บทที่ 8 ผมจะไม่บอกใคร

1308 คำ
ท่ามกลางผู้คนขวักไขว่ ร่างสูงใหญ่ไหล่กว้างของชายคนหนึ่งโดดเด่นเป็นสง่าเพราะความสูงเกินกว่ามาตรฐานชายไทย เขาสวมเชิ้ตดำ ยีนสีอ่อน สะพายเป้สีดำไว้ที่ไหล่ขวา ยืนพิงเสาต้นหนึ่งด้วยท่าทางสบาย ๆ แต่มันดึงดูดสายตาได้อย่างเหลือเชื่อ จุดที่เขายืนห่างจากเธอไปทางขวาระยะไม่เกินสิบเมตร แม้เขาจะสวมแมสก์ปกปิดใบหน้าแต่เธอก็คลับคล้ายคลับคลาเหลือเกิน หรือว่าจะเป็นเขา ?! เมื่อคิดดังนั้นเธอจึงรีบหันหน้าหนี ตัวชาวาบ ใจเต้นระส่ำ มือไม้เย็นเฉียบไปหมด ไม่นะ ต้องไม่ใช่สิ เธอกับเขาไม่ควรพบกันอีกเลยในชาตินี้ เขาคนที่กุมความลับระหว่างทั้งคู่เอาไว้ ‘ ผมจะไม่บอกใครหรอกว่าเราเคยเอากัน มันจะเป็นความลับระหว่างเราไปจนวันตาย ’ เธอยังจำเสียงแหบห้าวที่พร่ำบอกขณะโยกกายท่อนล่างกระแทกเข้าหาหว่างขาของเธออย่างไม่ปราณีปราศรัย เธอแอบเหลือบมองอีกครั้งเพราะความสงสัย เห็นจากหางตาว่าเขาหยิบหมวกแก๊ปดำขึ้นมาสวมและเดินจากเสาต้นนั้นเข้ามาใกล้จุดขึ้นรถอย่างช้า ๆ ปีกหมวกปิดลงมาถึงหน้าผากแต่ไม่อาจปิดบังคิ้วเข้มที่พาดทับอยู่บนดวงตาคมเฉี่ยวดุดันคู่นั้น และเธอสาบานว่าเขากำลังจ้องเธออยู่แน่ ๆ เพราะรู้สึกได้ถึงรังสีบางอย่าง มันเหมือนกับเขาคนนั้นในยามที่จ้องมองเธอ สายตาบ้าบออะไรแบบนั้นที่ทำให้เธอรู้สึกคล้ายว่าจะหมดเรี่ยวแรงและหลอมละลายตายตรงหน้าเขาเสียให้ได้ เขากำลังเดินเข้ามาใกล้ มันทำให้เธอตกใจจนรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง ใจที่เต้นแรงอยู่แล้วเริ่มกระหน่ำจนแทบทะลุออกมานอกอก ไม่หรอก อาจไม่ใช่เขา คงไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอกน่า ขณะที่เธอกำลังลนลานทำตัวไม่ถูกอยู่นั้น พลันเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นพร้อมกับประตูรถไฟฟ้าที่เปิดออก ปิ๊บ ๆๆๆๆ สติเธอกลับคืนมาแล้ว ให้ตายเถอะ เขาทำให้เธอมองไม่เห็น ไม่ได้ยินการมาถึงของรถไฟฟ้าได้อย่างไรนะ ผู้คนที่ยืนรออยู่บริเวณนั้นต่างกรูเดินเข้าประตูไป เธอเองก็เช่นกัน เมื่อเข้าไปอยู่ในรถไฟฟ้าเรียบร้อยแล้ว สายตาของเธอก็อดไม่ได้ที่จะกวาดมองไปรอบตัวตามสัญชาตญาณป้องกันตัวเอง ทั้งในรถ นอกรถ ที่สถานี มันว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่เงาใครคนนั้น หัวใจที่เต้นกระหน่ำเริ่มสงบลง เธอผ่อนลมหายใจยาวออกมาอย่างโล่งอกก่อนเดินไปนั่งเก้าอี้ว่างข้างนักศึกษาสาวคนหนึ่งแล้วบอกตัวเองซ้ำ ๆ มันไม่ใช่ ไม่มีหรอก เธอคงคิดมากและตาฝาดไปเอง สามวันผ่านไป หลังจากมิถุนาได้นำเสนอเครื่องจักรตัวใหม่ของบริษัทกับมิสเตอร์มาคาโอะในวันนั้น ปรากฏว่าเขามีความสนใจในระบบเครื่องตัดแบบโรตารีและเลเซอร์แบบโรตารีเป็นอย่างมาก เหตุเพราะเครื่องจักรตัวใหม่รุ่นนี้มีประสิทธิภาพสูงมีระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัย สามารถตัดชิ้นงานได้หลายชิ้นได้อย่างแม่นยำในคราวเดียวกัน ประหยัดทั้งเวลาและวัตถุดิบ ประกอบกับภรรยาของมิสเตอร์มาคาโอะนั้นรู้สึกประทับใจกับของขวัญคือน้ำมันหอมระเหยแฮนด์เมดของไทยที่หล่อนโปรดปรานและประทับใจในความมีน้ำใจใส่ใจในรายละเอียดลูกค้าของมิถุนา ในที่สุดเธอก็ปิดดีลกับลูกค้ารายใหญ่รายนี้ได้อีกครั้งและนัดวันเซ็นสัญญากันเรียบร้อยในเย็นวันศุกร์นี้ที่ห้องอาหารโรงแรม ทุกอย่างผ่านไปอย่างเรียบร้อย เธอกับลูกน้องในทีมอีกคนจึงกล่าวขอบคุณพร้อมกล่าวลา “ ต้องขอบคุณมิสเตอร์มาคาโอะกับภรรยาอีกครั้งนะคะที่ให้โอกาสและไว้วางใจให้บริษัทของเราดูแล ” มิถุนากล่าวพร้อมกับลุกขึ้นยืนค้อมศีรษะลงเล็กน้อยอย่างให้เกียรติ “ ยินดีครับมิสมิถุนา จากที่เคยรับเครื่องจักรของบริษัทคุณมาใช้ในโรงงานของเรารอบที่แล้ว มันทำงานให้ผมได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่ามาก ครั้งนี้ผมเลยตัดสินใจโดยไม่ลังเล และแน่ใจว่าคุณจะไม่ทำให้เราผิดหวัง ” มิสเตอร์มาคาโอะกล่าวพร้อมกับยื่นมือมาตรงหน้าด้วยรอยยิ้มจริงใจเช่นเดียวกับภรรยาของเขาที่ยืนอยู่เคียงกัน “ ขอบคุณมากค่ะ ฉันยืนยันว่าคุณจะไม่ผิดหวังกับเครื่องจักรของเราแน่นอนค่ะ ” หญิงสาวยิ้มกว้างยกมือไหว้สองสามีภรรยาผู้เป็นลูกค้าก่อนจะยื่นมือไปจับมืออวบอูมของมิสเตอร์มาคาโอะภรรยา และเลขานุการชายอีกคนของเขา “ ถ้าอย่างนั้นฉันกับพิมพ์ชนกไม่รบกวนเวลาแล้วนะคะ คุณมาคาโอะและภรรยาจะได้ขึ้นไปพักผ่อน ” “ โชคดีครับ ” เมื่อกล่าวลาเป็นที่เรียบร้อยเธอกับพิมพ์ชนกลูกน้องในทีมที่เป็นรุ่นน้องเธอสองปีก็เดินหน้าบานออกจากห้องอาหารของทางโรงแรมไปที่ลานจอดรถ “ เย้ ! ดีใจจังเลยค่ะพี่จูน งานนี้ฟันค่าคอมอื้อเลย พิมพ์จะได้เปลี่ยนรถซะที เกเรจนซ่อมไม่หวาดไม่ไหว ” พิมพ์ชนกกระโดดมากอดแขนมิถุนาเขย่าด้วยความดีใจ เพราะรถเก๋งคันเก่าของหล่อนมันเกเรเหลือเกิน สามวันดีสี่วันซ่อม หวังใจว่าได้ค่าคอมมิชชันในการขายครั้งนี้จะเอาไปเทิร์นคันใหม่มาขับเสียที “ เออ ออกใหม่ก็ดีนะพิมพ์ พี่เห็นด้วย เห็นพิมพ์ซ่อมบ่อยจนค่าซ่อมเอามาผ่อนรถใหม่ได้สบายเลย ” “ มีหัวหน้าสวยแซ่บแถมยังเก่งและขยันขนาดนี้ พิมพ์ก็สบายหายห่วง ดีใจจังเลยค่ะที่ได้อยู่ทีมพี่จูน วาสนาพิมพ์แท้ ๆ ” “ ตัวพิมพ์เองก็มีความสามารถมากเหมือนกันแหละน่า ทีมเราถึงทำยอดได้ดีขนาดนี้ ไป กลับบ้านกัน พี่ว่าจะแวะซื้อของกินของใช้ที่ห้างเสียหน่อย พิมพ์จะไปด้วยกันไหม ” มิถุนายิ้มกว้างกับคำชมของลูกน้องพลางควานมือลงไปในกระเป๋าถือเพื่อหยิบกุญแจรถออกมา แม้คำชื่นชมมันจะทำให้รู้สึกดีแต่เธอก็ไม่ได้เหลิงหรือหลงระเริงไปกับมันเลย ยังคงตั้งใจและมีมาตรฐานในการทำงานอยู่เสมอ “ พิมพ์ต้องรีบกลับไปดูลูกน่ะค่ะพี่จูน พอดีแม่ไม่ค่อยสบายเดี๋ยวน้องแพรจะกวนคุณยายเอา ” “ อ้าว คุณแม่ป่วยเป็นอะไร แล้วดูหลานไหวเหรอ ” เธอชะงักมือที่จะเปิดประตูรถแล้วหันมาถามลูกน้องด้วยความเป็นห่วง เพราะรู้ว่าพิมพ์ชนกเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว อาศัยอยู่กับแม่และลูกสาวเพียงสามคน “ ไหวอยู่ค่ะพี่จูน น้องแพรแกไม่ซน แม่ก็เป็นโรคคนแก่ธรรมดาแหละพี่ มาเป็นแพ็กเกจเบาหวานความดัน พิมพ์พาไปหาหมอมาเมื่อวาน ตอนเย็นเลยต้องรีบกลับไปดูเจ้าตัวเล็กให้แกได้พักผ่อน พี่จูนส่งพิมพ์ที่หน้าทางเข้าโรงแรมก็ได้ค่ะเดี๋ยวพิมพ์เรียกแท็กซี่กลับเอง พี่จะได้ไปเดินห้างได้เลยไม่ต้องย้อนไปย้อนมา ” พิมพ์ชนกเอ่ยอย่างเกรงใจขณะก้าวขึ้นไปนั่งบนรถฝั่งผู้โดยสาร วันนี้หล่อนไม่ได้ขับรถมาเองเพราะมันจอดอยู่ที่อู่ซ่อมอีกตามเคย “ เอางั้นก็ได้จ้ะ ไว้พรุ่งนี้เย็นพี่ไปส่งพิมพ์ที่บ้านนะ จะได้ถือโอกาสไปเยี่ยมคุณแม่ด้วยเลย ” “ ค่ะ ขอบคุณนะคะพี่จูน ขับรถดี ๆ ค่ะ ” สองสาวหันมายิ้มให้กันก่อนที่มิถุนาจะเคลื่อนรถออกไป
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม