ตอนที่ 8 รับอนุภรรยา

2053 คำ
เหอเพ่ยเจินเดินเข้ามาพร้อมกับผู้เป็นบิดาและพี่ชายของตนเอง เมื่อนางเดินเข้ามาในงานทุกสายตาต่างจดจ้องไปที่นางเป็นตาเดียว "งดงามนักสตรีผู้นั้นคือผู้ใดกัน" "อาภรณ์ที่นางสวมใส่และใบหน้าของนางช่างดูเย้ายวนมีเสน่ห์เหลือเกิน แม้แต่ข้าที่เป็นสตรีด้วยกัน ยังไม่สามารถละสายตาไปจากนางได้" เมื่อเดินทางมาถึงงานแล้ว นางจึงได้ขอตัวไปนั่งยังที่นั่งที่ได้ถูกจัดเตรียมไว้ของตนเอง หญิงสาวกวาดมองไปทั่วทั้งงาน เมื่อเห็นว่าตนเองต้องนั่งอยู่ที่ใด ก็ได้ตรงไปยังที่ตรงนั้น งานเลี้ยงในครั้งนี้ ได้ถูกจัดให้บุรุษและสตรีแยกที่นั่งกันอย่างชัดเจน ที่นั่งแต่ละที่ได้ถูกจัดไว้ตามตำแหน่งที่ควรจะเป็นของขุนนางแต่ละชั้น เหอเพ่ยเจินถูกจัดให้นั่งยังตำแหน่งเบื้องหน้าของฮูหยินท่านแม่ทัพ แต่ ณ ตอนนี้ตรงตำแหน่งที่นางจะนั่งนั้นกลับมีหลี่จื่อเหยาที่มานั่งแทนเสีย แทนที่นางจะขยับไปนั่งยังที่นั่งด้านหลัง ซึ่งเป็นตำแหน่งของฮูหยินรองตามตำแหน่งของตนเอง เหอเพ่ยเจินเดินไปหยุดยังเบื้องหน้าของหลี่จื่อเหยา พร้อมกับก้มลงไปกล่าวกับนางด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดังและไม่เบาจนเกินไปนัก "ข้าพึ่งรู้ว่าเจ้าสามารถนั่งยังตำแหน่งนี้ได้" ถึงแม้นหลี่จื่อเหยาจะรู้ว่าคำกล่าวนั้นหมายถึงสิ่งใดแต่นางก็ไม่มีทีท่าว่าจะขยับกายเลยแม้แต่น้อย "ตรงนี้ข้าได้นั่งไปแล้ว พี่หญิงก็ไปนั่งด้านหลังเสียจะเป็นไร" เหอเพ่ยเจินส่งเสียง 'หึ' ในลำคอ พร้อมกับปรายตามองไปยังเซี่ยซู่เหยียนที่กำลัง จ้องมองมาที่พวกนางอยู่ก่อนแล้ว นางหันมากล่าวกับหลี่จื่อเหยาด้วยน้ำเสียงที่ดูกดต่ำและข่มขู่อยู่ไม่น้อย "ถึงแม้นว่าในจวนแม่ทัพเจ้าจะเป็นใหญ่ สามารถทำสิ่งใดก็ได้ แต่ที่นี่เจ้าควรจะรู้จักกาละเทศะ อย่าให้ผู้อื่นได้ครหา ว่าไม่มีผู้ใดคอยสอนสั่ง เป็นเพียงฮูหยินรองจะมาเทียบเคียงฮูหยินเอกอย่างข้า มันจะเสื่อมเสียไปถึงวงศ์ตระกูลของเจ้าเอาได้" "เจ้า…!!!" ถึงแม้นว่านางดูจะเจ็บใจกับคำกล่าวนั้นอยู่ไม่น้อย แต่เมื่อกวาดมองไปโดยรอบ คำพูดของเหอเพ่ยเจินก่อนหน้านี้ ถือว่าไม่เบานัก นั่นจึงทำให้เหล่าฮูหยินเอกที่ได้ยินบทสนทนานี้แต่ละคนที่นั่งอยู่ที่นั่นทอดมองมาที่นางอย่างดูแคลน นั่นจึงทำให้นางต้องลุกขึ้นไปนั่งยังที่นั่งด้านหลังของตนเองอย่างคับแค้นใจ เหอเพ่ยเจินเมื่อได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการแล้ว ก็ยกยิ้มขึ้นมาอย่างผู้ชนะ พร้อมกับไปนั่งยังที่นั่งของตนเอง และนางยังไม่ลืมที่จะหันไปส่งยิ้มหวานจับใจให้กับเซี่ยซู่เหยียนอีกด้วย เซี่ยซู่เหยียนเอง เมื่อเห็นว่าหญิงสาวส่งยิ้มให้กับตน ก็ได้แต่คิ้วกระตุก เหตุใดสตรีผู้นั้นถึงได้ทำอย่างกับว่านางคือผู้ชนะ และยังท่าทีแปลกประหลาดหลายๆ อย่างที่นางแสดงออกในช่วงนี้ ก็ดูจะมีความสุขมากกว่าทุกข์ใจอย่างที่เขาอยากจะเห็น เขาจึงได้แต่อดคิดในใจอย่างเงียบๆ ด้วยไม่เข้าใจ 'ความอดทนของสตรีผู้นั้นมีมากมายเท่าใดกัน นี่นางหลงใหลในตัวเขามากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ' เขาจึงได้แต่ยกจอกสุราขึ้นดื่ม พร้อมกับเสมองไปทางอื่นเสีย เพื่อที่จะไม่ได้เห็นรอยยิ้มอันมีความสุขนั้นของนาง ในวันนี้เขาต้องยอมรับว่านางช่างงดงามจนทำให้เขาเองก็อดที่จะจ้องมองไปที่นางอย่างตื่นตะลึงอยู่ไม่ได้เช่นกัน และเมื่อได้เห็นรอยยิ้มที่ดูจริงใจไร้ซึ่งท่าทีเสแสร้งที่ส่งมาให้กับตน ก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกใจเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นั่นจึงทำให้เขาต้องรีบสลัดภาพของนางทิ้งไปเสีย เพราะคิดว่านี่คือแผนการของนางที่กำลังล่อลวงตนเองอยู่ เวลาล่วงไปไม่นานฮ่องเต้ ฮองเฮา และสี่อัครราชชายาก็ได้เดินทางมาถึงยังงานเลี้ยง เหล่าผู้คนที่อยู่ในงาน จึงต้องลุกขึ้นถวายพระพรผู้สูงศักดิ์ทั้งหลายอย่างพร้อมเพรียงกัน ฮ่องเต้จึงได้กล่าวเปิดงานเลี้ยงสังสรรค์นี้ขึ้น เพื่อให้ทุกคนได้กินดื่มกันอย่างสนุกสนาน จนเมื่อเวลาล่วงเลยไปได้พอสมควร ก็ได้มีนางรำออกมาแสดงความสามารถของตนเองกันอย่างมากมาย จนถึงการแสดงชุดสุดท้ายที่เป็นการแสดงของนางรำของวังหลวง ซึ่งนางรำเหล่านี้ ล้วนแต่มีใบหน้าที่งดงาม และมากความสามารถ เหล่าบุรุษที่กำลังอยู่ในอาการมึนเมา ก็ได้แต่เคลิบเคลิ้มไปกับนางรำเหล่านั้นด้วยความหลงใหล จนพระสุรเสียงของฮ่องเต้ได้หันไปเอ่ยกับเซี่ยซู่เหยียนอย่างมีนัยยะแอบแฝงบางอย่าง พวกเขาถึงได้เงียบเสียงลง "ท่านแม่ทัพท่านว่านางรำเหล่านี้งดงามหรือไม่" "งดงามพ่ะย่ะค่ะ" "ดี…!!!" ฮ่องเต้พระสรวลออกมาอย่างชอบอกชอบใจ เมื่อการแสดงได้สิ้นสุดลง พระองค์จึงให้นางรำ ที่ถือว่างดงามที่สุดออกมานั่งคุกเข่ายังเบื้องพระพักตร์พร้อมกับหันไปตรัสกับเซี่ยซู่เหยียน "ด้วยเจ้าเป็นบุรุษที่มีความสามารถซึ่งได้สร้างคุณงามความดีเอาไว้กับแคว้นจ้าว บุรุษเช่นเจ้าช่างหาได้ยากยิ่งนักบนแผ่นดินนี้ เจิ้นจึงอยากจะให้เจ้าได้แผ่กิ่งก้านสาขา เพื่อให้มีบุรุษที่มีความสามารถเช่นนี้ออกมาในแคว้นจ้าวให้มากยิ่งขึ้นนางรำทั้งสามคนนี้ เจิ้นจะมอบให้เพื่อเป็นอนุภรรยาของเจ้าก็แล้วกัน" เพียงได้ยินรับสั่งของฮ่องเต้ เหล่าบุรุษมากมายก็ล้วนให้รู้สึกอิจฉากับความโชคดีนี้ของเซี่ยซู่เหยียน แต่เมื่อหันไปทางเหล่าสตรีกลับพบสายตาที่ดูจะสาสมใจในความโชคร้ายของผู้อื่น สตรีที่ดูเย้ายวนทั้ง 3 นางนี้ หากได้ตกแต่งไปเป็นอนุภรรยาของผู้ใด เกรงว่าฮูหยินของจวนนั้นคงต้องอกแตกตายเสียให้ได้ เหตุใดบุรุษจะไม่ชมชอบสตรีที่เอาอกเอาใจและดูเย้ายวนคล้ายกับนางจิ้งจอกเล่า ทั้งฮูหยินเอกและฮูหยินรองของแม่ทัพผู้นี้พึ่งตกแต่งเข้ามาได้ไม่นานเพียงเดือนเดียว แต่ต้องรับอนุภรรยาเข้าไปถึง 3 คนแล้วอย่างนั้นหรือ...พวกนางช่างน่าสงสารเสียเหลือเกิน เซี่ยซู่เหยียนเองก็รู้สึกตกใจอยู่ไม่น้อย แต่ครั้นจะกล่าวปฏิเสธออกไป ก็หาใช่สิ่งที่ควรทำ เขาจึงได้แต่เดินออกไปคุกเข่ายังเบื้องหน้าพร้อมกับขอบพระทัยผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดินถึงความเมตตานี้ "ขอบพระทัยฝ่าบาทเป็นอย่างมากพ่ะย่ะค่ะ" หลี่จื่อเหยาแทบจะไม่สามารถปกปิดสีหน้าของความไม่พอใจเอาไว้ได้ ฝ่ามือของนางถูกกำเข้าหากันแน่น จนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ นางได้แต่สบถออกมาในใจคล้ายกับผู้ที่ถูกรังแก 'เหตุใดถึงได้กลายเป็นเช่นนี้ไปได้ นี่ฝ่าบาททรงเลอะเลือนไปแล้วหรืออย่างไร' แตกต่างกันกับเหอเพ่ยเจินอย่างสิ้นเชิง ที่ตอนนี้การแสดงออกของนางเต็มไปด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย ไม่ได้แสดงความรู้สึกใดๆ นางรู้สึกเพียงว่าตอนนี้มีหลายสายตากำลังจดจ้องมาที่นางเมื่อหญิงสาวเงยหน้าขึ้นก็พบกับสายตาของบิดาและพี่ชายที่ทอดมองอยู่ก่อนหน้านี้ซึ่งสายตาของทั้งคู่ ก็กำลังสังเกตปฏิกิริยาของนางอยู่เช่นกัน เหอเพ่ยเจินจึงยิ้มอ่อนโยนกลับไปให้ บุรุษทั้งสองจึงได้แต่ส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ล้วนเป็นเหอเพ่ยเจินที่ต้องการให้มันเป็นเช่นนั้น 'นี่เจ้ากำลังคิดจะทำสิ่งใดกันแน่' เมื่องานเลี้ยงในวังหลวงจบลง พวกเขาจึงได้เดินทางกลับไปยังจวนของตนเอง หลี่จื่อเหยาที่นั่งเงียบมาตลอดทาง เมื่อเดินทางเข้ามาภายในจวนแม่ทัพเรียบร้อยแล้ว นางก็ได้กล่าวคำที่ไม่พอใจของตนเองออกมาก่อนหน้านี้อย่างไม่เก็บกัก "นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เหตุใดฝ่าบาทถึงต้องประทานนางรำเหล่านั้นมาให้กับท่านพี่ด้วย" "เจ้าก็ได้ยินรับสั่งของฝ่าบาทแล้วไม่ใช่หรือ" "แล้วท่านก็ยินยอมโดยง่ายเช่นนี้นะหรือ…!? มันไม่ง่ายไปหน่อยหรือเจ้าคะ" หลี่จื่อเหยาแทบจะตะคอกออกมาอย่างเดือดดาลเมื่อได้ยินเช่นนี้ "แล้วเจ้าจะให้พี่ปฏิเสธอย่างนั้นหรือ เหตุใดถึงต้องทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ด้วย นี่ก็ดึกมากแล้วกลับไปยังเรือนของเจ้า แล้วไปสงบสติอารมณ์ของตนเองเสีย" เซี่ยซู่เหยียนเอ่ยออกมาอย่างรู้สึกไม่พอใจ เมื่อฮูหยินรองของตนเองแสดงท่าทีเช่นนี้การตกแต่งอนุภรรยาเข้ามาในเรือนก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ…?? เหตุใดนางจะต้องตีโพยตีพายทำให้เป็นเรื่องใหญ่ด้วย หลี่จื่อเหยาแทบจะตาถลนออกมาจากเบ้า เมื่อได้ยินถ้อยคำนี้ของผู้เป็นสามีเขาดูไม่ทุกข์ร้อนใจและยังดูไม่พอใจกับนางที่กล่าวเช่นนี้เสียด้วยซ้ำ นี่เขาคิดถึงความรู้สึกของนางบ้างหรือไม่ "ท่านพี่…!!!" หมัวมัวคนสนิทของนางทนเงียบต่อไปไม่ไหว จึงได้เข้ามาปลอบโยนคุณหนูของตนเองเพื่อให้นางใจเย็นลง "ฮูหยินท่านกลับไปสงบจิตใจที่เรือนตนเองก่อน" พร้อมกับส่งสายตาห้ามปรามไปให้หลี่จื่อเหยา ถึงแม้จะยังคงเดือดดาลอยู่ แต่เมื่อเห็นสายตาเช่นนั้น นางก็ได้แต่เดินตามหมัวมัวของตนเองเข้าไปในเรือน "เหตุใดท่านถึงจะต้องมาห้ามข้าด้วย อีกแค่ 3 วันสตรีเหล่านั้นก็จะเข้ามาในจวนแห่งนี้แล้ว หากข้ามิทำอันใดเกรงว่าความสุขของข้าต่อจากนี้คงได้จบลงเป็นแน่" "แต่นั่นคือรับสั่งของฝ่าบาท และการตกแต่งอนุภรรยาเข้ามาในเรือนนั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติของบุรุษในยุคสมัยนี้ แม้แต่นายท่านเองก็ยังมีอนุเกือบ 10 คน บางจวนมีอนุภรรยามากกว่าสาวใช้ที่คอยรับใช้เสียด้วยซ้ำ ท่านจะตีโพยตีพายให้ท่านแม่ทัพรู้สึกเบื่อหน่ายตนเองไปเพื่อการใด ทำใจยอมรับและคิดวางแผนที่จะกำราบอนุเหล่านั้นให้อยู่ในโอวาทของตนเองเสียจะดีกว่า ที่จะทำเรื่องสิ้นคิดนี้" หมัวมัวผู้นี้เลี้ยงดูนางมาตั้งแต่วัยเยาว์ นั่นจึงทำให้หลี่จื่อเหยาให้ความเคารพและเชื่อฟังนางอยู่ไม่น้อย เมื่อถูกเตือนสติเช่นนี้ นางจึงได้แต่พยายามข่มกลั้นความไม่พอใจของตน เหตุใดชีวิตของนางถึงได้อาภัพนักเล่า นางเป็นถึงบุตรีที่เกิดจากฮูหยินรองของแม่ทัพใหญ่ สมควรที่จะได้ตกแต่งเป็นฮูหยินเอกของบุรุษผู้หนึ่งเสียด้วยซ้ำ นี่นางยอมตกแต่งให้เขาในฐานะฮูหยินรองของเขาก็ด้วยความรัก แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ แม้แต่คำปลอบโยนเพียงครึ่งคำ เขาก็หาได้มอบมันให้กับนาง "อย่าถือว่าข้าสอนเลยนะเจ้าคะ อย่างน้อยๆ ในตอนนี้ท่านแม่ทัพก็โปรดปรานท่านเป็นอย่างมาก และยังความเกรงใจที่มีต่อบิดาของท่านอีก จงใช้ประโยชน์จากข้อดีเหล่านี้มาเพื่อเป็นเกราะคุ้มกันให้ตนเองเสีย" หลี่จื่อเหยาไม่ได้กล่าว ความใด นางทำเพียงนั่งนิ่งเพื่อใช้ความคิดของตนเองคำพูดของหมัวมัวผู้นี้ถือว่าไม่ผิดนัก นางจะต้องมีสติให้มากกว่านี้ เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงได้แต่หันมาวางแผนการของตนเองที่จะรับมือกับอนุภรรยาทั้ง 3 คนเช่นไร
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม