วันรุ่งขึ้น
ภายในวัดไทย
สังฆทานชุดใหญ่ทั้ง 9 ชุด และชุดใหญ่อีก 1 ชุด กำลังถูกลำเลียงมาไว้บนศาลาอเนกประสงค์ ของทางวัดไทย อลันสั่งให้พ่อบ้านประจำตระกูลไปเลือกซื้อหามาเพื่อทำบุญ แต่เนื่องจากชุดสังฆทานหายากตามแบบฉบับชาวพุทธ
ชายหนุ่มจึงปรึกษากับทางเจ้าอาวาสทางวัดไทย เพื่อขอคำชี้แนะ และจึงได้สังฆทานที่เรียกว่าสังฆทานสดที่เราเลือกหาซื้อเอง มาจัดเป็นชุดๆ ให้ได้ครบตามจำนวน หากจะทำบุญให้กับคนตายเพิ่มเติมเป็นอย่างอื่นๆ ก็สามารถเลือกหาได้เช่นกัน แต่ที่หาซื้อไม่ได้คือเหรียญทองคำเปลวหรือแผ่นทองคำเปลว ที่ต่างแดนจะหาซื้อยาก แต่ก็ไม่ยากอย่างที่คิด ในเมื่อวัดไทยทางอเมริกามีให้กับญาติโยมบูชาเช่นเดียวกัน
สังฆทานชุดใหญ่ จัดไว้ครบตามจำนวนพร้อมเหรียญทองคำเปลว นอกเหนือจากนั้นยังมีอาหารแห้งทุกชนิด รวมไปถึงข้าวสารที่ชายหนุ่มสั่งจากห้างสรรพสินค้าในอเมริกา นำมาส่งเพื่อถวายทานและอุทิศผลบุญให้กับน้องชายฝาแฝดของเขาที่เพิ่งเสียชีวิต และคุณแม่ของเขาที่สิ้นบุญไปนานแล้วพร้อมกัน
ข้าวสารเต็มคันรถบรรทุกใหญ่ น้ำดื่มที่บรรจุขวดเป็นแพ็คอีก 1 คันรถบรรทุกใหญ่ อาหารแห้งทุกชนิดอีก 1 คันรถบรรทุกใหญ่ อาหารที่ทำเสร็จใหม่ๆ ซึ่งชายหนุ่มสั่งจากร้านอาหารไทยในอเมริกา ยกครัวลงมาจัดทำเพื่อถวายให้กับพระสงฆ์ได้รับประเคนฉันเช้า และรับประเคนฉันเพล พร้อมด้วยเสื้อผ้าอย่างดี รวมไปถึงรองเท้าอีกหลายสิบคู่
สืบเนื่องมาจากเขาได้รับฟังจากท่านเจ้าอาวาสของวัดไทยได้บอกว่า ทำบุญอุทิศให้กับคนตาย หากเราทำอะไรไปให้ คนตายก็จะได้รับอย่างนั้นเช่นกัน ชายหนุ่มจึงทำบุญให้น้องชายฝาแฝดของเขาอย่างเต็มที่ โดยมีความหวังว่าวิญญาณของน้องชายฝาแฝดจะมีภพภูมิที่ดีขึ้น และกลับมาหาเขาอีกครั้งในสภาพที่ดีกว่าเดิม
ร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีขาวราคาแพงลิบ กำลังเดินออกมาจากอาคารหอฉันท์ของทางวัดไทย ในมือของเขาถือภาชนะสำหรับกรวดน้ำอุทิศบุญกุศล ก่อนจะเลือกต้นไม้ใหญ่ที่ปลูกอยู่ภายในบริเวณวัด พร้อมเลือกใบของต้นไม้เป็นที่รองรับน้ำที่เขาตั้งใจทำบุญนี้ไปให้น้องชายฝาแฝด
“ขอบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้กระทำในวันนี้ ได้โปรดส่งผลบุญไปให้น้องชายฝาแฝดของข้าพเจ้า นายเจตน์ เดชวโรดม ให้ได้รับผลบุญกุศลจากข้าพเจ้าที่ตั้งใจกระทำในวันนี้ ขอให้นายเจตน์ เดชวโรดม น้องชายของข้าพเจ้ามารับอนุโมทนาบุญกุศลนี้ด้วยเทอญ” สิ้นคำกล่าวอุทิศบุญกุศล สิ่งที่อลันคาดหวังไว้ก็ปรากกฎขึ้นมาทันที
“ขอบคุณครับพี่ชายยย” เสียงของน้องชายฝาแฝดล่องลอยมากับสายลม ทำให้อลันหันกลับไปมองรอบๆ ตัวเอง ก่อนจะค่อยๆ แหงนหน้ามองขึ้นบนท้องฟ้า เมื่อมีแสงบางอย่างกระทบใบหน้าของเขา
ร่างโปร่งแสงของเจตน์อยู่ในชุดลำลองที่เขาเพิ่งทำบุญไปให้ ทั่วทั้งร่างอิ่มเอิบและไม่ได้เปียกปอนเหมือนตอนที่พบกันครั้งแรก ใบหน้าที่แสนเศร้าบัดนี้อิ่มเอมด้วยแรงบุญกุศลที่พี่ชายของเขาตั้งใจอุทิศผลบุญไปให้เขา
“เจตน์” อลันเอ่ยชื่อน้องชายฝาแฝดออกมาเบาๆ เขารู้สึกเป็นสุขอย่างยิ่งที่ได้เห็นน้องชายในสภาพที่ดีกว่าที่เขาคิดไว้มาก
“ผมขอบคุณพี่ชายมากครับ สิ่งที่พี่ชายทำบุญอุทิศให้กับผม ผมได้รับทั้งหมดแล้ว มากมายเสียเหลือเกิน แต่ตอนนี้ผมต้องตามท่านไปก่อน หลังจากนั้นผมจะกลับมาหาพี่ชายอีกครั้ง” น้องชายฝาแฝดเอ่ยบอก พี่ชายของเขา
“แกจะไปไหนเจตน์ แกจะจากพี่ไปแล้วเหรอ” ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยความรู้สึกใจหายเมื่อได้ยินน้องชายฝาแฝดเอ่ยคล้ายการสั่งลา
“ผมยังไปไหนไม่ได้หรอกพี่ชาย ผมตายก่อนอายุขัยจริงของผม ยังคงต้องวนเวียนอยู่ใกล้ๆ ยังไปไหนไม่ได้จนกว่าจะถึงอายุขัยของผมที่แท้จริง ถึงจะไปภพภูมิอื่น แต่ที่ผมต้องไปตอนนี้เพราะโลกของวิญญาณมีกฎ แต่ผมจะกลับมาหาพี่อีกครั้งเมื่อตอนที่พี่กลับเมืองไทย เพราะที่นี่ไม่ใช่เขตดินแดนโลกวิญญาณของเรา”
“แล้วแกจะกลับมาหาพี่ได้อย่างไงเจตน์” อลันละล่ำละลักถามดวงวิญญาณของน้องชายทันที
“ก่อนที่พี่จะกลับเมืองไทย ให้พี่เอาพระสงฆ์ไปสถานที่ที่ผมตายแล้วให้พระท่านถอนดวงวิญญาณของผมออกจากสถานที่แห่งนั้น เพื่อให้ดวงวิญญาณของผมหลุดพ้นจากสถานที่ตาย วันที่พี่จะกลับเมืองไทยให้จุดธูป 1 ดอก เรียกชื่อผมให้ตามพี่กลับไปเมืองไทยด้วยกัน ดวงวิญญาณของผมก็จะสามารถออกจากแผ่นดินต่างแดนนี้ได้”
“จุดธูปบอกแล้วไปได้เลยใช่ไหม”อลันถามสวนกลับไป
“ก็ไม่เชิงเสียทีเดียว วิญญาณของผมจะถึงแผ่นดินไทยได้เพราะได้ตามพี่ไป เวลาพี่ซื้อตั๋วเครื่องบิน ให้พี่ซื้อที่นั่งเปล่าให้ผมด้วย ส่วนผมจะออกมาพบพี่ได้ตอนไหน เมื่อถึงเมืองไทยเราก็คงได้รู้ด้วยกันทั้งคู่เพราะตอนนี้ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน” ดวงวิญญาณของเจตน์เอ่ยบอกพี่ชาย เล่นเอาคนเป็นพี่พลอยงงไปเลย
“อ้าว..แล้วพี่จะรู้ได้อย่างไงว่าแกมากับพี่ด้วย” ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“วิธีนี้เป็นวิธีที่เชิญดวงวิญญาณให้หลุดพ้นจากสถานที่ตาย ดวงวิญญาณจะไม่ต้องอยู่วนเวียนติดอยู่กับสถานที่แห่งนั้น และถ้าได้เชิญดวงวิญญาณกลับบ้านผมก็จะสามารถกลับมาได้ด้วยเช่นกัน พี่ชายอย่าลืมทำตามที่ผมบอก พาผมกลับเมืองไทยด้วยนะพี่ชายยย” ดวงวิญญาณของเจตน์เอ่ยบอกพี่ชายฝาแฝด พร้อมค่อยๆ เลือนหายไป
“เดี๋ยว...เดี๋ยว...เจตน์...” อลัน ตะโกนเรียกชื่อน้องชายฝาแฝดแต่ก็ไม่เป็นผล ดวงวิญญาณของน้องชายเลือนหายไปแล้วท่ามกลางสายลมที่พัดผ่าน
“แกไม่ต้องห่วงเจตน์ พี่จะต้องพาดวงวิญญาณของแกกลับเมืองไทยให้ได้ พี่ให้สัญญา” อลันรำพึงออกมาเบาๆ และเหมือนดวงวิญญาณของน้องชายฝาแฝดจะรับรู้ได้ถึงคำสัญญาของเขา สายลมพัดผ่านหมุนวนรอบตัวเขาอยู่เพียงครู่ก่อนจะค่อยๆ เลือนหายไปในที่สุด
ย้อนกลับไปภายในคฤหาสน์หรูกลางใจเมือง
ภายในห้องนอนใหญ่ของอลัน
ภายในห้องนอนใหญ่ของมหาเศรษฐีหนุ่มในขณะนี้ ร่างชายหนุ่มฝาแฝดที่หน้าตาเหมือนกับถอดแบบพิมพ์กันมาทุกกระเบียดนิ้ว ร่างหนึ่งคือคนและอีกร่างหนึ่งคล้ายคนแต่ไม่ใช่ เพราะโปร่งแสงคล้ายดวงวิญญาณ ทั้งคู่กำลังยืนสนทนากันอยู่ในขณะนี้ และเสียงของดวงวิญญาณกำลังเอ่ยปรับทุกข์ขึ้นมา
“เป็นกรรมของผมเองพี่ชาย แต่ก็โชคดีตรงที่พี่ชายมองเห็นวิญญาณผมและสื่อสารกับผมได้ ไม่อย่างนั้นผมคงแย่ เคว้งคว้างน่าดู ไปตายถึงอเมริกาผมถึงไปไหนไม่ได้ จิตสุดท้ายก่อนตายคิดถึงแต่พี่ชาย แต่ในที่สุดพี่ก็พาผมกลับมาถึงเมืองไทยจนได้”
“เออ...ก็เพราะแกเป็นน้องชายฉัน ฉันจะต้องทำทุกอย่างเพื่อแกเจ้าเจตน์ แต่ตอนนี้สิ่งที่เราจะต้องรีบทำกันต่อไปคือ ต้องรีบพาคุณพ่อออกจากโรงพยาบาลที่คุณพ่อรักษาตัวอยู่ในตอนนี้ให้ได้” ชายหนุ่มเอ่ยบอกดวงวิญญาณของน้องชาย
“พี่ชายจะเอาคุณพ่อออกมาอย่างไง คนบงการที่ฆ่าผมมันคงคอยเฝ้าคุณพ่ออยู่ และมันคงจะเป็นคนใกล้ตัวเราไม่อย่างนั้นมันจะล่วงรู้ความเป็นไปทุกอย่างของเดชวโรดมได้อย่างไงกัน และถ้าพี่ออกไปตอนนี้พี่จะเป็นอันตรายมากนะพี่อลัน” ดวงวิญญาณของน้องชายเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง
“แล้วใครบอกว่าพี่จะเป็นคนพาคุณพ่อออกจากโรงพยาบาลนั้น พี่ให้ทีมบอดี้การ์ดของพี่จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยและแนบเนียนล่วงหน้าแล้วไอ้น้องชาย อีกไม่นานคุณพ่อจะถูกนำตัวมาที่บ้านหลังนี้ และจะมีแพทย์และพยาบาลที่พี่จ้างมาคอยดูแลเป็นพิเศษ อย่าลืมสิว่าพี่เป็นใคร” ชายหนุ่มเอ่ยบอกดวงวิญญาณของน้องชาย
และคำตอบของอลันดังกล่าว ทำให้ดวงวิญญาณน้องชายฝาแฝดถึงกับโล่งอกเมื่อล่วงรู้ว่า พี่ชายฝาแฝดไม่ต้องเสี่ยงชีวิตไปที่โรงพยาบาลจะทำให้พวกที่บงการอยู่เบื้องหลังไหวตัวทัน ก่อนจะถามกลับไปด้วยความอยากรู้
“ต่อไปพี่ชายจะจัดการอย่างไงกับพวกที่อยู่เบื้องหลังการตายของผม และทำร้ายคุณพ่อ รวมไปถึงอยู่เบื้องหลังการทำลายชื่อเสียงและควบกิจการของครอบครัวเรา”
“แกเป็นผีไม่เห็นอะไรล่วงหน้าเหรอวะเจตน์ หรืออ่านความคิดความในใจของพี่ได้” คำตอบของพี่ชายเล่นเอาดวงวิญญาณของเจตน์ถึงกับอึ้งไปเลย
“โธ่พี่ชาย ผมเพิ่งตายใหม่ๆ ไม่ได้มีอิทธิฤทธิ์อะไรสักหน่อย พี่ดูหนังมากไปหรือเปล่า” น้องชายฝาแฝดเอ่ยตอบติดตลกกลับไป
“มะเหงก...ฉันไม่ค่อยได้ดูหนังอะไรอย่างที่แกคิดหรอก ถ้าจะดูก็หนักไปทางข่าวสารรอบโลก สภาพเศรษฐกิจ การเมือง การปกครองเสียมากกว่า” อลันเอ่ยตอบน้องชายฝาแฝด พลางถอดเสื้อสูทลำลองออกจากร่างของเขา
ตุบ! บางสิ่งร่วงหล่นตกลงสู่พื้นโดยที่เขาไม่ทันสังเกต
เจตน์ค่อยๆ ก้มลงเก็บสิ่งที่ตกลงอยู่กับพื้นเพื่อนำมาให้พี่ชาย แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่สามารถหยิบจับสิ่งนั้นขึ้นมาได้เลยแม้แต่น้อย
หวืด...หวืด...หวืด จับแล้วผ่าน จับแล้วทะลุ วิญญาณเพิ่งตายใหม่ๆ กำลังและบารมียังมีไม่พอ
“เอา...เอา...เอา...นั่นแกกำลังจะทำอะไรเจตน์ แกอย่าบอกนะว่าแกไม่สามารถหยิบจับวัตถุอะไรได้เลย” อลันเอ่ยถามน้องชายฝาแฝด เมื่อเขามองเห็นน้องชายพยายามหยิบกระดาษที่ตกอยู่กับพื้นขึ้นมา ก่อนจะก้มตัวเป็นคนหยิบขึ้นมาเอง พร้อมเสียงของน้องชายเอ่ยบอก
“สงสัยต้องฝึกทำสมาธิบ่อยๆ ดวงวิญญาณจะได้มีบารมีมากขึ้นกว่านี้ ว่าแต่อะไรเหรอพี่ชาย” เจตน์เอ่ยถามเมื่อเห็นพี่ชายพลิกรูปถ่ายตรงหน้าจากด้านหลังไปด้านหน้า
“เป็นภาพถ่ายดูจะเก่ามากเลย เก็บได้ที่สนามบินไม่รู้ว่าเป็นของใครทำตกหล่นไว้” อลันเอ่ยบอกน้องชายและเขาก็ต้องเงียบเสียงลง
มือหนาพลิกภาพถ่ายตรงหน้าจนเผยให้เห็นว่าสิ่งที่อยู่ในมือเขาคืออะไร มันคือรูปถ่ายขาวดำของหญิงสาว สวมใส่ชุดไทยสมัยโบราณ ภาพนี้เขาเห็นครั้งแรกที่ท่าอากาศยาน แต่ไม่คิดว่าจะติดมือเขากลับมาด้วย ใบหน้าสวย ดวงตาหวาน ริมฝีปากอิ่มเป็นหยักได้รูปสวย ผมสีดำขลับเป็นมันยาวสลวย เขาไม่เคยพบเจอหญิงสาวที่มีลักษณะงดงามและติดตราตรึงใจเช่นนี้มาก่อนเลยตลอด 31 ปี ของเขา
ผู้หญิงในภาพสะกดเขาไว้จนหมด ไม่สามารถละสายตาไปจากภาพถ่ายนั้นไปได้เลย ยิ่งมองเหมือนยิ่งมีชีวิต ยิ่งพินิจยิ่งทำให้เขาโหยหาหญิงสาวที่อยู่ในภาพจนบอกไม่ถูกเลยทีเดียว หรือมหาเศรษฐีหนุ่มกำลังตกอยู่ในภวังค์ที่เรียกได้ว่ารักแรกพบ แต่รักแรกพบของเขาดันเกิดขึ้นกับภาพถ่าย แถมคนในภาพเป็นหญิงสาวสมัยโบราณเสียอีก โธ่ โชคชะตาช่างกลั่นแกล้งเสียนี่กระไร
“พี่ชาย! พี่ชาย! พี่ชาย!” ดวงวิญญาณของเจตน์ เรียกพี่ชายฝาแฝดของเขาเบาๆ แต่ก็ไม่เป็นผล พี่ชายของเขายังคงยืนจ้องมองภาพถ่ายแบบนั้นไม่ขยับเขยื้อนเรือนกายไปแม้แต่น้อย
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! เสียงเคาะประตูห้องนอนดังขึ้นมาทันที และเสียงเคาะประตูดังกล่าวทำให้อลัน หลุดจากภวังค์ของภาพถ่ายหญิงสาวโบราณตรงหน้า
“เอ่อ...เอ่อ...เอ่อ...” อลัน อ้ำๆ อึ้งๆ ไม่รู้จะพูดอย่างไงดีเมื่อเขารู้สึกตัว พร้อมเสียงของบอดี้การ์ดเอ่ยอยู่นอกประตูห้องนอนของเขา
“ท่านครับ อาหารเย็นเรียบร้อยครับ”
“อีก 30 นาที ค่อยจัดขึ้นโต๊ะเดี๋ยวฉันขอทำธุระส่วนตัวหน่อย” อลันเอ่ยตอบกลับไป พร้อมหันกลับไปมองน้องชายฝาแฝดของเขาก่อนจะเอ่ยถาม
“แกมองอะไรพี่วะเจตน์ พี่ผิดปกติตรงไหน”
“ผิดปกติมากเลยเชียวล่ะ” น้องชายฝาแฝดเอ่ยตอบกลับไปตามความเป็นจริง วิญญาณโปร่งแสงค่อยๆ เดินสำรวจรอบๆ ตัวพี่ชายของเขา พร้อมก้มลงพินิจภาพถ่ายของหญิงสาวตรงหน้าก่อนจะเอ่ยถามกลับไป
“พี่ชายทำอย่างกับว่าตกหลุมรักผู้หญิงในภาพถ่าย อาการมันฟ้อง แต่ว่าพี่ชายท่าทางมันคงจะเป็นไปได้ยากนะ เพราะเท่าที่ดูมันจะกลายเป็นรักต่างภพและต่างวัยมากๆ เลย เพราะถ้าผู้หญิงในภาพยังมีชีวิตอยู่ อายุก็น่าจะร้อยกว่าปีแล้ว ดูจากเสื้อผ้าและภาพถ่ายเก่าๆ แบบนี้ น่าจะเป็นคนที่เกิดในสมัยยุคต้นๆ กรุง และท่าทางน่าจะเป็นคนชนชั้นสูงด้วยนะพี่ชาย โห...น้ำเน่าเกินไปไหม” น้องชายฝาแฝดเอ่ยบอกพลางส่ายหน้าไปมาทันที เล่นเอาคนฟังถึงกับอึ้งไปเลยเพราะความไม่รู้ของตน
“ทำไมแกรู้ไปหมดได้อย่างไง รู้ถึงขนาดว่าผู้หญิงคนนี้เกิดในสมัยไหน และมารู้ได้อย่างไงว่าพี่ตกหลุมรักผู้หญิงในภาพถ่ายนี้ แกเดาเอาใช่ไหม ในชีวิตของฉันไม่เคยรักผู้หญิงคนไหนเลยนะ และฉันก็ไม่ใช่คนที่จะรักใครง่ายๆ ด้วย” อลัน โต้เถียงข้างๆ คูๆ น้องชายฝาแฝดออกไปทันที โดยไม่รู้ตัวเลยว่าสิ่งที่น้องชายเขาพูดถูกต้องหมดทุกอย่าง
“ผมไม่ได้เดานะพี่ชาย อาการของพี่ชายที่กำลังเกิดขึ้นแบบนี้ เขาเรียกว่ารักแรกพบ แต่บังเอิญว่าคนที่ถูกรักคือผู้หญิงในภาพ เขาเกิดคนละสมัยกับเราต่างหาก คนที่ตายไปแล้วอย่างผมสัมผัสได้ ถ้าผมสามารถสัมผัสภาพถ่ายของพี่ชายได้ ผมก็จะสามารถบอกได้ว่าเธอไปเกิดหรือยัง หรือว่าเธอยังมีชีวิตอยู่”
“แกทำได้หรือเจตน์” อลันเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจระคนสงสัย แต่จะว่าไปจะทำกันถึงขนาดนั้นทำไม เขาก็แค่รู้สึกชอบในความงดงามของผู้หญิงในภาพถ่าย แต่เธอก็งดงามและสวยมากจนเขาปฏิเสธไม่ได้เช่นกัน
“แต่จะว่าไปไม่ต้องหรอกไอ้น้องชาย มันคงเป็นเพราะพี่ไม่เคยเห็นผู้หญิงไทยในสมัยโบราณมาก่อนก็เลยอดไม่ได้ที่จะชื่นชม แต่ถ้าบอกว่าเป็นรักแรกพบมันไม่ใช่หรอก พี่ไม่มีทางหลงรักใครง่ายๆ เพียงแค่เห็นจากรูปถ่ายเพียงแค่นี้” อลันเอ่ยบอกน้องชายฝาแฝด ซึ่งมันขัดกับความรู้สึกลึกๆ ของเขาอย่างสิ้นเชิง
“อืมม...ปากแข็งสะด้วยพี่ชายเรา แล้วถ้าสมมุติว่าผู้หญิงคนนี้มีตัวตนขึ้นมาจริงๆ พี่ก็คงเฉยๆ กับเธอได้อย่างนั้นสิ ไม่มีทางหลงรัก ไม่มีทางอยากได้ เห็นแล้วก็แล้วไปไม่อยากไขว่คว้าได้เธอมาเป็นเจ้าของ ช่างเจ้าหล่อนเถอะ ใช่หรือเปล่าพี่ชาย” วิญญาณน้องชายเอ่ยกระเซ้าเย้าแหย่ และลอบสังเกตสีหน้าของพี่ชายปรากฏว่าหน้าเปลี่ยนสีไปสะงั้น
“เอาเป็นว่าถ้าผู้หญิงในภาพเขามีชีวิตขึ้นมาจริงๆ หรือมีตัวตนจริงๆ เขาว่ากันดีกว่า แกจะมาถามพี่อะไรมากมายวะไอ้น้องชายขี้สงสัย ถามจริงๆ เถอะตอนแกยังไม่ตาย แกเจนโลกผ่านผู้หญิงมามากมายแค่ไหนกันเชียว” อลันเอ่ยถามกลับไป พลางนำรูปถ่ายวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงของเขา ก่อนจะได้ยินเสียงวิญญาณของน้องชายเอ่ยตอบกลับมา
“ไม่เลย...ผมไม่ชอบผู้หญิง ผมชอบ...” ดวงวิญญาณของเจตน์พูดได้เพียงแค่นั้นก็เงียบเสียงลงทันที ก่อนจะตัดบทเฉไฉไปเรื่องอื่นๆ
“เอาเป็นว่าถ้าผมมีบารมีมากขึ้น ผมจะลองดูว่าผมจะสามารถช่วยพี่ชายอะไรได้บ้างในทุกๆ เรื่องดีไหมพี่ชาย” ดวงวิญญาณของเจตน์เอ่ยบอกพี่ชายของเขา พร้อมส่งยิ้มทะเล้นให้กับพี่ชาย
“ชักทำหน้าทะเล้นบ่อยนะเรา แสดงว่ามีเรื่องปิดบังพี่อยู่ใช่ไหมถึงทำหน้าแบบนี้ ถ้ายังไม่พร้อมที่จะบอกก็ไม่ต้อง เอาไว้พร้อมเมื่อไรค่อยบอกพี่ก็แล้วกัน”
ชายหนุ่มพูดพลางถอดเสื้อเชิ้ตออกจากร่างของเขา เผยแผงอกกำยำล่ำสัน ขนหน้าอกขึ้นเรียงเต็มแผงอกได้รูปสวย ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวพาดบ่ากว้างเดินเข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกาย
ครั้นพี่ชายฝาแฝดเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ เจตน์ค่อยๆ ก้าวเดินเข้าไปยังเตียงนอนของพี่ชาย พร้อมก้มลงมองพิจารณาภาพถ่ายของหญิงสาวในชุดไทยโบราณอีกครั้ง เพื่อหาจุดที่จะสามารถค้นหาเจ้าของภาพถ่ายนี้ได้ แต่ไม่ว่าจะหาอย่างไงก็ไม่สามารถหาจุดที่จะสามารถสาวเรื่องราวต่อไปได้เลย
“ผู้หญิงอะไร ทำไมทิ้งปริศนาให้พากันคิดไปต่างๆ นานาได้ถึงขนาดนี้ แต่มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน มันคือโชคชะตาและพรหมลิขิตที่ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว มีอย่างที่ไหนสนามบินพื้นที่กว้างขวางขนาดนั้น ภาพถ่ายขาวดำผู้หญิงคนนี้มันจะมาตกในสนามบินได้อย่างไง ไม่มีใครสนใจที่จะเก็บขึ้นมาดูแต่ดันเป็นพี่อลันเหยียบโดนเข้าให้ เป็นใครก็ต้องคิด ขนาดผีอย่างเรายังคิดเลย” ดวงวิญญาณของเจตน์รำพึงรำพันด้วยความสงสัยภาพถ่ายหญิงสาวสมัยโบราณที่อยู่ตรงหน้าเขา
สิ่งหนึ่งที่เจตน์เชื่อมั่นว่านี้คือโชคชะตาและพรหมลิขิตของพี่ชายฝาแฝด ที่ถูกกำหนดไว้แล้วล่วงหน้า ผู้หญิงโบราณคนนี้จะต้องเข้ามาเกี่ยวพันกับพี่ชายของเขาอย่างแน่นอน
เขาอยู่ในโลกวิญญาณเขาสัมผัสได้กับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นและสิ่งหนึ่งที่เขารับรู้ก็คือ นับจากนี้ต่อไปพี่ชายฝาแฝดของเขาจะต้องพบเจอกับเหตุการณ์หลายอย่างที่เขาเองไม่สามารถคาดเดาและเล็งเห็นล่วงหน้าได้ รู้แต่เพียงว่าเรื่องดีและเรื่องไม่ดีจะเกิดขึ้นตามมาอย่างพร้อมเพรียงกัน