บทที่4.ยัดเข้ากรงทอง..

1502 คำ
“อี๋!! ตาบ้า นึกว่ารูปร่างดีเพอร์เฟคไง ถึงได้เดินแก้ผ้าอวด ใคร? เขาอยากดูกันเล่า” ทิชากรบ่นอุบแต่เธอก็ไม่สามารถชักสายตากลับมาได้ ดวงตากลมโตแอบมองผ่านง่ามนิ้วและมองตามจนชายหนุ่มหายลับไปหลังฉากกั้นห้อง... เคลวินอารมณ์ดี เขาผิวปากเป็นเพลงจังหวะสนุกๆ เมื่อได้แกล้งยัยนั่นไปบ้างแล้วบางส่วน อยากหันกลับไปมองว่าเธอจะมีสีหน้าแบบไหน แต่อุตส่าห์อดใจไว้ และคาดเดาเอาเองในใจ ชายหนุ่มสวมกางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียวสวมชุดคลุมไว้บนตัวแค่นั้น เวลาล่วงเลยจนดึก ร่างกายประท้วงอยากพักผ่อนบนเตียง หากมีตุ๊กตาดิ้นได้อยู่บนนั้นด้วยก็จะเป็นการดี... “เธอเอาเสื้อใครมาใส่?” ชายหนุ่มหรี่เปลือกตาลง เขามองร่างเล็กๆ ที่ขดตัวซุกอยู่ข้างตู้ด้วยสายตามเอือมระอา “ไม่รู้สิคะ ก็เห็นอยู่ในตู้นี่” เสียงเรียบกริบตอบ หน้าหวานขึ้นสีระเรื่อ แหมๆ ขยันโชว์เสียจริงคนบ้า รู้หรอกน่าว่าหุ่นดี แผงอกเป็นมัดๆ นั่นก็น่าลูบไล้และน่าสัมผัสเสียจริงๆ ทำมาเป็นยั่วเธอไม่หลงกลหรอกน่า โธ่!! ก็แค่ล่ำ กล้ามอกตึงเปรี๊ยะ อกแน่นๆ แขนใหญ่ๆ ตัวสูงๆ ตาสวยๆ อ้ายยๆ ...พอๆ เลยยัยบ้า!! จะไปชื่นชมเขาทำไม เขาจับตัวเธอมานะและเขาหวังอะไรก็ไม่รู้ คนธรรมดาแบบเธอจะเอาอะไรไปสู้กับมาเฟียใหญ่ แถม ‘โรม’ เป็นถิ่นเขาด้วย เธอจะหาทางหนีไปจากวิลล่าแห่งนี้ยังไงยังมองไม่เห็นทางเลย... “เธอคิดว่า...เธอจะหาทางรอดจากฉันยังไงหึ!! ถ้ายังซ่อนตัวเหมือนหนูในท่ออาศัยอยู่ตามซอกตามมุมบ้าน” ชายหนุ่มพูดเหยียดๆ เขามองก้อนกลมๆ ที่ซุกนิ่งอยู่ตรงซอกข้างโซฟาตัวใหญ่ด้วยสายตาว่างเปล่า ผีห่าซาตานอะไรเข้าสิงเขากัน ถึงทำให้เขาพบเจอกับยัยตัวยุ่งที่น่ารำคาญคนนี้กันนะ “มันเรื่องของฉัน... ฉันสบายใจที่จะอยู่ตรงนี้ อย่ามายุ่งกับฉันเลย ปล่อยฉันไปเถอะ!!” “ไม่มีใครเคยสอนเธอเลยเหรอ การขอร้องคนอื่นน่ะ เขาต้องใช้น้ำเสียงแบบไหน คนที่เป็นต่อเขาถึงจะยอมอ่อนให้” เสียงเรียบเย็นพูดช้าๆ ชัดๆ แต่ทิชากรรู้ดีว่ามันเป็นหลุมพรางที่เต็มไปด้วยอันตราย ชิ!! เป็นต่อ ใช่ซีเขายิ่งกว่าเป็นต่อเสียอีก เขากุมชะตาชีวิตเธอด้วยซ้ำไป “ฉันรู้...รู้ว่าต้องร้องขอความเมตตาจากคุณ แต่...” “แต่...แต่อะไร หรือว่าเธอจะเสนออะไรใหม่ๆ เป็นตัวเลือกให้ฉันพิจารณาเพิ่มล่ะ ฉันอาจจะใจดีปล่อยเธอเป็นอิสระก็ได้” เคลวินวางเหยื่อล่อ เขายิ้มสมใจ เมื่อหนูตกท่อรีบมุดออกมาจากซอกตู้ ส่งสายตาอ้อนวอนเขากลายๆ เหมือนจะให้เขาสงสารหล่อน “ฉันไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง...คุณคงไม่อยากมาเสียเวลากับผู้หญิงหน้าตาบ้านๆ ที่อกแฟบ ดั้งแหมบ ตัวเล็กเหมือนม้าแคระหรอกใช่มั้ยคะ ปล่อยฉันไปเถอะค่ะ ฉันอยากกลับบ้าน ที่คณะทัวร์คงกำลังวุ่นวาย ฉันต้องเดินทางกลับประเทศของฉันแล้ว อย่ารั้งฉันไว้อีกเลยค่ะ” หน้าสลดกับน้ำเสียงแผ่วเครือมันทำให้เคลวินใจวูบไปพักหนึ่ง ไม่มีเคยมีใครร้องขอที่จะเป็นอิสระจากเขา เพราะอะไรเธอถึงพยายามถอยห่าง ในขณะที่คนอื่นๆ อยากกระโจนเข้าใส่ เพราะอะไร! แล้วไอ้เหตุผลที่เอามาอ้างฟังแล้วมันชวนให้ขำมากกว่า ‘ม้าแคระ’ อืม...มันก็อาจจะใช่นะ ตัวเล็กๆ เหมือนสุนัข ‘อกแฟบ’ ‘ดั้งแหมบ’ ไอ้ดั้งแหมบนี่คือจมูกใช่ไหม? อกแฟบนี่ขอเถียงเพราะเขาเห็นมาด้วยตาตัวเองแล้ว เธอซ่อนสิ่งที่ยวนตาไว้ใต้เสื้อผ้าหลวมโพรก มันไม่ได้แฟบแต่มัน อวบอูม!! จนเขาไม่สามารถปล่อยเธอให้หลุดมือไปได้ เพราะอยากจะลองชิมรสดูสักครั้ง อยากรู้ว่าไอ้แฟบๆ ที่เธออ้างจะให้รสชาติละมุนละไมขนาดไหน “โกหก! มันไม่แฟบแล้วก็ไม่ได้แมบด้วย แต่ไอ้แคระๆ แกร็นๆ นี่เห็นด้วยนะ” ชายหนุ่มพูดเสียงนิ่ง พยักพเยิดหน้าสำทับด้วยเมื่อพูดถึงความแคระแกร็นของร่างกายคนตัวเล็ก “ชิ! ฉันรู้ตัวดีว่าฉันเป็นแบบไหน แต่ฉันไม่ได้โกหก” เธอลุกขึ้นยืนด้วยความลืมตัว ตวัดค้อนชายหนุ่มประหลำประเหลือก “เหรอ...พิสูจน์ไหมล่ะ ไอ้ที่เธอบอกว่าแฟบๆ นี่ฉันจะเป็นคนตัดสินใจเอง” ชายหนุ่มตวัดเรียวขาแกร่งขึ้นไขว่ห้าง ดวงตาสีคาราเมลฉ่ำมองตรงมายังคนตัวเล็กที่อยู่ในเสื้อและกางเกงของเขา ความยาวของตัวเสื้อคลุมถึงสะโพกและชายกางเกงถูกม้วนขึ้นมาจนเป็นก้อนกลมๆ มองดูเหมือนเด็กน้อยขโมยเสื้อผ้าของคุณพ่อมาใส่ยังไงยังงั้น “พิสูจน์! บ้าสิ ใครจะไปยอม” ทิชากรยกมือขึ้นกอดอก เธอถอยหลังกรูดๆ เตรียมจะกลับเข้าไปซุกอยู่ตรงตำแหน่งเดิม “เดี๋ยว! เธอไม่ให้พิสูจน์แล้วฉันจะรู้ได้ยังไงกันล่ะ” “คุณเห็นแล้วเมื่อสักครู่ ในเมื่อคุณเป็นคนถอดเสื้อผ้าฉันออกทั้งหมด เพราะฉะนั้นน่าจะพิสูจน์คำพูดฉันได้...ว่าฉันพูดความจริง” เธอหมุนตัวกลับมาเถียงหน้าดำหน้าแดง เคลวินยกนิ้วชี้ขึ้นสะบัดโบกไปมา เขาแสยะยิ้มก่อนจะ... “ไม่ๆ แค่ถอดบางชิ้น ไม่ได้ถอดทั้งหมด ฉันไม่เห็นอะไรเลยเพราะฉันเป็นสุภาพบุรุษพอ เพราะฉะนั้นต้องพิสูจน์ ฉันถึงจะเชื่อว่าเธอไม่มีอะไรน่ามองอย่างที่บอกไว้จริง!” สายตาคู่คมกวาดมองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เขาไหวไหล่ตามความเคยชิน “เชอะ! ฉันควรจะเชื่อใช่ไหมคะมิสเตอร์ ว่าคุณเป็นสุภาพบุรุษน่ะ” ทิชากรกระแทกเสียงเยาะๆ เธออยากจะ จะ...ได้แค่คิด!! เพราะหากเข้าไปใกล้ๆ เขามันจะเป็นอันตรายกับตัวเองยิ่งกว่า เพราะฉะนั้นต้องรักษาระยะห่างของตัวเองเอาไว้ และคุมสถานการณ์ตรงหน้าให้เป็นไปอย่างที่ต้องการ ก่อนที่จะเพลี่ยงพล้ำให้กับจอมวายร้ายที่อยู่ในรูปแบบผู้ชายหล่อเหลาคนนี้ “ฉันเป็นสุภาพบุรุษตั้งแต่หัวจรด... เธอเข้ามาดูเองสิ รับรองไม่มีผิดหวัง” ชายหนุ่มพูดตอบเสียงยานคาง เขาหรี่เปลือกตาลง คิดหาวิธีตะล่อมยัยดื้อด้านเข้ามาใกล้ เดี๋ยวเถอะนะ เดี๋ยวเถอะ!! พ่อจะกำราบให้ครางลั่น และเรียกร้องให้เขาทำซ้ำไปซ้ำมา จนกว่าจะหมดแรงเลยคอยดู ฝ่ายหนึ่งคิดจะครอบครอง อีกฝ่ายคิดแต่จะถอยหนี และดูเหมือนว่าฝ่ายที่ต้องการจะครอบครองจะมีอิทธิพลมากกว่า เพราะเขาเป็นคนกุมอำนาจ “แปลกนะคะ? คนอย่างคุณไม่น่าจะอดอยากปากแห้ง จนต้องมาบีบให้ฉันสมยอมกับเรื่องที่ฉันไม่ต้องการเลยสักนิดนี่คะ คุณก็...ออกจะดูดี ร่ำรวย และเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ แต่ทำไม๊ ทำไม! ถึงอยากมาวอแวกับคนขี้เหร่อย่างฉันละคะ” ปากจิ้มลิ้มขยับต่อว่า เธอวิเคราะห์ความเป็นไปของเขาและแอบเหน็บชายหนุ่มเล็กๆ “บางครั้ง...ฉันก็อยากลองเปลี่ยนบรรยากาศดูบ้าง เจอของสวยของงามมามากมายจนมันรู้สึกเอียนๆ อยากลองรสลูกเป็ดขี้เหร่ดูบ้างจะเป็นไรไป” “คุณมันคนบ้า! ฉันไม่เคยเจอใครงี่เง่าและพูดยากเท่าคุณมาก่อน...ให้ตายเถอะ!! ฉันบอกว่าไม่ๆ และไม่ ฉันไม่มีทางยอมคุณหรอก ต่อให้ต้องตายก็เถอะ” เธอพูดเสียงฉุนเฉียวเมื่อไม่สามารถกลั้นความโกรธเอาไว้ได้อีก ก็แค่มาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ แล้วเธอต้องกลัวด้วยหรือ เขาไม่ใช่พ่อใช่แม่เสียหน่อย ตายเป็นตายสิ!! “เหมือนกันเลย...ฉันเสียเวลากับเธอมากเกินไปแล้วล่ะ ในเวลาเช่นนี้...เธอน่าจะนอนอยู่บนเตียงนั่น และครางเรียกแต่ชื่อฉันเท่านั้นไม่ใช่เหรอ แต่...เพราะเธอเรื่องมาก...พูดก็ยาก ฉันถึงยังไม่ได้ทำอะไรที่ตั้งใจไว้เลยสักที” เคลวินผุดลุกขึ้นยืน เขาเดินเร็วๆ เข้าใส่ทิชากรที่ถอยหลังหนี เธอหนีหัวซุกหัวซุน จนชายหนุ่มสบถเสียงเครียด ยัยบ้านี่จะกลัวอะไรเขากันนักกันหนา เมื่อสักครู่ยังเถียงเขาฉอดๆ พอเขาเอาจริงเขาหน่อยกลับวิ่งหนีหางจุกตูด “อย่ามาทำบ้าๆ แบบนี้นะ บ้านเมืองมีกฎหมายคุณจะมาทำทุเรศๆ กับฉันแบบนี้ไม่ได้ ฉันจะแจ้งความเอาผิดคุณให้ได้เลย...คอยดู” เธอถอยหลังหนีและขู่ชายหนุ่มไปด้วย เพื่อเขาจะนึกกลัวบ้าง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม