ภายในห้องพักพิเศษสำหรับผู้ป่วย เปลือกตาสีอ่อนค่อย ๆ กะพริบถี่ เพื่อปรับรูม่านตาให้รับกับแสงไฟในห้องได้
โอย! ทำไมถึงได้รู้สึกปวดระบมไปทั้งตัวแบบนี้ อากาศก็หนาวเย็นมากกว่าเมื่อวานเสียอีก ลลิลคิดในใจ ทำไมที่อีสานถึงได้หนาวนัก
ดวงตากลมกลอกมองไปทั่วห้องเล็ก ๆ แล้วเกิดคำถามขึ้นในใจ
ที่นี่ที่ไหน?
มีเครื่องปรับอากาศแต่ไม่ได้เปิดใช้งาน มีเพียงพัดลมที่ส่ายหน้าไปมา คงเพราะอากาศเย็นกระมัง
ดวงตาดำขลับเหลือบมองขวดน้ำเกลือที่แขวนอยู่บนเสาน้ำเกลือ
อือ! มันคือโรงพยาบาล ถูกต้องแล้วเธอตกบ่อน้ำในสวนหลังบ้านยาย เธอก็ต้องอยู่ที่โรงพยาบาล แต่โรงพยาบาลที่ไหนกันทำไมห้องถึงได้ดูโทรมนัก ทว่าอำเภอที่เธออยู่ก็เจริญมากแล้วไม่น่าจะมีห้องพักผู้ป่วยที่เก่าและโทรมแบบนี้ แล้วญาติพี่น้องของเธอหายไปไหนหมด
ลลิลไล่สายตาตามสายน้ำเกลือที่ห้อยระยางลงมายังแขนเรียวเล็กของตน ดวงตากลมเบิกโพลงด้วยความตกใจสุดขีดเมื่อมองเห็นแขนของตัวเองชัด ๆ ทำไมเธอถึงได้ผอมแห้งถึงเพียงนี้ ผิวขาวซีดไม่ได้ขาวนวลผ่องเหมือนผิวเดิมของเธอเลยแม้แต่น้อย
แกรก! เสียงคนเปิดประตูเข้ามาก่อนที่เธอจะคิดอะไรต่อ
ลลิลยิ้มแล้วหันมามองคนที่เดินเข้ามาในห้อง ในวินาทีแรกเธอคิดว่าเป็นพ่อกับแม่ของเธอ แต่แล้วหัวใจก็ต้องสลดวูบลงเมื่อเห็นชายหญิงแปลกหน้าเดินเข้ามาใกล้
“ลิน! ลินฟื้นแล้วเหรอลูก” พาขวัญและสามีรีบปรี่เข้ามาหาลูกสาวด้วยความดีใจหัวใจทั้งสองเต้นรัวเร็วเพราะไม่คิดว่าลูกจะฟื้นขึ้นมาอีก ทั้งสองยืนขนาบข้างเตียงผู้ป่วยทั้งสองฝั่ง จับมือลูกสาวขึ้นมากุมไว้
คิ้วเรียวของคนที่ถูกอ้างว่าเป็นลูกขมวดมุ่นเข้าหากัน ภาษาที่พวกเขาใช้สื่อสารกับเธอเป็นภาษาอีสานที่เธอคุ้นเคย
ลูกอย่างนั้นหรือ? ลลิลได้แต่ครุ่นคิดในใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นสองผัวเมียนี้ถึงได้รู้จักชื่อเธอ ลลิลมองหน้าชายหญิงข้างกายสลับกันไปมา หรือว่าเธอกำลังฝันไป ทำไมหน้าตาพ่อกับแม่ถึงไม่เหมือนเดิม
“ลินลูกแม่ แม่คิดว่าจะไม่เห็นลินฟื้นขึ้นมาอีกแล้ว” พาขวัญพูดพลางน้ำตาแห่งความยินดีไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ในวันที่ลูกสาวตกต้นไม้จนสลบไปนั้นหมอบอกว่าลูกของเธออาจกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราไปตลอดชีวิต แต่นี่เธอฟื้นขึ้นมาได้ราวกับมีปาฏิหาริย์
