เธอจอดให้พิมพ์ชนกลงที่หน้าโรงแรมแล้วขับรถไปยังห้างสรรพสินค้าซึ่งเป็นคนละทางกับบ้านของพิมพ์ชนก เป็นอีกวันที่เธอรู้สึกปลื้มปริ่มเมื่อนึกถึงยอดเงินที่จะได้รับจากค่าคอมมิชชันรอบนี้ ซึ่งแน่นอนว่าเงินจำนวนนี้คงจะอุ่นอยู่ในบัญชีเธอได้ไม่นานก็น่าจะปลิวไปอยู่ในมือพ่อกับแม่เธอไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง พอนึกถึงเรื่องนี้ทีไรความดีใจก็ลดทอนลงไปกว่าครึ่ง
ไม่นานรถก็เลี้ยวเข้าไปจอดในลานจอดรถชั้นสองของห้างสรรพสินค้า มิถุนาคว้ากระเป๋าถือแล้วเดินเข้าไปข้างใน เดินไสรถเข็นเลือกซื้อของใช้ส่วนตัว รวมทั้งผักผลไม้ อาหารสดต่าง ๆ เพื่อตุนไว้ในตู้เย็น
“ พรุ่งนี้เย็นทำสันคอหมูอบหมักน้ำมันงา กินกับน้ำจิ้มแจ่วแซบ ๆ ดีกว่า สลัดผักสักถ้วยเล็ก ๆ ”
เธอพึมพำคนเดียวนึกเมนูอาหารจานโปรดพลางไสรถเข็นตรงไปที่ล็อกน้ำมันพืชเพื่อซื้อน้ำมันงา
ขณะกำลังเลือกดูยี่ห้อน้ำมันงาอยู่นั้น เธอเห็นใครคนหนึ่งจากทางหางตาว่าอีกฝ่ายหยุดนิ่งอยู่ที่สุดปลายทางตรงกลางระหว่างชั้นวางสินค้าเนิ่นนานโดยไม่ได้ขยับตัว ไม่ได้เลือกซื้ออะไรทั้งนั้น นานจนผิดสังเกต เธอจึงหันขวับไปทันที
แม้จะเพียงเสี้ยววินาทีแต่เธอก็ทันเห็นว่าใครคนนั้นเป็นผู้ชายร่างสูงใหญ่ เขาอยุ่ในชุดเสื้อยืดสีขาว ยีนสีอ่อน สวมหมวกแก๊ปสีดำและเขาคนนั้นก็เดินหายไปทันที
หัวใจของเธอกระตุกวาบ ดูคล้ายกับเขาคนนั้นเหลือเกิน
ตลอดมาพยายามพร่ำบอกตัวเองว่าไม่ควรเจอเขาอีก ควรจะลืมเขาไปเสมือนไม่เคยเจอกัน แต่ความคิดมันสวนกับความถูกต้องอยู่เสมอ ปฏิเสธไม่ได้ว่าในส่วนลึกยังมีเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
เท้าไว้กว่าความคิด มันสาวฉับ ๆ ตามไปยังจุดที่เธอเห็นเขาพลางกวาดตามองไปทั่วแต่ก็ไม่เจอ เธอเปลี่ยนจากเดินเป็นวิ่งไปทุกล็อกในบริเวณนั้นจนกระทั่งหมดทุกที่ในห้างสรรพสินค้า
แต่ก็ไม่มี ไม่มีแม้แต่เงา
มิถุนายืนหอบแฮ่ก ความรู้สึกในหัวตีกันวุ่นไปหมด
เธอไม่อยากเจอและไม่ควรเจอเขาอีกไม่ใช่เหรอ แล้วจะมารู้สึกผิดหวังทำไมเล่า
คงเป็นเพราะความจริงมันปฏิเสธไม่ได้ว่าสัมผัสของเขายังตราตรึงอยู่ทุกอณูเนื้อ บ่อยครั้งที่ฝันว่าเขามาเสพสมอย่างเร่าร้อน ทุกวันยังเผลอร้อนผ่าววูบวาบแค่เพียงนึกถึง เห็นใครก็ดูคล้ายกับเขาไปเสียหมด
เขากำลังจะทำให้เธอเป็นบ้า !
ชั่วโมงต่อมา
มิถุนากลับมาถึงห้องพัก หิ้วของพะรุงพะรังเข้าไปวางไว้บนโต๊ะในห้องครัว จัดการจัดเก็บของทุกอย่างเข้าที่เข้าทางจนเรียบร้อย เข้าไปเปิดแอร์ในห้องนอน อาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนมาอยู่ในชุดนอนผ้าซาตินสีขาวเบาสบาย ทาครีมบำรุงทุกอย่างครบทุกขั้นตอนแล้วเดินมาทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างหมดเรี่ยวแรง
เหนื่อยงานไม่เท่าไหร่แต่ความเหนื่อยใจมีมากกว่า มีเรื่องให้คิดมากมายเหลือเกิน ทั้งเรื่องพ่อกับแม่ที่ใช้เงินราวกับเธอเป็นตู้เอทีเอ็ม อยากได้เมื่อไหร่ก็กดเอา ๆ
ทั้งเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับพี่บดินทร์ที่ภายนอกดูเป็นคู่รักแสนสมบูรณ์แบบ แต่เป็นเธอที่รู้สึกกลวงโหวง รู้สึกไม่มั่นใจว่าเขาจะรักเธอเท่าที่เธอรักเขาจริงหรือเปล่า
และเรื่องของเขา ผู้ชายในคืนนั้นอีกเล่า เธอกลัวไปหมด กลัวว่าสักวันจะมีใครล่วงรู้ความลับที่ตัวเองได้ก่อขึ้น แถมเขายังวนเวียนอยู่ในหัวแบบสลัดไม่ได้จนแทบจะทำให้เธอเป็นโรคประสาทตายอยู่แล้ว
นี่หรือเปล่าที่เขาว่ากันว่าความถูกใจแค่เพียงข้ามคืนกลายเป็นความขมขื่นชั่วนิรันดร์
ตีสองกว่า
มิถุนานอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง ตายังคงหลับพริ้ม คิ้วขมวดมุ่น ริมฝีปากเผยออ้าร้องครางออกมาแผ่ว ๆ บนหน้าผากมีเหงื่อซึมออกมาทั้งที่ในห้องเปิดเครื่องปรับอากาศไว้จนเย็นเฉียบ สองมือเธอขยุ้มผ้าปูที่นอนจนยับย่น สองเรียวขาเกร็งเบียดเข้าหากันแน่นก่อนที่เธอจะสะดุ้งสุดตัวแล้วผุดลุกขึ้นมานั่งกลางเตียง
“ บ้าจริง ! เอาอีกแล้ว ”
มิถุนาทุบกำปั้นลงบนฟูกข้างตัวอย่างโมโห ลมหายใจเธอยังคงหอบกระชั้นกับฝันบ้าฝันบอนั่น ฝันที่เธอกับเขาคนนั้นเอากันอย่างถึงอกถึงใจ มันเหมือนจริงเหลือเกิน เหมือนจนเธอเปียกชุ่มเสร็จสมไปกับมันทุกคืน
เธอลุกขึ้นถอดชุดนอนออกแล้วเหวี่ยงลงตะกร้าอย่างหงุดหงิดก่อนเดินเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตัวแล้วมองผู้หญิงผิวขาวผมยาวหน้าตาสะสวยที่จ้องตาเธออยู่ในกระจกเงาด้วยความไม่พอใจ
ไม่น่าเลยจูน เธอไม่น่าไปเชื่อคำแนะนำของยัยเฟย์เพื่อนรักจนบ้าระห่ำเกิดเรื่องบ้าบอนี่เลย
แต่ส่วนลึกในจิตใจก็รู้ดีว่าคนผิดคือเธอเองเต็มประตู แม้ว่าเพื่อนจะยุยงส่งเสริมสักแค่ไหนหากเธอไม่เอาด้วยเรื่องทุกอย่างก็จะไม่เกิดขึ้น
เหมือนคำโบราณที่ว่าไว้ ตบมือข้างเดียวคงไม่ดัง แต่ที่มันดังเพราะเธอเองที่ยื่นมือออกไปให้เขาจนเสียงมันเกิดเสียงดังอย่างบ้าคลั่งหลายครั้งและทั้งคืนอีกด้วย
สุดท้ายมิถุนาก็ยอมรับว่าเป็นเธอเองที่ผิดเต็มประตูเพราะเธอเองเป็นคนตัดสินใจให้มันเกิดขึ้นทั้งหมด
น้ำตาของผู้หญิงในกระจกเงาเอ่อคลอ เธอนึกถึงเรื่องในคืนนั้น คืนที่เธอจะจดจำมันไปจนวันตาย