2

2414 คำ
เลี้ยวเข้าทางคอนกรีตที่ปูยาวจากถนนเส้นหลักเข้าไปที่ด้านใน ราวสามร้อยเมตรได้ ถึงเห็นลานชั่งไม้ ลานรับซื้อพืชผลทางการเกษตร รวมถึงตัวบ้านหลังใหญ่ตั้งตระหง่านบนพื้นที่ซึ่งติดกันกับบ้านเดี่ยวหลังเล็กของเธอ ดรัลรัตน์ไม่ค่อยได้สุงสิงกับใครนัก แต่หากใครสร้างความเดือดร้อนให้ ก็มักไม่อยู่เฉย ยกตัวอย่างเช่นข้างบ้านนี่ไง เป็นลานรับซื้อผลผลิตทางการเกษตรที่มากว้านซื้อที่รอบ ๆ เมื่อหลายปีมาแล้ว และขายต่อเปลี่ยนเจ้าของอีกที ที่ตอนนี้นอกจากจะถนัดกดราคารับซื้อแล้ว ยังถนัดจัดปาร์ตี้กันแทบทุกคืนอีกด้วย ล่าสุดมียิงปืนขึ้นฟ้าอีกต่างหาก มาทีหลัง แล้วยังมาสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นแบบนี้อีก เป็นพวกไม่มีสามัญสำนึกเลยจริง ๆ เธอเคยเข้าไปเตือนพวกเขาแล้วสามครั้งในระยะหนึ่งเดือนมานี้ ทางนั้นก็รับปากส่งเดชว่าจะระวังเรื่องเสียงและจะปรามคนของตัวเอง ไม่ให้ทำอะไรแบบนั้นอีก แต่ก็เห็นทำอยู่แบบเดิม เลยไปปรึกษากับผู้นำชุมชน ทางนั้นคงพรรคพวกกัน บอกแต่ให้เธอใจเย็น ๆ ค่อยคุยกันไป ต้องรอให้ไอ้กระสุนพวกนั้นมันลอยลงมาทำร้ายคนก่อนหรือ ถึงจะกระเตื้องกันได้ เธอไม่อยากให้ตัวเองและคนในบ้านต้องมารับเคราะห์จากคนที่เอาแต่สนุกไปวัน ๆ โดยไม่นึกถึงเพื่อนร่วมโลกอย่างคนพวกนี้ จอดรถเรียบร้อย ลงไปยืนมองหาคน เห็นชายในวงเหล้าที่พอพูดคุยคุ้นหน้ากันบ้าง เพราะเป็นผู้จัดการของที่นี่ ก็ออกปากร้องทักเขาไป “คุณที” “อาเจ้มาเว้ย” เสียงโหวกเหวกโวยวายดังอยู่ที่กลุ่มคนตรงโต๊ะด้านหลังของชายชื่อ ‘ที’ ดรัลรัตน์หาได้สนใจไม่ มองสำรวจคนในลานที่นั่งดื่ม นั่งร้องเพลงกันแล้ว ค่อยออกปากถามพร้อมรอยยิ้ม “ฉลองอะไรกันคะ” “วันเกิด...อยากน่ะครับ คุณรัลดื่มด้วยกันไหมครับ” “ขอบคุณค่ะ แต่เผอิญว่าไม่ได้อยากเท่าไร อ้อ รบกวนว่าอย่ายิงปืนขึ้นฟ้าอีกเลยนะคะ เกิดไปโดนใครเข้าจะรับผิดชอบชีวิตเขาไม่ไหว” ดรัลรัตน์เดินกลับไปที่ท้ายรถ เปิดออกแล้วลากเอาเครือกล้วยลงมาวางข้าง ๆ ที “ของขวัญวันเกิด...อยากค่ะ มีความสุขมาก ๆ นะคะ สร้างประโยชน์บ้าง อย่าเอาแต่สร้างปัญหา” บอกจบเดินกลับขึ้นรถ ขับออกไปในเวลาต่อมา ทิ้งให้ชายเจ้าของชื่อ ‘ที’ ยืนงงอยู่เล็กน้อย แล้วชี้นิ้วไล่หลังไปด้วย “หลอกด่าผมอีกแล้วนะอาเจ้” ค่อยให้คนมาลากเอากล้วยไปวางให้เจ้าของวันเกิดตัวจริง ที่กำลังจะแวะมาพักที่นี่ในค่ำคืนนี้   จี๊ปเชอโรกีคันใหญ่สวนกับกระบะสีเขียวที่ตรงทางเข้าพอดี แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครให้ความสนใจใครทั้งนั้น คงเพราะจมกับความคิดของตัวเองด้วยกันทั้งคู่ ทันทีที่รถจี๊ปจอดลงเรียบร้อย ทีเห็นก็รีบวิ่งเหยาะ ๆ เข้ามาเปิดประตูให้ด้วยท่าทางเอาอกเอาใจ ก่อนจะทำท่าตะเบ๊ะทำความเคารพนายอย่างหยอกเย้า “ฉลองอะไร” เสียงถามดังมาจากคนที่เพิ่งมาถึง ‘ที’ ผู้จัดการความเรียบร้อยของที่นี่ยิ้มกว้าง ตอบผู้เป็นเจ้าของอาณาบริเวณนี้ทั้งหมด ทั้งยังเป็นเจ้าของกิจการลานรับซื้อผลผลิตทางการเกษตร และแน่นอนว่าเป็นเจ้านายของตนอีกด้วย “วันนี้ วันเกิดคุณใหญ่ยังไงล่ะครับ” เจ้าของวันเกิดที่ถูกเอาชื่อไปแอบอ้างเพื่อจัดกินดื่มส่ายหัวน้อย ๆ ลูกน้องทั้งก๊วนหาเรื่องฉลอง กิน ดื่มกันได้ทุกวี่วัน แล้วเดินผ่านกลุ่มลูกน้องที่ขยับลุกมาต้อนรับ แต่เขาโบกมือว่าให้ถอยออกไป ผู้จัดการตัวดีที่ชื่อที ขยับไปยืนขวางหน้าคนเป็นนาย บอกด้วยสภาพเมามายนิด ๆ “เพื่อนบ้านเอาของขวัญมาให้ด้วยนะครับคุณใหญ่” ได้ยินอย่างนั้น ค่อยหันกลับมามองที ลูกน้องตัวดีผายมือไปทางกล้วยดิบเครือใหญ่ แววตาเจ้าของวันเกิดเข้มขึ้นนิดเดียว นึกได้ว่ามีรถกระบะขับสวนเขาตรงทางเข้าเมื่อกี้นี้ “เอาไปแบ่งกันกินไป” บอกลูกน้องแล้ว เดินเลยไปทางด้านหลังของตัวบ้านในนาทีต่อมา   ดรัลรัตน์กลับบ้านมาแล้วก็ตรงเข้าไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย ถึงได้พบว่าเด็กชายสิปปภาสนั่งเล่นของเล่นอยู่ รถ หุ่นยนต์ในกล่องสมบัติของเจ้าตัว มีไม่มาก ถูกรื้อออกมาวางบนเบาะนอน ที่ใช้ตั้งแต่แรกเกิดยันวันนี้ พอเห็นเธอ พ่อตัวดีก็เรียกเสียงอ้อน “แม่รัลครับ” ดรัลรัตน์พาตัวลงนั่งข้าง ๆ ขานรับ “อะไรครับ” เด็กชายนั่งเงียบไปเดี๋ยวเดียว เงยหน้าขึ้นสบตากับเธอ ถามเสียงอ่อยว่า “สิปมีพ่อไหม” ดรัลรัตน์มองแล้วส่งยิ้มน้อย ๆ กลับไป ไม่นึกโกรธ ไม่เคยคิดน้อยใจ ไม่เคืองเลยสักนิดกับคำถามแบบนี้ นี่คงมีเพื่อนหรือใครเอามาพูดให้คิดอีกล่ะสิ ถึงได้เอากลับมาถามเธอ ขยับไปนั่งเบียด ลากเอาร่างกลมขึ้นมาบนตัก แล้วก้มลงหอมแก้มฟอดใหญ่ จะว่าไป พ่อตัวดีนี่เคยถามเรื่องพ่อมาแล้ว และเธอก็ตอบแบบนี้ทุกที “มีสิลูก ทำไมจะไม่มีเล่า” แล้วเปลี่ยนเสียงตอบให้เข้มกว่าเดิม “ก็มีแม่รัลที่เป็นทั้งพ่อแล้วก็แม่แล้วนี่ไง ยังจะเอาใครอีกฮะเจ้าอ้วนสิป” บอกจบก้มลงซุกจมูกกับพุงใหญ่ ๆ ของเด็กชาย เรียกเสียงหัวเราะของเด็กชายให้ดังลั่นบ้านในนาทีต่อมา ดรัลรัตน์พาเด็กชายสิปปภาสเข้านอน แล้วก็ค่อยออกมาที่ด้านนอกอีกครั้ง เพื่อตรวจดูความเรียบร้อยของบ้าน ญาติผู้น้องเดินหน้าตาตื่นมาหา “พี่รัล” ดรัลรัตน์ร้องเสียงเนือย “มีอะไรอีกล่ะ” “ป้ารองหายไปไหนก็ไม่รู้จ้ะ” “อีกแล้วหรือ” รำพึงด้วยอาการเป็นห่วงมากกว่าจะหงุดหงิด แล้วเดินออกจากบ้าน ร้องหามารดาไปพลาง ไม่พบที่รอบ ๆ บ้าน ค่อยเดินตรงไปยังสวนด้านหลัง สาวเท้าเดินอย่างไว ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ เมื่อเห็นท่านนั่งอยู่ตรงเก้าอี้ม้าหินอ่อนตัวเก่ามองตรงไปยังที่ข้าง ๆ กัน ตรงนั้นมีลำรางเล็กกั้นพื้นที่ทั้งสองแปลงเอาไว้เพียงเท่านั้น ดรัลรัตน์เคยทำรั้วรอบขอบเขตไว้แล้ว แต่ก็พังไปตามกาลเวลา เห็นทีต้องเจียดเงินในบัญชีมาทำรั้วอีกรอบเสียแล้ว จะได้เป็นสัดส่วน เธอกับคนในบ้านไม่เข้าไปในที่ของเขาอยู่แล้ว แต่ในนั้นมีพวกคนงานสารพัดสัญชาติ กลัวจะหลุดเข้ามาทางนี้เสียมากกว่า เรียกมารดาด้วยเสียงอ่อนอกอ่อนใจ “แม่ มืดค่ำแล้วนะ มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้” นางรังรองไม่ได้หันมองที่บุตรสาว แต่ถึงอย่างนั้นก็ร้องตอบไปว่า “แม่คุยกับเจ้าที่อยู่” ถอนใจกับคำตอบของมารดา ใครไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ได้ยินแบบนี้เข้าคงคิดว่าแม่ของเธอป่วย แล้วก็คงกลัวกับคำตอบของแกเป็นแน่ ยิ้มแล้วเดินเข้าไปหา ปากก็ร้องถามไปพลางอย่างนึกขำ “เจ้าที่ว่าไงบ้างล่ะรอบนี้” เสียงตอบของนางรังรองสวนกลับมาทันที “เห็นว่าอยากได้เมีย” ดรัลรัตน์ร้องเหอะใส่ ย้อนมารดาว่า “อยากได้เมียแล้วไง เป็นถึงเจ้าที่หาเองไม่ได้เรอะ เลยต้องมาบอกแม่งั้นหรือ” นางรังรองไม่สนใจคำเหน็บแนมของเธอ กล่าวตอบกลับมา “แม่ว่าจะลองถามดู ว่าอย่างแม่นี่พอไหวไหม” ได้คำตอบจากท่านแล้ว ตรงไปโอบไหล่ พาลุกขึ้นยืน “บอกให้มาเอารัลนี่มา” แม่จับมือเธอแน่น แล้วหันไปถามอีกทาง “เอาไหมคะ ลูกสาวฉันขยันทำงานนะ แต่มันมีลูกติดคนหนึ่ง รับรองว่าได้ไปเป็นเมีย ก็กำไรเห็น ๆ เลยล่ะค่ะ” มารดาของเธอกล่าวจบ ดรัลรัตน์ก็ได้แต่ส่ายหัวเบา ๆ ที่ท่านคุยเป็นคุ้งเป็นแควตอบโต้กับลมฟ้าได้ถึงขนาดนี้ ก่อนจะเห็นจุดไฟสีแดงสว่างวาบขึ้นพร้อมกลิ่นบุหรี่จาง ๆ ตามมาด้วยเสียงทุ้ม ถามกลับว่า “ลูกสาวสวยไหมครับ” เท่านั้นเอง ถึงได้รู้ว่าท่านไม่ได้อยู่คนเดียว “มาให้คุณเจ้าที่เขาดูแกใกล้ ๆ สิรัล ว่าแกน่ะสวยขนาดไหน” ดรัลรัตน์หน้าร้อนวาบขึ้นเล็กน้อย แม้จะยังไม่เห็นหน้าเจ้าที่ก็ตามที เธอปากไวไปหน่อย แล้วก็นึกว่ามารดานั่งอยู่คนเดียว แต่นี่ดันมีคนอยู่กับแกด้วย รีบกลบเกลื่อนอาการประหม่าของตนเอง บอกมารดา จงใจบอกเลยไปทางคนที่คุยกับมารดาในมุมมืดนั่นด้วย “ไม่ให้เอาแล้ว กลับบ้านกันเถอะแม่” “ลูกสาวฉันปากดีจะตายไป มะกี้บอกให้เอา ทีเขาจะเอาจริง ๆ ล่ะทำหงอ ไม่ให้เอาซะแล้ว” เธอไม่ได้หงอ ดรัลรัตน์ไม่อยากเถียงกับมารดาต่อหน้าคนอื่น ออกปากเร่ง “แม่! ไปเร็ว กลับบ้าน” แม่ของเธอยังอุตส่าห์หันไปร่ำลากับทางนั้น “ไปนะคะท่านเจ้าที่” ดรัลรัตน์ไม่ได้มองหน้าเจ้าที่ให้ชัด เพราะแสงไฟที่มีสว่างไม่มากพอ ลากมารดาออกจากรอยต่อของที่สองแปลงมาได้แล้วก็จำต้องเปิดปากบ่นท่านเสียหน่อย “แม่นะแม่ ไม่ได้ดูข่าวเลยหรือไง คนแก่ถูกฆ่าข่มขืนออกเกลื่อนเมือง ไม่กลัวหรือ” “มาเถอะน่า แม่ไม่กลัวหรอก” นางรังรองทำท่ากำมือกำหมัดตั้งการ์ดราวกับมีวิชาจะไปสู้กับใครได้อย่างนั้น คนเป็นลูกเห็นแล้วก็หายโกรธ เปลี่ยนเป็นขำแทน ประคองแม่ เดินตามทางเล็ก ๆ พากลับบ้าน พึมพำขึ้นเบา ๆ “เป็นอย่างแม่นี่ก็ดีเหมือนกันเนอะ ไม่ต้องคิดอะไรมากให้ปวดหัวแบบรัล” คนเป็นแม่หยุดเท้าที่กำลังเดิน หันมาทำเสียงดุใส่เธอ “แกว่าแม่โง่หรือรัล แล้วรู้ได้ยังไงว่าแม่ไม่ได้คิดอะไรมาก” นางรังรองทำหน้างอใส่บุตรสาว เดินตามกันไปได้พักหนึ่ง ค่อยถามถึงบุตรสาวคนโต “ลักษณ์มันติดต่อมาหาบ้างไหม” ได้ยินมารดาถามหาลักษณาวดี บุตรสาวคนโต ดรัลรัตน์ใจกระตุกวูบหนึ่ง ปดด้วยการตอบไปว่า “อือ วันก่อนก็โทรมาอยู่หรอก” “มันจะกลับบ้านเมื่อไร” “ไม่รู้สิ รัลไม่ได้ถาม” “แกเนี่ยนะ ไม่ได้เรื่องได้ราวอะไรเลย แค่นี้ก็ปากหนักไม่ถามพี่เขา” “เออ รัลมันไม่มีอะไรดีสักอย่างหรอก” คนเป็นแม่แกล้งเย้า “ลูกคนนี้เอาแต่ด่าว่าแม่ บ่นแม่ บาปมากนะรู้ไหม” “ก็ได้ รัลยอมเป็นคนบาป คนไม่ดี พอใจหรือยัง” “ไม่พอ” คนเป็นแม่ตีรวนใส่ เลยแกล้งกอดรัดเอวแม่แรง ๆ เสียงโอยของนางรังรองดังลั่นขึ้น แล้วตีแขนบุตรสาวให้ปล่อยตน สองแม่ลูกโต้คารมกันไป หยอกกันไปจนถึงบ้าน โดยมีสายตาคู่คมมองตามหลังมานิ่ง ๆ ก่อนจะหมุนตัวจากไปเช่นกัน ดรัลรัตน์พามารดาเข้าไปอาบน้ำเสียใหม่ แล้วบังคับให้ลงนอน ค่อยออกไปนั่งแพ็กของส่งให้ลูกค้า ช่วยสองแม่ลูกที่เป็นญาติของตัวเองที่กลางบ้าน นอกจากผลผลิตในไร่ที่มีขายให้พ่อค้าคนกลาง บางส่วนดรัลรัตน์นำมาแปรรูปเพื่อขายทั้งแบบปลีกและส่งให้กับลูกค้าที่สั่งซื้อออนไลน์เข้ามาอีกด้วย ของมีไม่มาก ถึงฤดูกาลทีก็จะได้ขายกันที น้อยบ้างมากบ้างก็เป็นเงินทั้งนั้น ในเมื่อชีวิตต้องขับเคลื่อนเดินหน้าด้วยเงินตรา เธอจะปฏิเสธเงินได้อย่างไร คิดมาถึงตรงนี้ก็อดหนักใจไม่ได้ที่สิปปภาสยังไม่โอนเงินเข้ามาเสียที เลยต้นปีมาตั้งสามสี่เดือนแล้ว ปีก่อนเธอก็ทวงไปห้ารอบกว่าจะโอนมา แถมยังโอนให้น้อยลงกว่าปีที่ผ่าน ๆ มาเสียอีก ทนายความของทางนั้น อ้างว่าบิดาของสิปปภาสหาเงินได้น้อยลง จึงส่งได้เพียงเท่านี้ ไม่ใช่ว่าปีนี้ก็จะลดเงินของเด็กชายสิปปภาสจากปีที่แล้วลงอีกหรือ “เออ มีจดหมายเป็นปึกมาส่งที่บ้านเรานี่นา แก้มเอาให้พี่รัลดูหรือยัง” จบคำของลาวัลย์ ญาติผู้น้องของเธอขยับลุกไปหยิบตามคำสั่งของผู้เป็นแม่ทันที พอได้เห็นจดหมายเป็นปึกตามที่ลาวัลย์ว่า หัวใจของดรัลรัตน์ก็กระหน่ำเต้นรัวเร็วมากขึ้น รับมาแล้ว อ่านเนื้อหาที่หน้าแรก พร้อมด้วยอารมณ์เดือดดาล รู้สึกได้ถึงไฟแห่งโทสะที่ลุกโหมบนศีรษะของเธอเอง รุจิภาสส่งหมายศาลฟ้องร้องขอเปลี่ยนตัวผู้มีอำนาจปกครองบุตร ซึ่งก็คือเด็กชายสิปปภาส ที่แท้คิดเล่นแง่กับเธอ เขาถึงได้ทำเฉยกับเงินที่ต้องจ่าย ส่งหมายศาลมาฟ้องจะเอาสิปปภาสไปดูแลเองอย่างนั้นหรือ ฝันไปหรือเปล่า ถ้าเขาคิดว่าง่ายขนาดนั้น ก็คงต้องเจอเธอหน่อย วันหยุดที่จะถึงนี้ เธอจะฝากสิปปภาสไว้ที่บ้าน มีเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันหลายคนชอบมาเล่นเป็นเพื่อนกับเจ้าสิป เพราะที่นี่มีของกินเลี้ยงเด็ก ๆ อยู่ค่อนข้างเยอะ อีกทั้งยังมียายที่บางทีก็ดูหลานได้บ้างไม่ได้บ้าง ไหนจะลาวัลย์และคณิสราอีก ให้ช่วยกันดูสิปปภาสกันไปพลาง ๆ ก่อน ส่วนเธอคงต้องจัดการเรื่องปวดหัวพวกนั้นให้เรียบร้อย ได้ไม่ได้อย่างไรคงได้รู้เรื่องกัน      
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม