เสียงสั่นๆ บอก พยายามแนบลำตัวชิดกับประตูรถยนต์ด้านข้างมากขึ้น
เคลวินตวัดปลายขาขึ้นไขว่ห้าง เขาควานหาเครื่องดื่มจากตู้เย็นเล็กๆ และรินใส่แก้วโดยไม่คิดจะตอบให้อีกฝ่ายหายข้องใจ ทิชากรมองดูน้ำสีอำพันที่หายไปในลำคอเขา เธอกลัว!! กลัวจนฉี่แทบเล็ด เธอไม่เคยเจอสถานการณ์อะไรที่แฝงไปด้วยภัยคุกคามเช่นนี้มาก่อน รังสีอันตรายแผ่กระจายออกมาจากคนตัวหนา ใครๆ ก็พูดให้ฟังว่าอิทธิพลมืดในโรมมีมากมายเกลื่อนเมือง เพราะเป็นเมืองท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยผู้คน และกลุ่มอิทธิพลที่แฝงตัวมาตั้งแต่สมัยโบราณ ตอนนี้เธอกำลังเผชิญหน้ากับเขาแบบไม่ได้ตั้งตัว!!
“ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะนะคะ นึกว่าสงสารลูกนกลูกกา!”
เสียงสั่นเครือวิงวอนเสียงพร่า หน้างดงามซีดลง ดวงตาเอ่อคลอไปด้วยน้ำใสๆ เธอภาวนาให้เขาสงสาร และปล่อยตัวเธอไปก่อนที่จะเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น สองมือของเธอยกขึ้นไหว้ชายหนุ่มปลกๆ
เคลวินเลิกปลายคิ้วขึ้นสูง เขาปลดกระดุมเสื้อสูทและถอดสูทตัวนอกออก ก่อนจะวางไว้ข้างๆ ตัว ถลกปลายแขนเสื้อขึ้นจนถึงข้อศอก ก่อนจะยกมือขึ้นกอดอก หรี่ตามองคนตัวเล็กเบื้องหน้าที่พยายามเบียดตัวกับขอบประตูมากขึ้นกว่าเก่า
“เหรอ เธอไม่เต็มใจ อีตอนอุ้มมาไม่เห็นจะขัดขืนนี่ ฉันมีพยานตั้งหลายคน ว่าเธอ...สมยอม!!”
น้ำเสียงยียวนตอบ เขาแสยะยิ้มสำทับอีกด้วย
ทิชากรฉุนกึก เธอเป็นลมหมดสติจะให้ดิ้นขัดขืนเขาได้อย่างไรล่ะ อีตานี่ถ้าจะมีปัญหากับระบบสมองถึงได้คิดอะไรแผลงๆ เธอตวัดตามองเขา ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาลวกๆ อารมณ์คุกรุ่นขึ้นมาติดหมัดจนเห็นช้างตัวเท่ามดและหมดความเกรงกลัวเขาไปโดยปริยาย เพราะต่อให้อ้อนวอนแทบตายคนคนนี้ก็คงไม่มีทางเห็นใจเธอหรอก เมื่อเขากำลังกุมชัยชนะอยู่ในมือ
“ฉันเป็นลม!! มีคนเป็นลมคนไหนที่ดิ้นได้บ้างล่ะคะ”
เธอกระแทกเสียงตอบกลับ กับการแก้ต่างของเขาที่ฟังแล้วช่างเหมือนการเอาสีข้างเข้าถูกับผนังห้อง
“อ้าวใครจะไปรู้!! นึกว่ายอมมาเองนี่ เห็นเงียบๆ มันช่วยไม่ได้นะ เข้าใจผิดไปแล้ว จะทำยังไงดีล่ะ”
ชายหนุ่มไหวไหล่ เขาบิดมุมปากโค้งลงเหมือนจะยิ้มเยาะเธอ ทิชากรกำมือแน่นจนปลายเล็บจิกลงไปในอุ้งมือและรีบถลึงตาใส่เขาด้วยความโกรธจัด
“คุณๆ!!”
เธอชี้หน้าเขา อยากจะถลาเข้าไปตะกุยหน้าหล่อนั่นแต่...เข็ดล่ะ ครั้งก่อนเธอโดนปล้นจูบหน้าตาเฉย เพราะฉะนั้นจะไม่ให้ซ้ำรอยเดิมเป็นอันขาด เพราะขณะนี้สถานการณ์อันตรายมากกว่าเก่า เมื่ออยู่ใต้อาจักรของเขา อยู่ในรถยนต์ส่วนตัวที่กำลังมุ่งหน้าไปไหนก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ!!
รถยนต์จอดสนิทหลังวิ่งเข้าไปจอดที่หน้าวิลล่าหลังใหญ่ ตัวตึกฉาบสีเหลืองอ่อน มองดูอ่อนหวานและสงบเงียบ หลุยส์เปิดประตูด้านข้างให้ เขาเชื้อเชิญให้เธอลงมาจากรถ ทิชากรมุดออกมาเธอยืนข้างนอก เธอมองทิวทัศน์รอบๆ ตัวด้วยความสนใจ แม้จะอยู่ท่ามกลางความสลัวตอนกลางคืน และหากไม่ได้ถูกบังคับมา เธอคงตื่นเต้นยินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะวิวสวยๆ แม่น้ำกว้างๆ ที่อยู่หน้าบ้านกับสายลมเย็นๆ ที่โชยมาปะทะหน้าพาให้สดชื่น แต่...ชายหนุ่มที่ยืนหน้าตาย อยู่ใกล้ๆ นี่ต่างหากที่ทำให้บรรยากาศสวยๆ หมดความหมาย เธอขุ่นใจจนไม่อยากจะซึมซับบรรยากาศเหล่านั้น เพราะกำลังอารมณ์ไม่ดีที่ถูกพาตัวมาแบบไม่เต็มใจ
“เธอน่าจะเคยได้ยินชื่อเสียงของแม่น้ำไทเบอร์มาบ้างนะ หากเธอมาเหยียบโรมหลายวันแล้วน่ะ ดูท่าทางเธอไม่น่าจะใช่คนแถวนี้ ใช่ไหม”
ทิชากรตวัดสายตาใส่ก่อนจะตอบ “ค่ะ เคยได้ยินแต่ไม่คิดว่าจะได้มาเห็น เพราะมันไม่ได้อยู่ในโปรแกรมทัวร์ ฉันเป็นคนไทย ไทยแลนด์ค่ะ เคยได้ยินไหมคะ บ้านเราเป็นเมืองพุทธและปกครองโดยระบอบประชาธิปไตย” เธอเค้นเสียงตอบ แยกเขี้ยวโชว์ฟันซี่เล็กๆ ให้เขาดูด้วย
“อืม...ประเทศเล็กๆ โซนเอเชีย ฉันเคยไป ผู้หญิงสวยและของกินอร่อย”
“มิสเตอร์คงไม่ได้บังคับฉันมาเพื่อจะมาคุยเรื่องอาหารการกินหรอกใช่ไหมคะ เอาล่ะค่ะ คุณต้องการอะไรกันแน่”
ความอดทนของเธอขาดผึ่ง จึงโพล่งคำถามชายหนุ่มออกไป เพราะมัวแต่ลีลาก็ไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น อุณหภูมิรอบตัวลดลงอย่างรวดเร็วจนเธอสั่น ร่างกายสะท้าน ฟันกระทบกันกึกกัก
“ก็ใช่... ฉันไม่ได้อยากจะคุยกับเธอเรื่องประเทศเล็กๆ นั่นหรอกน่า หรืออาหารอะไรทั้งสิ้นฉันก็ไม่ได้อยากรู้สักหน่อย ฉันอยากเห็นเธอบนเตียงนอนของฉันและดิ้นพล่านอยู่ใต้ร่างฉัน นั่นคือวัตถุประสงค์ของฉันไง... เธอจะว่าไงล่ะ”
“ฉันไม่อยากเชื่อเลยนะคะ ว่ามิสเตอร์เคลวินผู้ยิ่งใหญ่ จะสิ้นทางใช้วิธีบีบบังคับผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งให้สมยอม ทั้งที่เขาไม่เต็มใจ”
“เธอจะไม่พูดแบบนั้น ถ้าเธอรู้ว่าจะได้เงินเท่าไหร่สำหรับการแลกเปลี่ยนครั้งนี้”
“ต่อให้เอาเงินมากองท่วมศีรษะฉันตอนนี้ ฉันก็ไม่สนใจหรอกค่ะ ฉันไม่ได้สิ้นคิดถึงขนาดต้องขายร่างกายแลกกับเศษเงินของคุณ!!”
ทิชากรกระแทกเสียงใส่ เธอสะบัดหน้าหนี ไม่อยากมองชายหนุ่มให้อารมณ์ขึ้น และที่แน่ๆ เธอกลัวสายตาของเขา มันลุกวาบโชนแสงขึ้น เพียงแค่ได้ยินเธอปฏิเสธ
“เธอไม่อยากพูดแบบนั้นหรอกใช่ไหม? เพราะอะไรรู้ไหม... ที่นี่คือ ‘โรม’ ไม่ใช่ประเทศเล็กๆ ที่เธอเคยอาศัยอยู่ เพราะฉะนั้นฉันยิ่งใหญ่พอที่จะทำให้เธอสูญหายไปตลอดชีวิตหากเธอคิดลองดี”
“ฉันไม่กลัวคุณหรอกค่ะ! บ้านเมืองมีขื่อมีแป ต่อให้คุณใหญ่โตแค่ไหนคุณก็หนีเงื้อมือกฎหมายไม่พ้น”
เธอสะบัดหน้ากลับมาและก่นว่าเขาเสียงเคร่ง
“โอ!! ฉันอยู่เหนือกฎหมายที่เธอพูดถึงนะสาวน้อย ใครจะกล้ากับฉันล่ะ เพราะฉันคือ เคลวิน โดมนะ”
ชายหนุ่มไหวไหล่ เขาโบกมือไล่ลูกกระจอกที่อารักขาอยู่รอบๆ ตัวให้ถอยออกไปห่างๆ ก่อนจะเดินเข้าหาทิชากรด้วยท่าทางคุกคาม จนหญิงสาวถอยหลังหนี สายลมเย็นๆ จากแม่น้ำไทเบอร์โชยมาปะทะหน้าทำให้เธอหนาวสั่นมากขึ้น ทั้งกลัวเกรงผู้ชายตรงหน้าและอากาศที่อุณหภูมิลดลงแบบฮวบฮาบ
ทิชากรตัดสินใจในเสี้ยววินาที เธอหมุนตัวกลับและออกวิ่งสุดแรงเกิด!!!
ให้ตายเถอะ! เคลวินสบถเสียงฉุนเฉียว ยัยบ้านั่นวิ่งหนีเขา ไม่เห็นเหมือนกับผู้หญิงคนอื่นที่แทบจะกระโจนเข้าใส่ หล่อนวิ่งหน้าตั้งทั้งๆ ที่ไม่มีทางหนี เพราะเบื้องหน้ามีบอดี้การ์ดของเขากระจายกำลังล้อมไว้ และแม่น้ำไทเบอร์กว้างสุดลูกหูลูกตา ไม่นะ!! เจ้าหล่อนคงไม่ได้คิดที่จะวิ่งหนีลงน้ำใช่ไหม เมื่ออากาศเย็นเฉียบด้านบน ในแม่น้ำจะเย็นมากกว่าอีกนับเท่าตัว!! เคลวินออกวิ่งสุดตัวเพราะเขาเดาได้ว่ายัยผู้หญิงบ้านั่นจะต้อง...
ตู้ม!!
เสียงน้ำแตกกระจายเป็นวงกว้าง ร่างบอบบางลอยละลิ่วร่วงลงบนแผ่นน้ำ สองมือของเธอพยายามตะเกียกตะกาย พาตัวออกไปให้ห่างชายฝั่งมากขึ้น และไปให้ไกลจากเงื้อมือของจอมมารอย่างเคลวิน
“ฉิบหาย!!”
เคลวินสบถเสียงก้อง เขาสะบัดรองเท้าหนังสีดำและกระโจนตามทิชากรไปติดๆ
ตู้ม!! ผืนน้ำแตกกระจายมากกว่าครั้งแรก เพราะน้ำหนักตัวชายหนุ่มมากกว่าทิชากรนับเท่าตัว แผ่นน้ำสะเทือนระลอกคลื่นซัดใส่ร่างบอบบางที่กำลังว่ายอยู่กลางแม่น้ำ อุณหภูมิเย็นๆ รอบตัวทำให้เรียวขาเธออ่อนแรงชายิบ ขาของเธอแทบจะไม่กระดุกกระดิก มันแข็งชาและใกล้จะหมดความรู้สึกลงไปทุกที ดวงตากลมโตเบิกกว้าง เธอพยายามพยุงตัวให้ลอยคอเหนือน้ำ เมื่อใกล้จะจมดิ่งลงไปก้นแม่น้ำเต็มที เรียวขาที่เคยเคลื่อนไหวได้ มันหยุดชะงักไม่และเธอก็ค่อยๆ จมดิ่งลงใต้แผ่นน้ำเย็นฉ่ำ ดวงตากลมโตหรี่ปรือ เธอคิดถึงบ้าน!! คิดถึงพ่อแม่ขึ้นมาจับใจ ‘พ่อจ๋าแม่จ๋า!!’ ก่อนที่สติจะดับวูบลง เธอถูกมือแข็งแรงกระชากขึ้นมาจากความตาย พร้อมกับเสียงสบถดังยาวเหยียด
“ให้ตายเถอะยัยบ้า!! ไม่มีใครคนไหนกระโดดลงมาในแม่น้ำไทเบอร์ตอนตีหนึ่ง!! อยากฆ่าตัวตายหรือไงหะ”
ชายหนุ่มสบถงึมงำ เขารั้งเอวของหญิงสาว พยุงพาเข้าชายฝั่งอย่างทุลักทุเล บอดี้การ์ดนับสิบกระโจนตามลงมาช่วยประคองเจ้านาย พวกเขาดันชายหนุ่มขึ้นมาบนฝั่งสำเร็จ
“หันหลัง...ด่วน!”