ลลิลรู้สึกลำคอแห้งผากพยายามกลืนน้ำลายที่แทบจะไม่มีลงไปอย่างยากลำบาก “น้ำ” ลลิลบอกผู้เป็นแม่เสียงแหบแห้ง พาขวัญจึงกุลีกุจอหยิบน้ำในเหยือกพลาสติกมารินใส่แก้วให้ลูก
“นี่จ้ะ” ผู้เป็นพ่อช่วยลูกสาวพยุงตัวลุกขึ้นนั่ง ยิ่งเห็นลูกอยู่ในสภาพนี้ก็ยิ่งสงสาร ปกติไพลินก็เป็นคนป่วยออด ๆ แอด ๆ อยู่แล้วพอตกต้นไม้สลบไปไม่ได้กินอะไรเลยก็ยิ่งผอมมากกว่าเดิม
เช่นนั้นแล้วเรื่องที่พ่อกับแม่จะให้เธอเรียนต่อปริญญาตรีเหมือนกับพี่สาวจึงต้องหยุดไว้กลางครัน
ลลิลพยายามรื้อฟื้นความทรงจำอีกครั้ง เธอกลับมาที่อีสานบ้านเกิด รับประทานอาหารเย็นกับครอบครัว ตื่นเช้ามาก็ไปบ้านยายแล้วก็ตกบ่อน้ำที่สวนหลังบ้านยาย
เธอยังไม่ตายใช่หรือไม่? ลลิลคิดถึงตอนนั้นก็เอ่ยปากถาม
“ฉันอยู่ที่ไหนเหรอคะ” ลลิลเปล่งภาษาอีสานออกมาเช่นกัน ทำไมความฝันนี้ถึงได้เหมือนจริงนัก ภาพสีชัดเจนเกินกว่าจะเป็นความฝัน
“ฉัน?” พาขวัญทวนคำก่อนจะหันหน้าไปสบตากับสามี ไพลินไม่เคยแทนตัวเองว่าฉัน ถ้าไม่แทนว่าหนูก็นแทนชื่อเล่นตัวเองแค่นั้น
“ลินพูดว่าอะไรนะลูก” นพพลถามย้ำอีกครั้งเผื่อว่าเขาอาจจะหูฝาด
“ตอนนี้ฉันอยู่ที่ไหนคะ บ้าน ตำบล อำเภอ หรือจังหวัดอะไร แล้วพวกคุณเป็นใครคะ” เธอต้องการความกระจ่างทั้งหมด เพื่อยืนยันว่าเธอไม่ได้ฝันไป
พาขวัญถึงกับหน้าถอดสีเมื่อคิดว่าลูกตัวเองคงความจำเสื่อม น้ำตาที่เหือดแห้งไปแล้วกลับไหลพรากออกมาอาบสองแก้ม
“พ่อคะลูกเรา…” พาขวัญพูดเสียงสั่น นพพลก็อยู่ในอาการช็อกเช่นกันแต่เขาไม่ได้ร้องไห้ออกมา
“ลินชื่อไพลินเป็นลูกแม่พากับพ่อนพมีพี่สาวชื่อตายังไงล่ะ ลินจำไม่ได้เหรอลูก บ้านที่เราอยู่นี่ก็คือบ้าน…” นพพลอธิบายลูกด้วยความใจเย็นแม้ในใจจะรู้สึกวูบโหวงแค่ไหนก็ตาม เหมือนมีก้อนอะไรขึ้นมาอุดหลอดลมไว้จนหายใจติดขัด ไพลินจำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง
ลลิลพยักหน้าน้อย ๆ
“ฉันอยากเข้าห้องน้ำค่ะ” ในใจยังสับสนไม่มั่นใจว่านี่คือความจริงหรือความฝันกันแน่
“ลินแทนตัวเองว่าหนูหรือไม่ก็แทนว่าลินเหมือนเดิมได้ไหมลูก” พาขวัญรู้สึกใจคอไม่ดีที่ได้ยินลูกแทนตัวเองแบบนั้น
“อ้อ ค่ะ ปีนี้ลินอายุเท่าไรแล้วคะ”
“ยี่สิบสองปีจ้ะ”
“ยี่สิบสองปี?” ลลิลทวนคำผู้เป็นแม่เสียงสูง พาขวัญก็พยักหน้าให้ลูกเป็นคำตอบ
ตายแล้ว! เธออายุสามสิบแล้วนะ จู่ ๆ จะกลายเป็นเด็กอายุยี่สิบสองได้อย่างไรกัน หรือว่าวิญญาณเธอเข้ามาอาศัยอยู่ในร่างนี้
ไม่นะ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ๆ มันคงเป็นเรื่องเหลือเชื่อมาก “ปีนี้พอศออะไรเหรอคะ” ลลิลถามแม่ขึ้นอีกครั้ง
“พอศอสองพันห้าร้อยสามสิบหกจ้ะ”
อือ ปีเดียวกันกับที่เธอเกิดเลย แต่เธอกลับมาอยู่ในสถานที่แตกต่างไปจากบ้านเดิมของเธอ
มือเล็กผลักประตูห้องน้ำเปิดออกแล้วเอ่ยขึ้น “ลิลเข้าคนเดียวก็ได้ค่ะ” ลลิลมองหน้าผู้เป็นแม่อย่างชั่งใจ
“ลินเข้าคนเดียวได้จริง ๆ เหรอลูก” พาขวัญมีสีหน้าเป็นห่วงเป็นใย กลัวลูกจะเป็นลมเป็นแล้งในห้องน้ำไปอีก
“จริงค่ะ” ถึงจะยังรู้สึกปวดตามกล้ามเนื้ออยู่บ้างแต่เธอก็ยังสามารถทรงตัวอยู่ได้ เพราะเดิมทีลลิลเป็นคนที่ชอบออกกำลังกายอยู่แล้ว
ลลิลปิดประตูลงแล้วก็ส่องกระจกดูรูปร่างหน้าตาของตัวเองทันที ดวงตากลมเบิกกว้างขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นใบหน้าของเจ้าของร่างเดิมชัด ๆ แก้มสองข้างซูบตอบ ดวงตาลึกโบ๋ สภาพเหมือนตายแล้วเกิดใหม่จริง ๆ
เพื่อความมั่นใจฝ่ามือเล็กจึงตบเข้าที่แก้มตัวเองแรง ๆ
เพียะ!
“โอ้ย! เจ็บจริงนี่หว่า” ลลิลสูดปากร้องคราง
“ลินเป็นอะไรไปลูก” พาขวัญที่ยืนอยู่หน้าห้องน้ำตะโกนถามเสียงร้อนรนเกรงว่าลูกจะล้มหัวฟาดฟื้น
“ปะ เปล่าค่ะ ลิลใกล้เสร็จแล้วค่ะแม่” ลลิลพูดออกไปเพราะเผลอร้องเสียงดัง แม่เธอจึงเงียบเสียง จากนั้นก็ยืนพิศมองดวงหน้าตัวเองอีกครั้ง
อา! เธออยู่ในร่างใหม่จริง ๆ ด้วย ร่างนี้ผอมจนแทบจะเหลือแค่หนังหุ้มกระดูก ว่าไปแล้วก็ตัวใหญ่กว่าไม้เสียบลูกชิ้นนิดหนึ่ง ถ้าเธออ้วนขึ้นอีกสักหน่อยหน้าตาก็คงไม่ขี้เหร่เหมือนตอนนี้ อย่างน้อยร่างใหม่นี้ก็มีคิ้วเรียวสวย ริมฝีปากหยักได้รูป และจมูกรั้นนิด ๆ
“เฮ้อ!” ลลิลถอนหายใจยาว ป่านนี้ทุกคนที่บ้านคงกำลังหาร่างเธอให้ควั่ก ยังไม่ทันได้เจอหน้ายายก็ต้องมาจากไปเสียแล้ว ทำไมชะตาเธอถึงได้อายุสั้นนัก เธอยังไม่ได้ทำใจเลยด้วยซ้ำ นี่แหละหนาพระท่านถึงได้บอกเสมอว่าความตายอยู่กับเราทุกฝีก้าว
หมดกันกับความหวังจะได้สามีหล่อรวยเหมือนหนุ่มเกาหลีผสมกับเมืองจีน แค่เห็นรูปร่างตัวเองตอนนี้ก็คงไม่มีผู้ชายคนไหนมาชายตามอง ขนาดตอนอยู่ยุคปัจจุบันเธอสวยและน่ารักจะตายยังไม่มีผู้ชายคนไหนมาเหลียวแล เคยถามเพื่อน ๆ พวกเขาบอกว่าเธอสวยและเก่งกว่าผู้ชายเกินไป ผู้ชายจึงไม่กล้าจีบ เหตุผลแบบนี้ก็มีด้วย