บริเวณมุมตึก
แต่ไม่ทันจะเดินถึงห้องประธานบริษัทฯ ร่างสูงของอลันในบทบาทของเจตน์น้องชายฝาแฝด เดินออกมาจากมุมตึกดักหน้าแม่เลี้ยงสาวของเขา ราวกับล่วงรู้ว่าเจ้าหล่อนพร้อมคนสนิทจะต้องเดินตามเขามาอย่างแน่นอน พร้อมเอ่ยทักฝ่ายตรงกันข้ามทันที
“รู้...สึก...ว่าภรรยาใหม่ของคุณพ่อมีอะไรข้องใจในตัวผมอย่างนั้นเหรอครับ หรือว่าจะจำผมไม่ได้ หน้าตาผมมันประหลาดตรงไหนไม่ทราบ ถึงจ้องหน้าผมอย่างเอาเป็นเอาตายตั้งแต่อยู่ในห้องประชุมแล้ว... ทำไมเหรอครับ... แปลกใจมากนักเหรอ ที่เห็นผมรอดกลับมา!” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงลอดตามไรฟันเน้นหนัก เพื่อดูกิริยาของฝ่ายตรงข้าม
ทันทีที่ถูกหนุ่มหล่อตรงหน้าเอ่ยออกมาเช่นนั้น แม่ม่ายสาวหมาดๆ หน้าถอดสีไปเลยทีเดียวเมื่อถูกถามตรงจุด ก่อนจะสงบสติอารมณ์พร้อมเชิดหน้าขึ้นสูง
“ก็...ก็แค่แปลกใจ ไม่เห็นกันพักใหญ่ ไม่คาดคิดว่าคุณเจตน์จะเปลี่ยนแปลงไปมากถึงขนาดนี้ มันแปลกตาไปมาก ผิดกว่าแต่ก่อนที่เห็น แต่ก็หน้าตายังเหมือนเดิมเพียงแต่...” ม่ายสาวพูดได้เพียงแค่นั้นก็ต้องหยุด เมื่อลูกเลี้ยงของเธอเอ่ยแทรกขึ้นมา
“หน้าตาผมดูดีและหล่อเหลากว่าเดิมมากมาย เป็นธรรมดาที่ผมต้องดูแลตัวเองให้เต็มที่เพราะเผื่อมีอะไรเกิดขึ้น ผมก็สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่ต้องตกเป็นเหยื่อให้ใครมาทำร้ายผมได้ง่ายๆ เหมือนคุณพ่อ!”
ชายหนุ่มพูดพร้อมยักไหล่กว้าง ก่อนจะปรายหางตามองเหยียดๆ ผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าแม่เลี้ยงของเขา และการมองของเขาทำให้ม่ายสาวเกิดอาการไม่พอใจขึ้นมาทันที
“นี่คุณเจตน์! คุณกำลังพูดอะไรของคุณอยู่ กรุณาสื่อสารให้คู่สนทนาคุณรู้เรื่องบ้าง และอีกอย่างคุณใช้สายตามองดิฉันแบบนั้นทำไม ดิฉันมีศักดิ์เป็นแม่เลี้ยงของคุณนะ คุณพ่อของคุณยังต้องให้เกียรติดิฉันเลย” ม่ายสาวเอ่ยบอกกลับไป
“เหรอ!...เชอะ!” ชายหนุ่มกล่าวประชดพร้อมสบถทันที
ร่างสูงใหญ่ค่อยๆ ก้าวเข้ามาหาม่ายสาวช้าๆ ความสูงในระดับ 189 เซนติเมตร ภายใต้ชุดสูทราคาแพงลิบที่ปกปิดกล้ามเนื้อแผงอกอันแน่นตึง ผมสีดำสนิทถูกตัดทรงมาอย่างประณีต ช่างรับกับใบหน้าหล่อเหลาคมเข้ม ที่เพียบพร้อมด้วยเครื่องหน้าของบุรุษเพศที่แสนชวนฝัน เจตน์ เดชวโรดม ในขณะนี้ทำให้ม่ายสาวหัวใจเต้นแรงมาก
เขาไม่ใช่ชายหนุ่มร่างผอมสูง เก้งก้างเหมือนคราก่อน ดวงตาสีสนิมเหล็กภายใต้ขนตางอนราวผู้หญิง ก้มลงจ้องมองม่ายสาวตรงหน้าที่มีความสูงเพียงแค่ครึ่งเดียวของร่างกายเขา และปากของเขาก็ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก เมื่อคำกล่าวของชายหนุ่มเล่นเอาม่ายสาวหน้าชาไปเลยทีเดียว
“แต่บังเอิญว่าผมไม่ใช่คุณพ่อ! เพราะฉะนั้นเกียรติที่คุณร่ำร้องอย่าหวังว่าจะได้รับจากผม เพราะผมไม่มีจะให้สำหรับผู้หญิงอย่างคุณ และตอนนี้คุณก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผมอีกต่อไป เพราะคุณพ่อของผมท่านได้เสียชีวิตไปแล้ว เพราะฉะนั้นอย่าสะเออะ! มาเรียกว่าผมเป็นลูกเลี้ยงของคุณ เพราะคุณกับผมมันคนละชั้นกัน!” ชายหนุ่มพูดพร้อมระเบิดเสียงหัวเราะใส่หน้าม่ายสาวตรงหน้า
ฉาด! ใบหน้าคมเข้มหันไปอีกทางตามแรงตบของแม่เลี้ยงสาว
“นี่คือสิ่งที่จะต้องได้รับ เพราะคุณไม่ให้เกียรติแม่เลี้ยงของคุณ” ม่ายสาวเอ่ยบอกลูกเลี้ยงของเธอด้วยความสะใจ และยังไม่ทันที่จะได้กล่าวสิ่งใดต่อไป เธอก็ถูกลูกเลี้ยงหนุ่มจัดการเอาคืนทันที
ฉาด!...โอ๊ย! ชายหนุ่มตบหน้าแม่เลี้ยงของเขาจนร่างของเธอล้มลงไปกองกับพื้นทันที แรงตบที่รุนแรงทำให้ริมฝีปากของเธอแตก เลือดไหลกบปากเลยทีเดียว พร้อมเสียงดุดันของลูกเลี้ยงดังกระหึ่มตามติดมา
“คนอย่างเธอไม่มีทั้งเกียรติและศักดิ์ศรีอะไรทั้งนั้นมารตี! อย่ามาอ้างความเป็นแม่เลี้ยงและเรียกร้องเกียรติของเธอกับฉัน เพราะฉันไม่มีให้สำหรับคนอย่างเธอ อย่าลืมสิว่าฉันคือประธานบริษัทฯ คนใหม่ และเธอก็หมดบทบาททุกอย่างนับตั้งแต่คุณพ่อท่านเสียชีวิต ตำแหน่งแม่เลี้ยงของเธอมันก็ตายตามคุณพ่อของฉันไปด้วยเหมือนกัน เพราะฉะนั้นกรุณาไปทำความเข้าใจลำดับชนชั้นเสียใหม่ สมองกลวงๆ ของเธอคงจะพอคิดออกบ้างหรอกนะ!”
ชายหนุ่มกล่าวอย่างเหยียดหยามพร้อมก้าวเดินจากไปท่ามกลางสายตาของม่ายสาว ที่มองตามอย่างเคียดแค้นแต่ก็แฝงความรู้สึกบางอย่างที่เปลี่ยนไป
“คนอย่างฉันไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ หรอก พ่อของแกยังต้องสยบให้ฉันเลย แล้วคนอย่างแกหรือจะรอดพ้นเงื้อมมือของฉันไปได้!” ม่ายสาวรำพึงอยู่ภายในใจ ก่อนจะค่อยๆ ถูกพยุงร่างให้ลุกขึ้นจากพื้นโดยมีจิตติและเลขาของเธอคอยช่วยเหลือ
“เธอจะไปไหนก็ไป ฉันมีอะไรต้องปรึกษากับคุณจิตติก่อน” ม่ายสาวเอ่ยปากไล่เลขาของเธอไปให้พ้น พร้อมร่างของเธอก้าวเดินจากไปทันทีโดยมีร่างของจิตติเดินตามหลังอย่างกระชั้นชิด
ห้องกรรมการบริหาร
ทันทีที่ร่างของมารตีก้าวเข้าสู่ห้องทำงานของเธอ ร่างโปร่งของหญิงสาวตรงเข้าไปที่โต๊ะทำงานกลางห้อง ด้านหลังคือตึกสูงระฟ้ามองเห็นใจกลางเมืองกรุงเทพผ่านกระจกของตัวอาคาร ใบหน้าสวยเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด ยกมือขึ้นกอดอกพร้อมหายใจหอบถี่ด้วยความโกรธ ริมฝีปากยังคงมีเลือดสดๆ ไหลซึมออกมาเป็นระยะ
ปัง!.. เจ้าหล่อนกำมือยกกำปั้นทุบกระจกตรงหน้าเธอทันที
“แก...ไอ้เจตน์!” ม่ายสาวกล่าวอย่างเคียดแค้นลูกเลี้ยงของเธอ
ท่ามกลางสายตาของจิตติที่เฝ้ามองอาการคู่ขาด้วยความเป็นห่วง ร่างหนาค่อยๆ ก้าวเข้าไปหาม่ายสาวพราวเสน่ห์เพื่อหวังปลอบประโลมให้หายจากความเครียด
“ไม่เอานะที่รัก คุณอย่าระบายอารมณ์แบบนั้นเลย เดี๋ยวสุขภาพจิตจะเสียเอาได้” ชู้รักกล่าวเตือน
ฉาด! หนุ่มใหญ่หน้าหงายไปเลยทีเดียว เมื่อโดนคู่ขาตรงหน้าเขาตบหน้าสะจนหน้าหงายเงิบ ใบหน้าด้านที่ถูกตบชาไปทั้งแถบเลยทีเดียว
“เป็นไงล่ะผลงานของคุณ! แล้วเห็นหรือยังว่าผลงานของคุณมันกลับมาโผล่หัวในวันนี้ ไอ้พวกลูกน้องกระจอกๆ ของคุณมันทำงานกันดีสะเหลือเกิน จัดการส่งมันไปลงนรกแล้วอย่างนั้นเหรอ แล้วนี่อะไร! ทำไมมันถึงกลับมาได้ มันยังไม่ตายแถมยังรอดกลับมาได้ แล้วมันทำท่าสงสัยฉันด้วย ผลงานเหรอ! นี่เหรอผลงาน!” ม่ายสาวส่งเสียงเกรี้ยวกราด พร้อมหยิบจับสิ่งของที่ใกล้ตัวขว้างใส่หนุ่มใหญ่ตรงหน้าอย่างไม่ยั้งมือ
“อย่าเอะอะเสียงดังไปมารตี สงบสติอารมณ์หน่อย อาการของคุณตอนนี้เหมือนคนบ้าแล้วรู้ไหม คุณอยากถูกจับเพราะความไม่ระวังปากและอารมณ์ของคุณอย่างนั้นเหรอ” หนุ่มใหญ่กล่าวเตือนสติม่ายสาวตรงหน้า และสิ่งที่เขาพูดทำให้ความบ้าคลั่งของเจ้าหล่อนหยุดลงได้จริงๆ มีแต่เสียงรำพึงรำพันดังออกมาจากปากคู่ขาของเขาเป็นระยะๆ
“ทำไมมันถึงได้รอดกลับมาได้! ฉันอยากรู้...มันกลับมาคราวนี้ไม่เหมือนเดิม ลูกเลี้ยงฉันมันเปลี่ยนแปลงไปมากจนฉันแปลกใจ ทั้งท่าทางการพูดการจา รูปร่างหน้าตาก็เปลี่ยนไปจากเดิมมาก” มารตีพูดพลางใช้ความคิด ก่อนจะได้ยินเสียงของนายจิตติเอ่ยถามด้วยความอยากรู้
“ลูกเลี้ยงของคุณตอนนี้แตกต่างกว่าเมื่อก่อนมากขนาดนั้นเลยเหรอคุณ มันผิดแปลกแตกต่างอย่างไง คุณถึงบอกว่าหน้าตาก็เปลี่ยน เมื่อก่อนหน้าตามันไม่ได้เป็นแบบนี้อย่างนั้นเหรอ”
“หน้าตาก็เหมือนที่เราเห็นพร้อมๆ กันวันนี้แหละ โครงหน้าอะไรก็คงเดิมเพียงแต่ตอนนี้ดู หล่อเหลา คมคาย โครงหน้ารับกันแบบลงตัวไปทุกส่วน เมื่อก่อนมันทั้งผอมทั้งสูง แต่ตอนนี้มันทั้งหนาและใหญ่ไปทุกส่วน แตกต่างกว่าเมื่อก่อนที่เก้งก้างติดไปทางขี้โรค ดูอ่อนแอไม่มีแรง และดูที่มันทำกับฉันวันนี้สิ มันตบฉันจนล้มทั้งยืน ปากแตกเลือดยังไหลไม่ยอมหยุดเลยตอนนี้” หญิงสาวพูดพร้อมยกมือขึ้นจับริมฝีปากของเธอลูบไปมาเบาๆ ด้วยความเจ็บ
หนุ่มใหญ่ยืนฟังม่ายสาวกล่าวสาธยาย เพราะเขายังไม่เคยเห็นลูกเลี้ยงของเจ้าหล่อนแบบถนัดๆ สักที เท่าที่เขาเคยเห็นก็เพียงระยะไกลๆ เท่านั้น จึงไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างออกจากกันได้ ก่อนจะเอ่ยเตือนคู่ขาของเขากลับไป
“ผมคิดว่าทั้งคุณและผมคงต้องนิ่งเอาไว้ก่อน เราจะต้องไม่ให้มันระแคะระคายหรือลงมือตามสืบเรื่องที่มันถูกฆ่าที่อเมริกา ผมคิดว่าการที่มันรอดมาได้มันจะต้องระวังตัวมากขึ้น เพราะผมเห็นมีคนอารักขามันอยู่หน้าห้องประชุมหลายคนเลยทีเดียว ช่วงที่เราเก็บตัวเงียบเราค่อยๆ วางแผนว่าจะจัดการมันอย่างไงกันต่อไป” นายจิตติกล่าวเสนอความคิดเห็น
“นี่คุณอย่าบอกนะว่าจะวางแผนลงมือฆ่ามันอีก ถ้าเกิดไม่สำเร็จขึ้นมาทั้งคุณและฉันไม่เสร็จมันทั้งคู่อย่างนั้นเหรอ อีกอย่างจะหาทางเล่นงานมันและเอาบริษัทฯ ของมันมาเป็นของเรามันไม่ง่ายเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ไม่รู้ว่ามันมีเงินมากมายมหาศาลมาอัดฉีดบริษัทฯ ของมันและในเครือได้อย่างไง ฉันไม่เข้าใจเงินเป็นหมื่นๆ ล้าน แต่มันพูดเหมือนเงินแค่บาทสองบาท” หญิงสาวกล่าวตั้งข้อสังเกต
ทั้งจิตติและมารตีต่างคนต่างกำลังใช้ความคิด ทั่วทั้งห้องจึงเงียบงันไม่มีเสียงใดๆ เล็ดลอดออกมาได้เลย จนกระทั่งเหมือนทั้งคู่จะใช้ความคิดตรงกัน
“ใช้แผนเดียวกับพ่อมัน!” ทั้งสองเอ่ยออกมาอย่างพร้อมเพรียงก่อนจะพากันหัวเราะออกมาพร้อมๆ กันเมื่อล่วงรู้ว่าต่างมีความคิดตรงกัน ก่อนจะได้ยินเสียงฝ่ายชายเอ่ยเตือน
“ถ้าแผนที่เคยใช้กับพ่อของมันสำเร็จ หวังว่าคุณคงไม่หลงมันจนไม่ลืมหูลืมตาแล้วลืมผมไปนะมารตี” จิตติพูดพร้อมจ้องมองม่ายสาวตรงหน้าที่ยังสวยพริ้งด้วยอายุที่ยังน้อยเพียงแค่ 28 ปี ความสวยและความสาวของเธอยังใช้การได้อีกนาน
“ให้มันสำเร็จก่อนเถอะ เพราะมันไม่ได้โง่เหมือนเมื่อก่อน ไม่รู้ว่ามันไปกินปลามาจากไหนถึงได้ฉลาดเป็นกรดจนน่าแปลกใจ เมื่อก่อนดูมันบื้อๆ ซื่อๆ ไม่ทันคน ประมาณว่าเป็นคนมองโลกสวยไปทั้งหมด” หญิงสาวเอ่ยบอกหนุ่มใหญ่ตรงหน้าแต่ลึกลงไปภายในใจของเธอกลับตรงกันข้ามกับที่เธอพูด
เพราะเจตน์ เดชวโรดม ในยามนี้แตกต่างจากเมื่อก่อนราวฟ้ากับดิน เธอยอมรับว่าลูกเลี้ยงของเธอในขณะนี้เป็นหนุ่มหล่อที่ชวนฝันและน่าพิสมัยอย่างยิ่งยวด ตอนที่เธอยืนอยู่ใกล้ๆ เรือนกายของเขาทำให้เธอมองเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน
ความหนุ่มแน่น พละกำลังและร่างกายที่แสนจะน่าพิสมัยที่มีอาภรณ์ปิดบังเป็นสิ่งรัญจวนใจเธอยิ่งนัก ขนาดแรงตบของลูกเลี้ยงยังจำติดตรึงยากจะลืม แม่เลี้ยงสาวเริ่มคิดอกุศลกับลูกเลี้ยงหนุ่มเข้าให้แล้ว พูดง่ายๆ พ่อตายก็ฟาดลูกต่อ เงินทองจะหายไปไหนกันเล่า
ม่ายสาวเริ่มวางแผนการนารีพิฆาตลูกเลี้ยงของเธอ เรื่องอะไรที่เธอจะต้องเป็นฝ่ายโดนเฉดหัวออกไปเพราะหมดบทบาทการเป็นแม่เลี้ยงของเขา เธอยังสาวยังสวย แถมอายุยังน้อยกว่าลูกเลี้ยงของเธอตั้ง 3 ปี ในเมื่อสถานภาพการเป็นแม่เลี้ยงมันใช้ไม่ได้ เธอก็ต้องขยับสถานภาพของเธอมาเป็นเมียของลูกเลี้ยงหนุ่มที่แสนหล่อเหลาให้จงได้ หลังจากนั้นค่อยว่ากันต่อไป จะเก็บไว้บำรุงบำเรอเลี้ยงดูเล่นหรือจะส่งให้ตายตามพ่อไปก็สุดแท้แล้วแต่ที่เธอจะสั่ง
มารตีวาดฝันเพ้อเจ้อ จินตนาการความสุขระหว่างเธอกับลูกเลี้ยงด้วยความมักง่าย เอาแต่ได้และโลภมาก อยากได้แต่ของคนอื่น โดยไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าของเธอจะเป็นอย่างไรกับผู้ชายที่เพิ่งพบกันในวันนี้