บทที่ 9 ลักพาตัวจ้าวสำนักมารตัวร้าย

2435 คำ
เปลือกตาขยับเล็กน้อย แสงตะวันสาดส่องต้อนรับในยามเช้า เสียงนกร้องก้องกังวานใส ลมอุ่นพัดผ่านเข้ามาภายในถ้ำ เสียงลมพัดเอื่อยเฉื่อยเป็นความรู้สึกที่สงบจนอาจจะทำให้ลืมเรื่องราวโหดร้ายยามค่ำคืนที่ผ่านมา ลู่เทียนหยางค่อยๆลืมตาขึ้น อาการบาดเจ็บภายในยังคงมีอยู่แต่ไม่มากเกินกว่าที่เขาจะรับไหว เขานิ่งฟังเสียงที่สงบสุขที่หาไม่ได้ในสำนักมาร แต่แล้วเสียงหนึ่งกลับทำลายความสงบนั้นลง “ครอกกก” ลู่เทียนหยางก้มมองสตรีที่ยังคงซบอยู่บนอกและกอดเขาไว้ดังเดิม สีหน้าเอือมระอาฉายชัดออกมาจากใบหน้าหล่อเหลา เขาเอื้อมมือคว้าผ้าขาวของนางก่อนจะจับนางห่อด้วยผ้านั้นอย่างรวดเร็ว ‘สตรีแปลกประหลาด’ นอกจากนางจะไม่หวาดกลัวเขาแล้วแต่กลับเห็นใจศัตรูเช่นเขางั้นรึ หึ ช่างน่าสนุกเสียจริง เขาดันนางออกอย่างไม่ไยดี ร่างบางถูกมัดแน่นล้มกลิ้งไปกับพื้น แต่นั่นกลับไม่สามารถปลุกนางขึ้นมาได้ ลู่เทียนหยางมองนางอย่างอึ้งๆ เขาลุกขึ้นก่อนจะสวมชุดแต่งกายที่แห้งแล้ว ถ้าเขาไม่บาดเจ็บเขาคงใช้พลังทำให้มันแห้งได้ตั้งนานแล้ว และไม่ต้องมาอยู่ในถ้ำแห่งนี้ด้วยซ้ำ เมื่อจัดการตัวเองเสร็จจึงตั้งท่าจะเดินออกไปทันที ค่อยคิดเอาหนทางหน้าก็แล้วกัน เพราะตอนนี้เขาบาดเจ็บอยู่ เขาต้องกลับสำนักไปรายงานเสียก่อน “ท่านพี่ลู่ ตรงนั้นไม่ได้นะเจ้าคะ ฮี่ๆ ท่านพี่ลู่ ท่านเป็นของข้านะเจ้าคะ คิกคิก” ร่างสูงหยุดชะงักกึก สายตาตวัดมองไปยังร่างของนางที่นอนจมลงบนพื้นแต่สีหน้ากลับแดงก่ำใบหน้ายิ้มแย้มดูวิปริตยิ่งนัก ‘นั่นนางกำลังคิดลวนลามอะไรเขาอยู่กัน!’ เขาพยายามไม่สนใจนางก่อนจะก้าวเท้าเดินออกไป แต่แล้ว.. เขากลับหันหลังหงุดหงิดภายในใจที่ตัวเองกลับรู้สึกผิดต่อนางเช่นนี้ “เจ้าตื่นได้แล้ว จะนอนเช่นนี้จนพวกสัตว์มาลากเจ้าไปกินเลยหรืออย่างไร” เขาเขย่าตัวนางเบาๆ ผ้าผืนน้อยหล่นลงมากองจนเห็นเนินอกอวบ “...ท่านพี่ ท่านแอบจ้องหน้าอกของข้า คนบ้า คนผีทะเล” “!” เขาถอยหลังจนชิดกำแพงถ้ำ นางรู้ได้อย่างไร! นางแอบมองเขาอยู่งั้นรึ ไม่ๆ นางไม่มีแม้แต่วรยุทธ์ หากนางตื่นเขาย่อมรู้ได้อย่างแน่นอน ฉูฉิงเฟยยังคงหลับไม่รู้เรื่องรู้ราว โดยปล่อยให้ท่านจ้าวสำนักมารว้าวุ่นอยู่เพียงผู้เดียว ร่างสูงตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้นางอีกครั้ง ครั้งนี้เขาเขย่านางอย่างแรงโดยที่หน้าหันไปมองอีกทาง หากเกิดมีสิ่งใดหลุดอีกแต่เขาไม่ได้เห็นนั่นแปลว่าเขาไม่ได้เป็นผีเฝ้าทะเล “ฉูฉิงเฟย ฉูฉิงเฟย! หากเจ้าไม่ตื่น ข้าจะทิ้งเจ้าไว้ที่นี่เสีย!!” “อึก!!” ร่างของนางดีดตัวลุกขึ้นทันที นางกวาดมองไปทั่วบริเวณแล้วเห็นชายหนุ่มสุดรักตรงหน้า เขาสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยไม่ใช่เปลือยเปล่าลีลาเร่าร้อนอยู่บนตัวนางหรอกรึ อ้าว เขากับนางไม่ได้จ้ำจี้กันอยู่หรอกรึ นั่นเป็นเพียงแค่ฝันงั้นหรือ! ม้ายยยยยยยย “เก็บหน้าตาน่าเกลียดเช่นนั้นลงเดี๋ยวนี้เจ้าตัวหื่นกาม!” เขาพูดขึ้นมาถึงไม่ได้มองหน้านางอยู่แต่เขารู้ได้เลยว่านางกำลังคิดสิ่งใด นางรีบใส่เสื้อผ้าของตนเองลวกๆ ก่อนจะหันมามองทางเขาด้วยสายตาที่แสนจะเสียดาย “ก็ข้าอยากเป็นของท่านนี่ ท่านจะดุข้าทำไมนักเล่าเจ้าคะ อีกอย่างท่านจับนู่นจับนี่ที่ไม่มีแม้แต่ชายใดได้จับของข้าไปหมดแล้ว ท่านต้องรับผิดชอบ!” “ข้าเตือนเจ้าแล้วว่าให้ออกไปแต่เจ้าดันกลับมา เจ้าเป็นคนยั่วยวนข้าก่อน” เขาหันมาตอบกลับใส่นางอย่างเอาเรื่อง เป็นเวลานับกว่าสิบปีที่มีคนทำให้เขาต้องเปิดปากพูดมากกว่าสิบประโยคเช่นนี้ แม้ภายในใจเขานั้นย่อมต้องรู้สึกถึงความรับผิดชอบในตัวนาง แต่สตรีตรงหน้าที่ดื้อดึงผู้นี้ทำให้เขาไม่อยากจะยินยอมนางเด็ดขาด “ข้าไม่ใช่คนใจดำที่เห็นคนเดือดร้อนแล้วจะไม่ช่วยนี่เจ้าคะ! ท่านผิดที่บาดเจ็บเองจนทำให้ข้าต้องอยากดูแล!” “สตรีดื้อด้านเถียงคำไม่ตกฟาก!” “ข้าจองท่านไว้แล้วจะให้ท่านตายได้อย่างไรเจ้าคะ ถึงท่านจะไม่ตายก็เถอะ แต่ข้าก็ช่วยท่านไว้นี่ ท่านเป็นของข้าแล้ว” “ข้าไม่ใช่ของเจ้า!” “ตั้งแต่วินาทีที่ข้าเห็นท่าน ท่านก็เป็นของข้าแล้วเจ้าค่ะ” “!” เขาไม่เคยแพ้ผู้ใดมาก่อนแม้จะเป็นการโต้วาทีก็ตาม เขามักจะใช้เหตุและผลในการตอบโต้คนพวกนั้นอยู่เสมอ แต่เขากลับไม่สามารถเอาชนะนางได้เลยนอกจากความเงียบ เขาทำท่าจะลุกขึ้นเมื่อรู้ตัวว่ากำลังจะพ่ายแพ้ แต่กลับถูกนางจับขาเอาไว้ ด้วยความที่ร่างกายนั้นยังฟื้นฟูไม่ได้เต็มที่ และไม่ทันคิดว่าเจ้าตัวน้อยนี่จะกล้าทำเช่นนี้เขาจึงไม่ทันระวัง ว่าที่จ้าวสำนักมารล้มลงหน้าจ้ำลงไปกับพื้น! ปัก นางเกาะเขาไว้แน่นแม้จะรู้สึกผิดอยู่บ้างที่นางทำเขาล้มหน้าฟาดพื้น “ท่านพี่จะทิ้งข้ารึไงเจ้าคะ ร่างกายท่านยังบาดเจ็บอยู่ สู้ท่านมาอยู่กับข้าพักฟื้นร่างกายก่อนดีหรือไม่” ร่างสูงไม่ตอบสนองต่อคำพูดของนางทั้งที่ปกติแล้วเขาต้องปฏิเสธกลับนางมาทุกที นางเงยหน้ามองร่างของเขาที่นอนคว่ำแน่นิ่งหน้าจุ่มพื้น ฉิบหายแล้ว ตายแล้วรึเปล่านั่น! "เห้ยท่านพี่!!" นางรีบเข้าไปเพื่อดูเขา นางพลิกร่างสูงใหญ่ให้หันกลับมา ใบหน้าหล่อเหลาเปรอะเลอะด้วยดินทรายแต่ก็ยังดูหล่อเหลาเช่นเดิม เพียะ! นางตบตัวเองเบาๆ นั่นหาใช่สิ่งสำคัญไม่ยายบ้านี่! นางตั้งสติก่อนจะสำรวจบาดแผล เห็นเป็นหัวที่ปูดโนขึ้นเล็กน้อยกับอาการของคนที่สลบไปเท่านั้น “ท่านพี่ ท่านสลบแน่หรือเจ้าคะ” นางเอ่ยเรียกเสียงยานเหมือนต้องการกลั่นแกล้งคนตรงหน้าแต่เขากลับยังคงนิ่งเฉย “หากท่านไม่ตอบข้าถือว่าท่านตอบตกลงแล้วน้าา” “..” ยังคงไร้เสียงใดๆ เขาคงสลบไปแล้วจริงๆ “โอเค้ เช่นนั้นข้าถือว่าท่านจะไปกับข้า เพราะข้านั้นก็ไม่อาจจะทิ้งคนเจ็บไว้ผู้เดียวกลางป่าเช่นนี้เสียด้วย” นางกล่าวเสียงใสก่อนจะค่อยๆพยุงร่างกายอันใหญ่โตของเขาขึ้นมา หากเป็นคนที่ไม่เคยฝึกร่างกายเช่นฉูฉิงเฟยมาก่อน คงจะยกร่างกายที่หนักราวกับหมีป่าเช่นเขาไม่ได้แน่ แต่ถึงกระนั้นมันก็หนักจนขานางถึงกับสันพั่บๆ "หากเป็นผู้อื่นข้าจะทิ้งไว้แล้วค่อยเรียกทหารมาเก็บไปแล้ว นี่เป็นท่านหรอกข้าถึงยอมแบกท่านเช่นนี้” นางเอ่ยลอยๆผู้เดียวตามประสาคนช่างพูด แควกๆ ในขณะที่นางกำลังแบกบุรุษร่างยักษ์ไว้กับตัวเสียงเหยียบผืนหญ้านั้นดังขึ้นมาบริเวณหน้าปากถ้ำ ปรากฏเป็นร่างหญิงงามนางหนึ่ง นางสวมชุดสีขาวคาดผ้าเหลืองอ่อน ใบหน้างามเกลี้ยงเกลา "แม่นางฉู" สตรีงดงามผู้นั้นกล่าวเรียกชื่อนางอย่างตกใจ นางเป็นผู้ใดกันแล้วรู้จักนางได้อย่างไร..! ฉูฉิงเฟยนึกสงสัยในสตรีผู้มาใหม่ แต่หากนึกถึงเนื้อเรื่องหลักดีๆ แล้วนั้น คนแรกที่มาเจอตัวร้ายของนางไม่ใช่ผู้ใดแต่เป็น ‘หลี่เจียงหนิง’ แม่บัวขาว นางเอกของเรื่องนั่นเอง นางนั้นงดงามสมคำร่ำรือจริงๆ ดวงตากลมโตเลื่อนสำรวจนางก่อนจะพิจารณาแล้วว่า ‘นางอึ๋มกว่า’ หลี่เจียงหนิงที่เดินเข้ามาสำรวจในป่าเพื่อตามหาสมุนไพรดั่งเช่นทุกที วันนี้ไม่รู้ด้วยอะไรดลใจนางจึงเดินเข้ามาเสียจนลึก แต่บริเวณโดยรอบกลับมีสมุนไพรชั้นดีมากมาย นางเดินเก็บมาเรื่อยๆ จนเจอเข้ากับถ้ำถ้ำหนึ่ง นางจึงเดินเข้ามาเผื่อจะมีสมุนไพรหายากแต่ไม่คิดว่าจะได้พบกับแม่นางฉูฉิงเฟย บุตรีคนเล็กของท่านแม่ทัพที่มักจะเข้ามาหาเรื่องนางเสมอยามท่านอ๋องเข้ามาพูดคุยกับนางอย่างสนิทสนม นางรู้สึกหวาดกลัวในตัวของฉูฉิงเฟยอยู่ไม่น้อย ฉูฉิงเฟยหลังเหยียดตรงวางดั่งนางพญา ก่อนจะถามนางออกไปเสียงขรึม “เป็นเจ้างั้นรึแม่นางหลี่ ข้ามีเรื่องให้ท่านช่วยหน่อย” “จะ เจ้าค่ะ” หลี่เจียงหนิงตกตะลึงที่นางเปิดปากพูดคุยกับนางหาใช่เข้ามาหาเรื่องดั่งเช่นทุกที “เจ้ามาก็ดีแล้ว ผู้ชายของข้าบาดเจ็บ ข้า” ยังไม่ทันที่นางจะได้พูดจบเสียงสองเสียงก็ดังขึ้น “เฟยเอ๋อร์!! เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” “เฟยเอ๋อร์ เจ้าหายไปจากค่ายทั้งคืน เจ้าไปที่ไหนมาบาดเจ็บหรือไม่” เสียงเรียกของบุรุษทั้งสองทำให้นางต้องรีบหันไปมองเพราะมันช่างเป็นเสียงที่คุ้นหูเสียเหลือเกิน ตรงหน้าปากถ้ำปรากฏร่างของผู้มาใหม่ทั้งสองคน หนึ่งนั้นนางไม่แปลกใจนัก ท่านพี่ฉูหยงฉือ แต่กับอีกคนเนี่ยสิมาทำไมก่อน! ทั้งสองเดินตรงเข้ามาพร้อมกัน ฉูหยงฉือได้รับรายงานจากนายทหารที่ออกมาจากป่า พวกเขามีอาการบาดเจ็บและบาดแผลทั่วร่างกาย พวกมันรายงานด้วยน้ำเสียงอันสั่นเทาราวกับกลัวบางสิ่งที่น่าสะพรึงกลัว จับใจความได้ว่าน้องสาวของเขาเข้ามาในป่าแห่งนี้เพื่อดักทางพวกสำนักมารแต่พวกมันกลับไหวตัวทันลอบตลบหลังพวกเขา พวกเขาสลบไปเสียก่อนเมื่อตื่นขึ้นมากลับไม่พบร่างของคุณหนูเสียแล้ว ได้ยินเช่นนั้นฉูหยงฉือไม่รอช้า กำลังของสำนักมารถอยร่นไปแล้วเขาจึงรีบตรงเข้ามายังป่าทันที แต่กลับไม่คิดว่าจางอ๋องผู้นี้จะติดตามเขามาด้วย ฉูฉิงเฟยนางมองสลับใบหน้าของหลี่เจียงหนิงกับจางหลินเหวินไปมาด้วยความสงสัย เหตุใดจางอ๋องจงปรากฏตัวที่นี่ ‘สงสัยพวกเขาจะมาพร้อมกันกระมัง’ ทันทีที่ก้าวเข้ามาในถ้ำ บุรุษทั้งสองกลับต้องชะงักลง ใบหน้าทั้งสองขึ้นสีรีบหันหลังกลับทันทีเมื่อสตรีร่างบางผู้งดงามสวมเพียงชุดคลุมบางสีขาว จางอ๋องกล่าวน้ำเสียงตะกุกตะกัก “จะ เจ้า! เหตุใดจึงอยู่ในสภาพล่อแหลมเช่นนี้!” “เฟยเอ๋อร์! ไอ้ผู้ชายชั่วนั่นกระทำย่ำยีเจ้างั้นรึ พะ พี่จะฆ่ามันล้างแค้นให้เจ้า!” ฉูฉิงเฟยปวดหัวกับทั้งสองคนนี้เหลือเกิน ไม่เห็นหรือว่าเขาบาดเจ็บและนางกำลังช่วยพยุงเขาอยู่น่ะ! นางเลิกสนใจชายประสาททั้งสองคนนั่นก่อนจะหันไปพูดต่อกับแม่นางเอก “ผู้ชายของข้าบาดเจ็บ ข้าต้องการสมุนไพร 4 ชนิดซานชี ตังกุย ชวนเลี่ยนจื่อ และม่อยาว นำมาบดรวมกันแล้วปรุงโอสถให้ข้าสักเม็ดได้หรือไม่” นางเน้นย้ำคำว่า ‘ผู้ชายของนาง’ พร้อมกับส่งสายตาราวกับเป็นเจ้าของตัวของลู่เทียนหยาง นางต้องกันท่าไว้ก่อน ตอนนี้มีเพียงเจียงหนิงเท่านั้นที่กลั่นยาได้ แต่นางจะให้ท่านพี่ลู่ของนางรู้ไม่ได้เด็ดขาดว่าแม่นางเอกผู้นี้เป็นคนช่วยเขา นางใช้ความทรงจำจากหนังสือจดจำยาที่เจียงหนิงใช้เพื่อช่วยท่านพี่ลู่ของนางแล้วยึดความดีความชอบจากการช่วยเหลือนี้ไว้เองเสีย ทีนี้ท่านพี่ลู่ของนางจะติดหนี้นางอีกหลายกระทงแล้วนางจะสามารถใช้สิทธิ์ตรงนั้นชิงตัวเขามาได้ ฮ่าๆๆ นางนี่ฉลาดจริงๆ! พวกเขาทั้งหมดที่ได้ยินก็ได้แต่ประหลาดใจ สมุนไพรทั้งหมดที่นางขอมามีฤทธิ์เย็นเข้าสู่ลมปราณ ชายผู้นี้คงถูกธาตุไฟเข้าแทรกลมปราณแตกซ่าน แต่นางรู้ได้อย่างไรว่าควรใช้สมุนไพรพวกนี้ และยังเป็นสมุนไพรที่ดีที่สุดในการกลั่นยาสำหรับผู้ฝึกยุทธ์ที่ปราณปั่นป่วนเช่นนี้มิใช่ว่านางเก่งแต่เรื่องต่อยตีงั้นรึ “จะ เจ้าค่ะ” หลี่เจียงหนิงรับคำด้วยความสงสัยระคนตกใจ ดวงตากลมลอบมองไปยังบุรุษข้างกายของนางนับว่าเป็นบุรุษที่มีหน้าตาหล่อเหลายิ่งนัก กลับกันภายในใจนางนั้นก็นึกแปลกใจ เหตุใดจางอ๋องถึงติดตามท่านรองแม่ทัพมาตามฉูฉิงเฟยถึงภายในป่าลึกนี้ นางหันหลังเตรียมจะไปหาสมุนไพรที่ฉูฉิงเฟยขอก่อนจะมองไปทางจางอ๋องชั่วครู่หนึ่งแล้วเดินออกไป ฉูหยงฉือน้ำตาตกในที่น้องสาวผู้น่ารักกลับเมินเฉยต่อเขาเช่นเดียวกับจางอ๋องที่มีสีหน้าไม่สู้ดียามได้ยินคำว่า ‘ผู้ชายของข้า’ ออกจากปากของนาง แต่ถึงกระนั้นทั้งสองคนยังคงไม่อาจจะหันกลับไปมองได้เมื่อเรือนร่างเย้ายวนของนางนั้นทำให้พวกเขาใจสั่นไหวอย่างรุนแรง 'น้องสาวข้าเติบโตขึ้นเป็นสาวงามยิ่งนัก' 'เฟยเอ๋อร์ช่างงดงามยิ่งนัก' แม้นพวกเขาจะไม่ชอบหน้ากันแต่ความคิดกลับเหมือนกันเสียงอย่างนั้น “จางอ๋องท่านจงลืมภาพเฟยเอ๋อร์ของข้าเมื่อสักครู่ด้วย” ฉูหยงฉือกล่าวเสียงลอดไรฟัน แม้เฟยเอ๋อร์จะเมินเฉยเขาแต่ไอ้จางอ๋องผู้นี้กลับเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น! “ข้าย่อมไม่เห็นสิ่งใดทั้งนั้น” “หากท่านยังจดจำ ข้าจะสละตำแหน่งนี้แล้วไปควักลูกตาท่านซะ!” ฉูฉิงเฟยหาได้สนใจบุรุษทั้งสองที่กำลังทะเลาะกันไปมาไม่ นางพยุงท่านพี่ลู่ของนางลงอย่างอ่อนโยน พร้อมกับซับเหงื่อและดินทรายตามใบหน้าของเขาอย่างรักใคร่ ทั้งสองที่ทะเลาะกันอยู่นั้นแอบเหลือบมองไปที่นาง ภายในใจได้แต่นึกอิจฉาบุรุษหน้าหล่อนั่นจับใจ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม