ตอนที่ 13 ประธานคนใหม่ 2

3273 คำ
วันประชุมบริหารบอร์ด อาคารเดชวโรดม ภายในห้องประชุมอันโอ่อ่า คณะกรรมการบริหารต่างพากันทยอยเข้ามาในที่ประชุมกันอย่างเนืองแน่น เนื่องจากมีวาระประชุมสำคัญ เพราะประธานบริหารได้ถึงแก่กรรมหลังจากที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลมานานกว่า 5 เดือน ในวันนี้จึงเป็นวาระประชุมเร่งด่วนเพื่อเลือกประธานกรรมการบริหารคนใหม่ขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทนที่ เสียงพูดคุยระหว่างกรรมการบริหารเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดกัน ว่าผู้ใดจะสมควรขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทนคุณคมกริช เดชวโรดม ประธานบริหารคนเก่าที่เพิ่งถึงแก่กรรมไป นอกจากความรู้ความสามารถซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญสุดยอดแล้ว หุ้นในบริษัทฯ ก็เป็นองค์ประกอบสำคัญเช่นเดียวกัน และผู้ที่มีคุณสมบัติที่จะขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานบริหารมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น และที่สำคัญบุตรชายคนเดียวของคุณคมกริช เดชวโรดมจะได้นั่งในตำแหน่งประธานบริหารสืบทอดต่อจากบิดาของเขาได้หรือไม่ ในเมื่อเขาไม่เคยมีบทบาทในการบริหารกิจการภายในบริษัทของเขาเลยแม้แต่น้อย และหนึ่งในกรรมการบริหารมีร่างของแม่ม่ายสาวหมาดๆ ภรรยาของท่านประธานบริหารคนเก่าคุณมารตี เดชวโรดม รวมอยู่ในห้องประชุมนั้นด้วย เธอเป็นคนสวย จึงไม่แปลกที่มาดนางพญาจะอยู่คู่กับเธอด้วยหุ้นที่สามีให้เธอ 15 เปอร์เซ็นต์ และความรู้ในระดับปริญญาโททางด้านบริหาร แม้จะเป็นมหาวิทยาลัยภายในประเทศแต่เธอก็มีคุณสมบัติที่จะก้าวขึ้นเป็นประธานบริหารแทนสามีของเธอได้ไม่ยาก ซึ่งเธอก็มีผู้ช่วยที่ดีสามารถทำตามคำสั่งของเธอได้ทุกเรื่องรวมไปถึงเรื่องบนเตียง “วันนี้คุณสวยมากเลยรู้ไม่มารตี เหมือนกับรู้เลยนะว่าจะได้ตำแหน่งประธานบริหารถึงได้แต่งตัวมาเตรียมพร้อม” เสียงหนุ่มใหญ่กล่าวอย่างชื่นชม เขานั่งอยู่ข้างๆ เธอและคอยดูแลเธอไม่ห่างจนบางครั้งก็แสดงความรู้สึกของเขาออกทางสายตาจนเปิดเผย “สำรวมหน่อยคุณจิตติ อย่าแสดงออกกับฉันจนเปิดเผยมากนัก ตราบใดที่ฉันยังไม่ได้ตำแหน่งประธานบริหาร ฉันยังไม่มั่นใจอะไรทั้งนั้นจนกว่าจะได้ครองทุกสิ่งทุกอย่างสำเร็จ” หญิงสาวเอ่ยบอกกลับไป “แหม...จะต้องไปกลัวอะไรอีกเล่า ในเมื่อคนที่มันขวางทางเราก็จัดการพวกมันออกไปจนหมดแล้ว จะมีใครหน้าไหนเหมาะสมมากไปกว่าคุณไม่มีอีกแล้วล่ะ อย่ากังวลไปหน่อยเลย และเมื่อผมช่วยคุณจนสำเร็จแล้วอย่าลืมค่าตอบแทนของผมด้วยล่ะ หวังว่าคุณคงไม่ลืม” หนุ่มใหญ่เอ่ยทวงบุญคุณแม่ม่ายสาวหมาดๆ ตรงหน้าเขาทันที แทนการตอบแม่ม่ายสาวแสยะยิ้มส่งให้เขา แต่ดวงตาแฝงเร้นบางสิ่งบางอย่างแอบแฝงไว้ในภายใน คนอย่างเธอไม่มีวันปล่อยคนที่ล่วงรู้ความลับทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้นานอย่างแน่นอน “ค่าตอบแทนของแกที่จะได้รับ ฉันเตรียมไว้ให้พร้อมแล้ว มันเหมาะสมกับคนเลวๆ อย่างแกเป็นที่สุด” แม่ม่ายสาวรำพึงอยู่ภายในใจอย่างเหี้ยมเกรียม พลางปรับตัวให้เป็นปกติเมื่อเลขาคนสนิทของเธอนำแฟ้มเอกสารมาให้เจ้านายทั้งสองพร้อมก้มลงกระซิบชิดริมหู “คุณมารตีคะ แฟ้มเอกสารล่าสุดประกอบการเลือกสรรประธานบริหารคนใหม่มาแล้วค่ะ แล้วนี่กรรมการมาครบเกือบหมดทุกท่านแล้ว ขาดแต่คุณเจตน์ที่ยังไม่มาเข้าร่วมประชุม แบบนี้จะสามารถเปิดวาระการประชุมได้หรือคะ” เลขาของเธอเอ่ยถามผู้เป็นนายด้วยความสอดรู้สอดเห็น “เธอคอยดูต่อไปแล้วกัน ไปนั่งประจำที่ได้แล้ว” มารตีเอ่ยสั่งเลขาสาว ก่อนจะเอื้อมมือกดสวิตช์เปิดไมโครโฟนเพื่อเอ่ยในสิ่งที่เธอต้องการ “ขออภัยท่านกรรมการบริหารทุกท่านด้วยค่ะ ดิฉันเห็นว่าถึงเวลาเปิดวาระการประชุมแล้วและกรรมการทุกท่านก็มาพร้อมกันครบทั้งหมด เรามาเริ่มเปิดประชุมเพื่อเลือกสรรผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานบริหารแทนคุณคมกริชกันเลยดีกว่านะคะ” ม่ายสาวกล่าวเร่งรัดเวลา “แต่คุณเจตน์ ลูกชายของคุณคมกริช ยังมาไม่ถึงที่ประชุมนะครับ พวกเราควรที่จะรอให้ครบเสียก่อนคงไม่เสียเวลาอะไรมากไปกว่านี้กระมังคุณมารตี” เสียงหนึ่งในกรรมการเอ่ยแทรกขึ้น และนั้นทำให้แม่ม่ายสาวเกิดอาการไม่พอใจขึ้นมาทันที “รอคนเพียงคนเดียวมันจะเสียเวลามากไปกระมังคะ เพราะตั้งแต่ไหนแต่ไรคุณเจตน์ก็ไม่เคยเข้ามาร่วมประชุมหรือแม้แต่เข้ามาเหยียบภายในบริษัทฯ แม้แต่ครั้งเดียว เพียงแค่นี้กรรมการทุกท่านก็น่าจะพิจารณาถึงคุณสมบัติได้แล้วนะคะว่าสมควรจะได้เข้ารับการเลือกสรรหรือเปล่า!” ม่ายสาวกระแทกน้ำเสียงลงท้ายที่แสดงความไม่พอใจกรรมการที่เข้าข้างลูกเลี้ยงอย่างชัดเจน “คุณมารตีระงับสติอารมณ์หน่อย ท่าทางและคำพูดของคุณต้องการเร่งกรรมการทุกคนจนเกินไปหน่อยนะ” หนุ่มใหญ่เอ่ยเตือนสติ พร้อมเอ่ยผ่านลอดไมโครโฟนทันทีเพื่อแก้ไขสถานการณ์ให้ดูดีขึ้น “คุณมารตีคงจะเป็นห่วงการบริหารที่นับจากนี้ไปนะครับ หากพวกเราเลือกสรรประธานบริหารคนใหม่ล่าช้า บริษัทในเครือน้อยใหญ่และหุ้นของเราในตลาดหลักทรัพย์ของเดชวโรดมจะเกิดความเสียหายได้ อีกอย่างเลยเวลาเปิดวาระการประชุมประมาณ 10 นาทีแล้ว ผมคิดว่าเวลาที่ล่วงเลยมานานขนาดนี้ อย่าเสียเวลารออีกเลยดีกว่า ควรจะเปิดประชุมเพื่อเลือกสรรประธานบริหารคนใหม่ดีกว่ารอคอยแบบนี้ไปเรื่อยๆ” จิตติกล่าวเสนอแนะในที่ประชุม พร้อมหันกลับไปยิ้มให้กำลังใจแม่ม่ายสาวของเขา “แต่ถึงอย่างไรเราก็ต้องรออยู่ดีแหละค่ะคุณมารตี คุณจิตติ เพราะประธานบริหารคนใหม่ของกลุ่มบริษัทเดชวโรดม ก็คือคุณเจตน์ บุตรชายของคุณคมกริช ตามเอกสารของผู้ถือหุ้น ซึ่งคุณเจตน์เป็นผู้ถือหุ้นมากที่สุดถึง 65 เปอร์เซ็นต์ มากกว่าใครๆ ทั้งหมดในที่นี้” กรรมการอาวุโสหนึ่งในนั้นเอ่ยบอกในที่ประชุม ก่อนจะได้ยินเสียงกรรมการอาวุโสอีกรายเอ่ยแทรกขึ้น “คุณมารตีกับคุณจิตติ ยังไม่ได้อ่านแฟ้มรายงานที่ถูกนำมาให้เหรอครับ ภายในแฟ้มได้ชี้แจงเอกสารการเป็นถือหุ้นและคุณสมบัติทั้งหมดของคุณเจตน์เอาไว้เรียบร้อยแล้ว นี่พวกเราก็เพิ่งได้รับพร้อมๆ กับคุณทั้งสอง เพราะฉะนั้นถึงอย่างไรพวกเราก็ต้องรอคุณเจตน์ ให้เข้ามาร่วมประชุมเพื่อแถลงนโยบายและทิศทางการทำงานในฐานะประธานบริหารคนใหม่อยู่ดีนะครับ” สิ้นเสียงกล่าวของกรรมการอาวุโส ทั้งมารตีและจิตติถึงกับหันมามองหน้ากันด้วยความตกใจต่างฝ่ายมีความรู้สึกไม่เชื่อในสิ่งที่กรรมการอาวุโสทั้งสองพูดออกมา ทั้งคู่พยายามปรับสีหน้าและท่าทางให้แลดูปกติ พร้อมค่อยๆ หยิบแฟ้มเอกสารที่เลขานำมาวางไว้ตรงหน้าขึ้นมาอ่านรายละเอียดในข้อความ และทั้งคู่ก็ต้องหน้าตึงเมื่อเอกสารภายในแฟ้มนั้นได้ระบุไว้อย่างชัดเจนเลยว่า ผู้ที่เธอหุ้นมากที่สุดคือเจตน์ เดชวโรดม “ไอ้แก่มันไปเอาเงินมากมายมหาศาลที่ไหนถึงได้หุ้นของ AMS บริษัทฯ ยักษ์ใหญ่ในอเมริกามาลงทุนร่วมกับมันได้ AMS ใครๆ ก็รู้ว่ายิ่งใหญ่และมีเครือข่ายทั่วโลก มันทำอีท่าไหนถึงมีหุ้นมาครองได้มากมายขนาดนี้ จำนวนหุ้น 65%เป็นของไอ้เจตน์คนเดียว ที่เหลืออีก 20 %เป็นหุ้นเล็ก หุ้นน้อยและอีก 15% เป็นของฉัน ทำไมถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไปได้!” มารตีกัดฟันพูดออกมาเบาๆ กับหนุ่มใหญ่ที่เป็นมือเป็นเท้าให้กับเธอ “เรื่องนี้ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมก็เพิ่งจะรู้พร้อมๆ กับคุณนี่แหละ แต่จะไปใส่ใจมันทำไม เรายังเหลือไพ่อีก 1 ใบ อย่าลืมสิว่าไอ้เจตน์มันตายไปแล้ว มันไม่สามารถมาดำรงตำแหน่งประธานบริหารได้หรอก” จิตติเอ่ยบอกแม่ม่ายสาว หนุ่มใหญ่นิ่งเงียบเพื่อหาคำพูดที่จะให้กรรมการทุกคนยกประเด็นการเลือกสรรเข้ามาแทนที่เพื่อลบอำนาจการเป็นผู้ถือหุ้นที่ใหญ่ที่สุดของเจตน์ เดชวโรดมออกไป เพราะย่อมเป็นไปไม่ได้ที่คนตายไปแล้วจะมาปรากฏตัวในที่ประชุมแห่งนี้ได้ สู้เฝ้ารอคอยเวลาให้เหมาะสมกว่านี้เพื่อความแนบเนียนจะดีกว่า เวลาผ่านไปนานนับชั่วโมง กรรมการแต่ละท่านในที่ประชุมเริ่มดูนาฬิกาข้อมือของตัวเองเป็นว่าเล่น จนแล้วจนรอดว่าที่ประธานบริหารคนใหม่ก็ยังมาไม่ถึงที่ประชุมสักที จนทำให้กรรมการอาวุโสหนึ่งในนั้นเอ่ยผ่านลอดไมโครโฟนเพื่อขอคำปรึกษากรรมการบริหารในที่ประชุม “เดี้ยนคิดว่าเวลาก็ล่วงเลยมานานมากแล้ว การประชุมเพื่อลงมติรับประธานบริหารคนใหม่ตามวาระทุกท่านมีความคิดเห็นเช่นไรคะ เนื่องจากคุณเจตน์ มีจำนวนหุ้นมากที่สุดในบริษัทฯ ซึ่งหุ้นรองลงมาก็มีอำนาจไม่ถึง 35 % ดังนั้นเราน่าจะเลื่อนการลงมติที่ประชุมในวันนี้ออกไปก่อน ให้คุณเจตน์มาอธิบายอีกครั้งถึงสาเหตุที่ไม่สามารถเข้ามาร่วมประชุมในวันนี้ได้จะดีไหมคะ ท่านกรรมการทุกท่าน” ได้จังหวะของคนโฉด ทั้งจิตติและมารตีต่างพยักหน้าเป็นการรู้กัน ว่าจะต้องรับลูกล่อลูกชนกันต่อไปอย่างไง หนุ่มใหญ่เอ่ยแสดงความคิดเห็นออกมาทันที “แต่ผมคิดว่ามันจะเสียเวลานะครับ เพราะถึงแม้ว่าคุณเจตน์จะมีหุ้นมากกว่าทุกคนก็จริง แต่ถ้าไม่สามารถบริหารงานได้ เราก็ต้องคัดเลือกผู้ที่มีความรู้ความสามารถขึ้นมาบริหารงานอยู่ดี ซึ่งผมคิดว่าคุณมารตีน่าจะทราบข้อมูลของคุณเจตน์เป็นอย่างดี” จิตติส่งลูกให้แม่ม่ายสาวเอ่ยสำทับต่อทันที “ดิฉันคิดว่าคุณเจตน์ไม่สามารถมาร่วมประชุมในวันนี้ได้แน่นอนเหมือนกับทุกๆ ครั้ง ลูกเลี้ยงของดิฉันคนนี้ทุกท่านก็ทราบดีว่าไม่เคยมาทำงานหรือแม้แต่เข้ามาที่บริษัทฯ ให้ทุกท่านได้เห็นหน้าแม้แต่ครั้งเดียว อันที่จริงหากจะว่ากันไปแล้วถึงแม้หุ้นในบริษัทฯ ของคุณเจตน์จะมีมากที่สุด แต่ถ้าบริหารไม่ได้เพราะอะไรก็แล้วแต่ เราก็ต้องเลือกสรรประธานบริหารคนใหม่เพื่อมาดูแลกลุ่มบริษัทเดชวโรดมต่อไปจริงไหมคะทุกท่าน และดิฉันก็มั่นใจว่าคุณเจตน์ไม่มาอีกแล้วค่ะ” ม่ายสาวเอ่ยบอกกรรมการด้วยความมั่นใจ และคำพูดของเธอทำให้กรรมการทุกคนคล้อยตามไปกับคำพูดของเธอกับจิตติ “อะไรทำให้คุณมั่นใจมากขนาดนั้นคุณมารตี!” เสียงเข้มดังกังวานอยู่หน้าประตูห้องประชุม ประตูใหญ่ของห้องประชุมถูกเปิดออกกว้าง เผยให้เห็นบุรุษหนุ่มร่างสูงใหญ่ หล่อเหลาคมคายในชุดสูทสากลสุดหรูราคาแพงลิบ ดวงตาสีสนิมเหล็กจ้องมองมาทางม่ายสาวตาไม่กะพริบ ทุกคนในห้องประชุมต่างจ้องมองเขาด้วยความประหลาดใจและชื่นชมไปในคราวเดียวกัน พร้อมเสียงของกรรมการอาวุโสเอ่ยแทรกถามขึ้นมา “ขอโทษนะครับ คุณเอ่อ...คุณเป็น...” กรรมการอาวุโสไม่แน่ใจในสิ่งที่เขากำลังจะพูด แต่เนื่องจากหน้าตาของชายหนุ่มคนนี้ไม่มีเค้าหน้าของประธานบริหารคนเก่าแม้แต่น้อย จึงไม่แน่ใจที่จะถามออกมา แต่ไม่ทันที่เขาจะถาม ชายหนุ่มผู้มาเยือนก็เอ่ยแนะนำตัวให้กับทุกคนได้ทราบจนทั่วกัน “ผมคือเจตน์ เดชวโรดม บุตรชายของคุณคมกริช เดชวโรดม ประธานบริหารคนใหม่ของกลุ่มบริษัทเดชวโรดมครับ” สิ้นเสียงกล่าวแนะนำตัว ทั้งห้องประชุมมีแต่เสียงเอ็ดอึงไปทั่ว ไม่คาดคิดว่าประธานบริหารบริษัทคนใหม่จะมีลักษณะที่โดดเด่น และมีบุคลิกของความเป็นผู้นำสูงถึงขนาดนี้ แตกต่างไปจากความคิดเดิมของทุกคนเป็นอย่างยิ่ง “นี่คุณเจตน์จริงๆ หรือครับ พวกเราเคยเห็นคุณตอนเด็กๆ พอโตขึ้นมาได้ยินว่าคุณพ่อของคุณส่งไปเรียนต่างประเทศและก็ไม่เคยเห็นอีกเลย โอโห! ไม่น่าเชื่อเลยว่าคุณจะโตเป็นผู้ใหญ่ได้มากมายขนาดนี้” กรรมการอาวุโสต่างชื่นชมเป็นเสียงเดียวกัน ชายหนุ่มค่อยๆ ก้าวเข้าไปในห้องประชุมก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้สำหรับประธานบริหาร พร้อมกล่าวขอโทษกรรมการทุกคนในห้องประชุม “ผมต้องขออภัยกรรมการทุกท่านที่เดินทางมาประชุมในวันนี้ล่าช้า เนื่องจากผมติดภารกิจในการเจรจาการร่วมทุนของกลุ่มบริษัทพลังงานกับทางสหรัฐอเมริกาเพื่อขอสัมปทานขุดเจาะก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจใหม่ของเดชวโรดม ที่ผมมีความตั้งใจให้บริษัทฯ ของเราก้าวขึ้นมาเป็นสากล และเติบโตได้อย่างยิ่งใหญ่ต่อไปในอนาคตครับ” อลันกวาดสายตาไปทั่วห้องประชุม หากแต่หางตาจับจ้องอยู่ที่ร่างของแม่เลี้ยงสาวของเขาพร้อมเอ่ยขึ้น “เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาอีกต่อไป ผมขอเปิดวาระการประชุมเพื่อแถลงนโยบายการทำงานในฐานะประธานบริหารคนใหม่ของกลุ่มบริษัทเดชวโรดม ขอเชิญทุกท่านรับแฟ้มเอกสารที่ผมเพิ่งจะเปิดโฉมการก้าวกระโดดบริษัทฯ ของเราได้แล้วครับ” ชายหนุ่มกล่าวอธิบายกับกรรมการทุกคนในห้องประชุม พร้อมเริ่มต้นกล่าวนโยบายการทำงานและทิศทางธุรกิจของเขาทันที กรรมการแต่ละคนภายในห้องประชุมขณะนี้ มีความรู้สึกชื่นชมยินดีประธานบริหารคนใหม่อย่างยิ่งยวด และทึ่งในความสามารถ อีกทั้งยังสามารถพูดได้ถึง 5 ภาษา บุคลิกภาพสมเป็นนักธุรกิจใหญ่และความเป็นผู้นำ ตลอดจนความรู้ความสามารถที่เขาโชว์ศักยภาพในการบริหารงาน และที่น่าตกใจมากไปกว่านั้น ประธานบริหารคนใหม่สามารถหาเงินทุนหมุนเวียนให้กับกลุ่มบริษัทเดชวโรดม ได้ถึงห้าหมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงลิ่วจนทุกคนในห้องประชุมอดแปลกใจไม่ได้ ว่าเขาสามารถหาตัวเลขเหล่านั้นมาได้อย่างไง จนกรรมการอดไม่ได้ที่จะสักถามด้วยความอยากรู้เพื่อความกระจ่าง “คุณเจตน์หาเงินทุนหมุนเวียนถึงห้าหมื่นล้านบาทมาจากที่ไหนกันเหรอครับ ทั้งๆ ที่ผลประกอบการของเราเมื่อปีที่แล้วมีกำไรแปดร้อยกว่าล้านเท่านั้น นอกเสียจากเป็นเพียงตัวเลขที่ตั้งไว้เฉยๆ ส่วนเงินค่อยๆ แปรผันจากผลประกอบการของบริษัทฯ” ชายหนุ่มอมยิ้มเล็กน้อย พร้อมปรายหางตามองไปทางแม่เลี้ยงสาวของเขา ที่นั่งมองหน้าเขาอยู่ตลอดเวลาก่อนจะกล่าวอธิบายในที่ประชุม “วันนี้กลุ่มบริษัท AMS จากสหรัฐอเมริกา ได้ลงนามในสัญญาขอสัมปทานการขุดเจาะก๊าซธรรมชาติในทวีปเอเชีย ซึ่งผมได้ตกลงกับกลุ่ม AMS และเราได้เป็นคู่สัญญาเรียบร้อย ทันทีที่ลงนามหุ้นทางด้านพลังงานที่เรามีหุ้นส่วนอยู่กับกลุ่มบริษัท AMS ก็มีคนเข้ามาซื้อหุ้นพลังงานของเรา และเราสามารถได้เงินทุนหมุนเวียนเพียงแค่ลงนามไม่ถึง 4 ชั่วโมง ได้มาแล้วมูลค่าเกือบ 2 พันล้านบาท ซึ่งเงินเหล่านี้จะเป็นเงินสำรองของบริษัทฯ ของเราทั้งหมด และกลุ่มบริษัทเดชวโรดม สามารถมีเงินทุนหมุนเวียนจนครบห้าหมื่นล้านบาทภายในระยะเวลาเพียงแค่ 2 เดือน” “หา!” กรรมการในที่ประชุมต่างอุทานออกมาอย่างพร้อมเพรียง ไม่อยากจะเชื่อว่าบริษัทฯ จะมีเงินสดสำรองมากมายมหาศาลถึงเพียงนี้ “และผมในฐานะผู้ถือหุ้น 65% ของบริษัทฯ ได้ระดมมันสมอง ความคิดและสติปัญญา เพื่อพัฒนาบริษัทฯ ของเราให้ก้าวสู่ความเป็นสากล ด้วยสติปัญญาของผมจึงสามารถทำให้เราได้กำไรในขณะนี้ 2 พันล้านบาทและจะครบห้าหมื่นล้านบาทภายในระยะเวลาไม่ช้า ดังนั้นนับตั้งแต่นี้ต่อไปกลุ่มบริษัทเดชวโรดมของเรา จะเปลี่ยนชื่อใหม่เพื่อก้าวเข้าสู่ความเป็นสากล ซึ่งชื่อใหม่ของกลุ่มบริษัทฯ ของเราคือ AMS วโรดม ทุกท่านเห็นเป็นอย่างไรบ้างครับ” ชายหนุ่มขอความคิดเห็น และเป็นไปตามที่คาดไม่มีเสียงใดคัดค้านความคิดเขาแม้แต่น้อย ประธานบริหารบริษัทฯ คนใหม่ โชว์ฝีมือในการทำงานอย่างเต็มที่ เล่นเอาในที่ประชุมถึงกับอ้าปากหวอไปตามๆ กัน กับแนวความคิดที่ก้าวหน้าที่ไม่มีใครคาดคิดได้เลย แต่ทุกคนในที่ประชุมต่างล่วงรู้กันอย่างแน่นอนว่าผลประกอบการในปีนี้ ต่างรับทรัพย์กันอื้อซ่าด้วยตัวเลขของผลกำไรที่สูงลิบลิ่ว ตามมูลค่าหุ้นของแต่ละคน เกือบสองชั่วโมงกับการแถลงนโยบายของประธานบริหารคนใหม่ จบลงอย่างงดงามท่ามกลางเสียงปรบมือด้วยความชื่นชมยินดีจนดังเอ็ดอึงไปทั้งห้องประชุม แต่คงจะมีเพียงสองคนเท่านั้นที่ดูจะไม่ชื่นชมยินดีเหมือนกับคนอื่นๆ ทั้งคู่กำลังพูดคุยกันอย่างเงียบๆ ด้วยสายตาและใบหน้าที่เคร่งเครียด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองเมื่อทั้งสองรู้สึกว่ามีสายตาจับจ้องคนทั้งคู่จนรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาเสียดื้อๆ อลัน แอนเดอร์สัน สวมบทบาทแทนเจตน์ น้องชายฝาแฝดของเขาที่ล่วงลับไปแล้วจากฝีมือของใครบางคนที่แฝงอยู่ในกรรมการบริหารชุดนี้ และคนที่ถูกจับตามองที่สุดนั้นก็คือแม่เลี้ยงสาวของเขาและนายจิตติ กรรมการอาวุโสของบริษัทฯ เพราะฝ่ายข่าวของเขาได้ให้การว่า ทั้งจิตติและมารตีมีความสัมพันธ์ในเชิงชู้สาว และแน่นอน บิดาของเขาถูกเมียสาวสวมเขาให้นั้นเอง และยิ่งไปกว่านั้นสายข่าวยังรายงานว่าก่อนที่บิดาของเขาจะกลายเป็นเจ้าชายนิทรา นายจิตติเป็นคนสุดท้ายที่เขาไปเยี่ยม และหลังจากนั้นบิดาของเขาก็มีอาการเจ้าชายนิทราตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ชายหนุ่มยืนจ้องมองคนทั้งคู่ด้วยสายตาเย็นยะเยียบ แววตาของเขาบ่งบอกถึงความเกลียดชังได้อย่างชัดเจน ร่างสูงเดินออกจากห้องประชุมใหญ่โดยไม่สนใจไยดีที่จะหยุดพูดคุยกับแม่เลี้ยงสาวของเขาแม้แต่น้อย กิริยาของชายหนุ่มก่อโทสะให้กับม่ายสาวขึ้นมาทันที “นี่มันไม่คิดที่จะหยุดทักทายฉันบ้างเลยเหรอ มันลืมไปแล้วหรือไงว่าฉันเป็นเมียของพ่อมัน!” มารตีกล่าวอย่างมีโทสะ พร้อมก้าวเดินตามหลังลูกเลี้ยงหนุ่มไปติดๆ “มารตีคุณจะไปไหน” จิตติเอ่ยถามตามหลัง “ไปคุยกับลูกเลี้ยงฉันนะสิ” ม่ายสาวเอ่ยตอบพร้อมก้าวเดินไปที่ห้องประธานบริหารอย่างรวดเร็ว โดยมีจิตติและเลขาของเธอก้าวเดินตามหลังไปอย่างไม่รอช้า
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม