หญิงสาวตื่นแต่เช้าตรู่แม้ว่าจะได้หลับไปไม่กี่ชั่วโมง หลังจากใส่บาตรเสร็จเธอจะกลับมาจัดโต๊ะเตรียมมื้อเช้าให้คนที่บ้านซึ่งปกติจะมีเพียงคุณวิทยา ส่วนคุณแพรวามักจะตื่นหลังจากเธอกับพ่อออกไปทำงานแล้ว เธอจึงเตรียมแค่ข้าวต้มไว้ถ้าแม่กับพี่สาวจะทานก็อุ่นได้ไม่ยุ่งยากนัก
“เมื่อคืนมาร์กี้เมาอีกละสิ”
“ค่ะ” รินรดาเสิร์ฟข้าวต้มกุ้งและกาแฟดำให้บิดา
“เอกสารที่เตรียมให้ลูกค้าเรียบร้อยแล้วนะ”
“ทุกอย่างเรียบร้อยค่ะ”
“ถ้าลูกค้ารายนี้โอเคพ่ออาจจะต้องไปดูโรงงานที่จีน”
“เท่าที่คุยงานกันมาก็ดูว่าลูกค้าสนใจเรากว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์นะคะ” รินรดายิ้มบางๆ
“ถ้าเขาตกลงทำสัญญากับเรา...เราก็ได้กำไรหลายแสนอยู่เหมือนกัน”
“ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะคะ”
บริษัทที่วิทยาทำอยู่นั้นเป็นบริษัท อิมพอสต์ แอนด์ เอ็กซ์พอสต์ เริ่มก่อร่างสร้างตัวจากบริษัทเล็กๆ จากคนในครอบครัวโดยมีคุณบรรจงและคุณเอมอรเป็นคนเริ่มต้นก่อน
คุณเอมอรเป็นพี่สาวของแพรวา-ภรรยาของเขา เมื่อเก้าปีที่แล้วคุณบรรจงและเอมอรประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตพร้อมกันทั้งคู่ แพรวาสงสารรินรดาลูกสาวคนเดียวจึงได้พามาอยู่ด้วยกันให้เป็นน้องของมาติกาลูกสาวคนเดียวของเขาซึ่งอายุห่างกันเพียงสองปี ตอนนี้บริษัทขยายกิจการใหญ่ขึ้นทำให้เขามีบ้านหลังนี้ซึ่งราคาเฉียดสิบล้านและมีรถคันหรูให้ลูกสาวที่ไม่ทำงานการอะไรใช้สบายๆ แต่เพราะสองสามปีหลังมานี่มีการแข่งขันสูงทำให้ลูกค้าลดน้อยลงไปบ้าง ซ้ำภรรยาและลูกก็ใช้เงินกันเป็นว่าเล่น เขาจำเป็นต้องประหยัดหลายทางเพื่อให้ครอบครัวอยู่รอด รินรดาจึงรับบทหนักต้องทำงานทั้งในบ้านและนอกบ้าน
“พ่อออกไปก่อนนะ”
“เดี๋ยวรินจะตามไปค่ะ”
รินรดาเก็บโต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้วก็เตรียมทำแซนด์วิชใส่กล่องสำหรับตัวเอง เธอมักจะหิวก็ตอนสายๆ และไม่มีเวลาไปนั่งกินมื้อเที่ยงข้างนอก ส่วนใหญ่เธอจะนั่งกินข้าวหน้าจอคอมพิวเตอร์นั่งทำงานไปด้วยกินไปด้วยนั้นแหละ หลังจากทำอะไรๆ ในครัวเสร็จเธอก็รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเร่งรีบเข้าบริษัทเร็วกว่าปกติเพราะต้องให้ลุงยามช่วยไปรับรถของมาติกามาจอดไว้ที่บ้านเผื่อพี่สาวเธอจะออกไปธุระนอกบ้าน หญิงสาวรับหน้าที่เลขาให้กับผู้เป็นพ่อ แต่งานที่เธอต้องดูแลมีมากถึงมากที่สุด เรียกว่าเกินหน้าที่ก็ว่าได้ แต่มันคือบริษัทที่พ่อของเธอสร้างเธอจึงต้องดูแลทุกอย่างอย่างดีที่สุด หลายคนรู้ว่ารินรดาคือลูกสาวคนเล็กของวิทยาแต่ไม่มีใครรู้ว่าเธอเป็นลูกบุญธรรม หลายคนมองว่าวิทยากับแพรวารักลูกไม่เท่ากันเพราะมาติกาไม่ต้องทำงานอะไรเลย ส่วนรินรดาต้องรับศึกหนักทุกอย่างแม้กระทั่งต้องลาออกจากวิทยาลัยพยาบาลมาเรียนบริหารเพื่อช่วยแบ่งเบากิจการของที่บ้าน แต่รินรดาเองก็เจียมตัวอย่างจำยอม แม้ในใจลึกๆ เธอจะหวังว่าตัวเองจะหลุดพ้นจากการทดแทนบุญคุณเช่นนี้
หญิงสาวจัดการเรื่องรถของมาติกาแล้วก็เดินตรงไปที่โต๊ะทำงานของตนเอง วางเอกสารที่หอบจากบ้านมาแล้วเดินไปชงกาแฟร้อนแล้วยกมานั่งดื่มที่โต๊ะทำงานพร้อมเปิดจอคอมพิวเตอร์ เรียกโปรแกรมงานออกมาดูมือหนึ่งก็กดปุ่มเรียกเอกสารขึ้นมาตรวจสอบ อีกมือก็หยิบแซนด์วิชที่ทำใส่กล่องมาส่งเข้าปาก
“โธ่! ทำไมไม่กินให้เรียบร้อยก่อนละจ๊ะหนูริน” เสียงคุณปานชีวาเลขารุ่นใหญ่เอ่ยทักปนหัวเราะอย่างเข้าใจกัน เธอทำงานที่บริษัทนี้ตั้งแต่รุ่นคุณพ่อของเธอจนกระทั่งพ่อแท้ๆ ของเธอเสียไปจนถึงตอนนี้เป็นคุณแม่ลูกสองแล้วก็ยังทำงานที่นี่อยู่
“เดี๋ยวลูกค้าจะมาประชุมตอนสิบโมงค่ะ รินเลยมาเตรียมเอกสารก่อน”
“มันก็เรียบร้อยตั้งแต่เมื่อวานแล้วไม่ใช่เหรอ” ปานชีวาทำหน้างุนงง
“ตรวจสอบไม่ให้ผิดพลาดค่ะ” รินรดายิ้มกว้าง “ถ้าลูกค้าทำสัญญากับเรา งานนี้ได้กำไรเยอะเลยค่ะ”
“ทำแต่งานอย่าลืมดูแลตัวเองบ้างละ”
หญิงสาวมองหน้าคนพูดอย่างงงๆ ก่อนจะเอ่ยถามออกมา “ทำไมคะ รินก็สบายดี แข็งแรงดีค่ะ”
“มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอก” ปานชีวาถอนหายใจ “เป็นสาวเป็นนางแต่งเนื้อแต่งตัวบ้างก็ดี หน้าตาก็ออกสะสวยทำไมปล่อยตัวเองดูแก่กว่าวัยแบบนี้ล่ะ”
“รินไม่มีเวลามาใส่ใจเรื่องนั้นหรอกค่ะ”
รินรดาหัวเราะเหงาๆ ใครว่าละ เธอก็อยากแต่งเนื้อแต่งตัวเหมือนกัน แต่โดนคุณแพรวาค่อนบ่นค่อนว่าทุกครั้งที่เห็นเธอแต่งตัวหรือซื้อเสื้อผ้าใหม่ แต่ถ้าเป็นมาติกาคุณแพรวาจะเห็นดีเห็นงามด้วยทุกอย่าง เธอไม่มีเวลาให้คิดเรื่องอื่นอีกแล้ว งานการตรงหน้ามากมายเหลือเกิน หลังจากประชุมกับลูกค้าที่มาจากจีนเสร็จลงด้วยดี เธอก็ต้องรีบขับรถมาเจรจาเรื่องเช่าโกดังใกล้ท่าเรือคลองเตย
“คุณรินมาดูเองเลยหรือครับเนี้ย” พนักงานเอ่ยทักอย่างคุ้นเคยที่เห็นร่างบอบบางเดินฝ่าเปลวแดดเข้ามาในออฟฟิศขนาดเล็ก
“รินเบื่อออฟฟิศค่ะเลยหาเรื่องออกมาข้างนอก” หญิงสาวหัวเราะระรื่น “รินต้องขอถ่ายรูปโกดังเอาไปประกอบการเสนองานให้ลูกค้าดูด้วยนะคะ”
“ไม่มีปัญหาครับ” อีกฝ่ายยิ้มให้อย่างเป็นกันเอง “อยากได้กาแฟหรือเครื่องดื่มเย็นๆ ไหมครับ”