของบุรุษบนลานนั้น ด้านข้างมีลานประลองดาบปะทะกันไปมา ร่างหนาปะทะดาบกับบุรุษร่างยักษ์อ้วนหนากว่าพระองค์และหัวล้านมันเวี่ยม องค์หญิงกรอกตาขึ้นไปบนผืนฟ้าเบาๆ
ผู้คนประคองนางไปนั่งที่สูงชันบนเวที มีผ้าผืนบางบังนางจากสายตาของผู้อื่นไปจนสิ้น มีเพียงนางที่มองทอดการประลองอย่างชัดเจนจากที่นั้น ในที่สูงมีชายชุดดำปิดหน้ายืนบนยอดไม้มากมายคอยคุ้มกัน เสียงปะทะดาบดังไปมา บุรุษเพศล้วนรื่นเริงสนุกสนานยิ่ง องค์หญิงแย้มยิ้มจางๆขึ้นมาพลัน
"องค์จักรพรรดิของพวกเจ้า ชื่นชอบการประลองเช่นั้นหรือ ข้านึกว่าพระองค์นั้นจะชื่นชมแต่เพียงอิสตรีเพียงเท่านั้น เอง "
"ทูลจักรพรรดินี องค์จักรพรรดินั้นทรงเลิศล้ำในทุกสิ่งเพคะ ในแผ่นดินนี้ล้วนก็เป็นหนึ่งกว่าผู้ใดเพคะ "
ร่างงดงามที่เต็มไปด้วยกล้ามหนาบิดดาบปะทะจนดาบของผู้อื่นล่องลอยไป และโยนดาบของตนลงทิ้งไปแทนกันปลุกปล้ำแรงกายกันไปมา เรียกเสียงโห่ร้องขึ้นมาจากบุรุษยิ่ง