วันต่อมานพพลกับพาขวัญก็พาลูกสาวกลับบ้าน ถึงไพลินจะความจำเสื่อมแต่ทั้งสองก็ยินดีที่ลูกฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง
ไพลินก้าวขาลงจากรถยนต์คันสีดำ สายตากวาดมองไปรอบบ้าน บ้านสองชั้นกึ่งปูนกึ่งไม้ ชั้นล่างเป็นปูนเปลือยฉาบเรียบธรรมดาชั้นบนเป็นไม้ทาด้วยสีขาว
“ค่อย ๆ เดินนะลูก” พาขวัญประคองลูกสาวเดินเข้าบ้าน ไม่เข้าใจว่าทำไมชีวิตของลูกสาวคนเล็กถึงได้ซวยซ้ำซวยซ้อน ตั้งแต่เล็กจนโตก็เจ็บป่วยมาตลอด ตอนนี้อายุยี่สิบสองปีแล้วก็ยังต้องมาความจำเสื่อมอีก ไม่รู้เวรกรรมอะไรถึงทำให้เธอต้องเป็นแบบนี้
ทั้งสองเคยแอบเอาวันเดือนปีเกิดไปดูดวงให้ลูกสาว หมอดูเคยทักว่าหากเธอได้แต่งงานชีวิตของเธอก็จะค่อย ๆ ดีขึ้นจนกลายเป็นเศรษฐี และมีคนนับหน้าถือตา แต่จะมีผู้ชายคนไหนล่ะที่จะยอมมาแต่งงานกับคนขี้โรคอย่างไพลิน ยิ่งตอนนี้ยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้เลย ใครเขาจะอยากมีเมียที่จำแม้แต่ชื่อตัวเองไม่ได้
ไพลินหย่อนกายลงนั่งบนโซฟาสีดำภายในบ้าน ชั้นล่างมีห้องอยู่สามห้อง ที่จริงเธอไม่ได้รู้สึกเพลียอะไรหรอก แต่แม่ของเธอกลัวว่าเธอจะล้มก็เลยพยุงร่างเข้ามานั่ง ส่วนผู้เป็นพ่อสะพายกระเป๋าเสื้อผ้าของเธอเข้าไปไว้ในห้องฝั่งขวามือ
เพียงตาได้ยินเสียงรถยนต์เลี้ยวเข้ามาจอด เห็นว่าเป็นรถของพ่อจึงลงมาจากชั้นบนของบ้าน เมื่อเห็นหน้าน้องสาวก็ต้องแปลกใจ วันนี้พ่อกับแม่ไม่ได้บอกว่าจะไปรับน้องสาวของเธอออกมาจากโรงพยาบาล
“ลินกลับมาแล้วเหรอ”
ไพลินเงยหน้ามองตามเสียงแล้วเธอก็ต้องอึ้งอีกครั้งเมื่อผู้หญิงตรงหน้าหน้าตาเหมือนเธอยังกับแกะเธอมีพี่สาวแต่แม่ไม่ได้บอกว่าเป็นพี่สาวฝาแฝด ไพลินตอบออกไปเสียงเบาจนเหมือนกระซิบ “ค่ะ” ต่างกันตรงที่ทรวดทรงองค์เอวเธอดูดีไปหมด ดวงหน้าเนียนสวย ผิวขาวราวกับไม่ใช่เด็กต่างจังหวัดในปีพ. ศ. นี้ ซึ่งแตกต่างจากเธอโดยสิ้นเชิง แต่เธอกับพี่สาวคงขาวได้แม่ด้วยกันทั้งคู่
“เราดีใจที่ตัวฟื้นขึ้นมาอีกครั้งนะ” เพียงตาพูดขึ้นด้วยความดีใจ แววตามีประกายความร้ายกาจบางอย่างวาบผ่าน อยากจะขอบคุณเทวดาเสียจริงที่ช่วยให้น้องสาวเธอฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง อย่างน้อยคนในหมู่บ้านจะได้ไม่มีคำครหาว่าเธอเป็นคนทำให้น้องสาวต้องกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา
“ลินยังจำอะไรไม่ค่อยได้ ตาต้องคอยช่วยน้องรื้อฟื้นความทรงจำนะ”
“หือ! แม่กำลังจะบอกว่าลินความจำเสื่อมอย่างนั้นหรือคะ” เพียงตาเบิกตากว้างไม่คิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับคนในครอบครัว
“ใช่จ้ะ”
“พ่อว่าให้ลินไปนอนพักผ่อนก่อนดีกว่านะ” นพพลพูดขึ้นเพราะไม่อยากให้ไพลินนั่งนาน
ว่าจบนพพลก็พาร่างเล็ก ๆ ของลูกสาวเดินเข้าห้องนอนที่อยู่ชั้นล่างของบ้าน ลูกไม่ค่อยแข็งแรง เขากับภรรยาจึงย้ายให้ไพลินลงมานอนชั้นล่าง
ลับร่างพ่อกับน้องเพียงตาจึงเอ่ยขึ้น
“ตามาคิดดูแล้ว ตาจะยอมแต่งงานกับพี่ไกรค่ะแม่” เพียงตาว่าเสียงอ่อน ช้อนตามองแม่อย่างมีเลศนัย
“หือ! จริงเหรอ ตาไม่ได้โกหกแม่ใช่ไหม” พาขวัญแปลกใจที่เพียงตายอมตกลงแต่งงานง่าย ๆ ทั้งที่ก่อนหน้าหว่านล้อมให้ตายเธอก็ไม่ยอมท่าเดียว
“จริงสิคะ ตาไม่อยากให้พ่อกับแม่ต้องคิดมากค่ะ แค่คิดเรื่องของยายลินก็มากพอแล้ว” แววตาที่เพียงตาสื่อออกมามีแต่ความจริงใจ จนผู้เป็นแม่หาความผิดปกติไม่ได้
“แม่ขอบใจตามากนะที่ยอมเสียสละเพื่อครอบครัว” พาขวัญเอื้อมมือไปจับมือลูกสาวมากุมไว้ ไม่คิดว่าบทจะง่ายเพียงตาก็คุยง่ายเหลือเกิน
คำพูดของเพียงตาทำให้พาขวัญเชื่อสนิทใจ วันข้างหน้าลูกสาวคนโตของเธอก็จะได้มีสมบัติมากเพราะฝ่ายชายนั้นเป็นคนมีฐานะ มีทั้งไร่อ้อย ไร่มันสำปะหลังรวมกันมากกว่าร้อยไร่ เหลือแค่เพียงตายอมแต่งงานกับฝ่ายนั้น สมบัติในส่วนของไกรสรก็จะถูกโอนกรรมสิทธิ์ให้เป็นของเขาทันที เธอจะได้หมดห่วง จะห่วงก็แต่ไพลินคนเดียว
พรุ่งนี้พาขวัญจะต้องไปบอกข่าวดีให้ครอบครัวฝ่ายชายทราบ
“แม่ไปดูน้องก่อนนะ”
“ค่ะแม่”
ให้หลังแม่แล้วมุมปากก็คลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา ไม่มีใครรู้หรอกว่าเธอคิดอะไรอยู่
หลังจากที่พ่อกับแม่ออกไปแล้วไพลินก็ได้แต่นอนเหม่อ
นี่เธอต้องยอมรับสภาพตัวเองใช่ไหม ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เธอไม่ได้ตายแต่การที่ต้องมาอยู่ในร่างนี้ก็เหมือนตายทั้งเป็น เปลือกตากะพริบถี่เพื่อขับไล่หยาดน้ำตาที่กำลังจะเอ่อล้นออกมา เทวดานางฟ้าโกรธแค้นอะไรเธอถึงได้ขีดชะตาให้เธอต้องมาเจออะไรแบบนี้ ชาติที่แล้วสวยแต่ไม่มีคู่ ย้อนกลับมาอดีตดูแล้วก็คงไม่ต่างกัน
เธอเก่งอยู่แล้วนะลลิลจะมาร้องไห้ทำไม ก็แค่เปลี่ยนที่อยู่ใหม่ เปลี่ยนร่างใหม่เอง อยู่ที่ไหนก็คงเหมือนกัน เธอต้องเข้มแข็งและเดินหน้าต่อแค่นั้น ในเมื่อเธอจำอดีตของร่างนี้ไม่ได้ และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร สิ่งเดียวที่เธอทำได้ตอนนี้คือทำทุกวันให้มีความสุขที่สุด เพราะเธอไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว
มือเล็กหยิบซองยาที่หมอให้มาขึ้นมาดูชื่อและนามสกุลของตัวเอง
อ้อ เธอชื่อไพลิน น.หนูสะกดไม่ใช่ ล. ลิง
“เฮ้อ! จะเกิดกี่ชาติก็จะไม่ให้ใช้ชื่ออื่นเลยหรือไง” ไพลินพึมพำกับตัวเอง ไม่นานร่างผอมบางก็เผลอหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย