ตัวบ่อนทำลายชีวิตอุ๋ง

1468 คำ
เธอว์ไล่ดูเฟซบุ๊กแปลกที่เข้ามาก่อกวนทีละแอคเคาน์ โดยละเฟซบุ๊กกลุ่มแรกไว้เพราะเป็นขาประจำ พวกนี้แซวเสร็จก็แข่งกันเหมา หวังให้แม่ค้าสาวใจอ่อนรับนัดกินข้าว ดูหนัง เพจนี้เป็นเพจของเธอว์ ตอนแรกเปิดมาเพื่อขายเสื้อผ้าใช้แล้วเล่นๆ พอได้เงินก็นึกสนุก วันหยุดเวลาพ่อกับแม่ไปบ้านญาติที่กรุงเทพฯ เธอว์จะขอไปด้วย และให้แม่พาไปซื้อเสื้อผ้าราคาส่งที่ประตูน้ำ แม่แนะนำให้จ้างอุ๋งช่วยขายเพื่อให้เพื่อนมีค่าขนม ดีกว่านั่งร้อยพวงกุญแจหอยที่ขายไม่ค่อยได้ราคา อุ๋งเป็นเด็กขี้อาย ประหยัดคำพูด การมายืนไลฟ์สดหน้าแท็บเล็ตไม่ใช่สิ่งที่เธอชอบและไม่เหมาะกับเธอเลย แต่วัยแรกรุ่นก็อยากมีเงินสำหรับซื้อของเล็กๆ น้อยๆ ให้ตัวเองบ้าง ซื้อของเล่นให้น้องบ้าง และเก็บบ้าง อุ๋งจึงรับค่าจ้างจากเพื่อน ความไม่เหมาะสมของแม่ค้าหน้าใสเอาแต่ยิ้มขัดเขิน กล้าๆ กลัวๆ ที่จะพูดทำให้เธอว์รำคาญอยู่เหมือนกัน แต่มันกลับเรียกยอดผู้ติดตามเพจได้มากมายโดยไม่ต้องใช้ความพยายาม และตามหลักแล้วของดีต้องเอาไว้ทีหลัง เธอว์ซึ่งเป็นตัวหลักจึงให้อุ๋งออกมายืนไลฟ์ขายก่อน ของอุ๋งขายหมดก็จริง แต่โดนแซวแบบลากยาว กินเวลานาน พอถึงคิวเธอว์บ้าง คนดูก็พากันออกจากไลฟ์ เธอว์จึงเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่ เธอว์ขายก่อน หมดเมื่อไรอุ๋งถึงจะได้ออกมายืนขาย เพียงเท่านั้นชุดที่เธอว์ขายก็หมดอย่างรวดเร็ว แม้จะเหมือนถูกจุดไฟไล่ที่ แต่เธอว์ก็พอใจกับยอดขาย ของอุ๋งขายหมด แต่ต้องเสียเวลาไปกับการโดนพวกหื่นอยากกินเด็กลุคใสๆ อ่อนต่อโลกแทะโลม อุ๋งได้ค่าจ้างแค่วันละห้าสิบบาท เพราะเป็นการขายแบบเด็กๆ หักต้นทุนหักค่าขนส่งแล้ว เหลือกำไรไม่เยอะ อีกอย่าง วันละห้าสิบบาทก็เป็นราคาที่อุ๋งพอใจ แต่ทำทุกวันเข้าเดือนหนึ่งเธอก็มีเงินเก็บหนึ่งพันห้าร้อยบาท จากที่คิดว่าจะเอาไปซื้อของสวยๆ งามๆ ตามประสาวัยรุ่น เงินกลับไม่กระเด็นออกจากกระเป๋าเลยสักบาท และเมื่อวานอุ๋งเอาเงินหนึ่งพันบาทฝากเธอว์ซื้อเสื้อผ้าที่กรุงเทพฯ เธอตื่นเต้นกับรายได้ที่จะเป็นกอบเป็นกำก้อนแรก คิดไว้ว่าหากขายเดรสต้นทุนแปดสิบบาททั้งสิบชุดหมด หักลบจากค่าส่งแล้วเธอจะได้กำไรเกือบหนึ่งพันบาท เด็กสาววาดฝันไปถึงการส่งตัวเองเรียน ส่งน้องเรียน แต่วันแรกที่เริ่มต้นกิจการของตนเอง กลับมีไอ้พวกแก๊ง ‘เมียดุ’ และเฟซบุ๊กชื่อลามก ‘เชื่อพี่ หนูกินมันได้’ เข้ามาป่วนผู้สนับสนุนหลักที่เหมาสินค้าเธอทุกวันจนต้องยุติการขาย อุ๋งน้ำตาซึม ล้วงโทรศัพท์มือถือขึ้นมา มันเป็นอุปกรณ์ชิ้นเดียวที่รวบรวมความหมายของชีวิตไว้ เป็นตัวแทนของความทรงจำที่ดี เธอเช็กแอคเคาน์ของแก๊งเมียดุกับเฟซบุ๊กลามก “แด๊ดดี้ เมียดุ มีภาพแก้วกาแฟ รองเท้าผู้หญิง ไม่ค่อยอัปเดต สงสัยเมียจะดุจริงๆ เลยเก็บกด” อุ๋งบอกเพื่อน “พ่อลูกสาม เมียดุ มีแต่ภาพดอกกล้วยไม้สีม่วง เราว่าไอ้บ้านี่ก็ว่าเมียดุนะ” เธอว์แสดงความคิดเห็น “ส่วน ว่าที่ปะป๊า เมียดุ ลงแต่ตำราเรียน แล้วก็แว่น เหมือนพวกคงแก่เรียน” “แต่เขาเป็นว่าที่คุณพ่อด้วยนะ สงสัยเมียกำลังท้อง” “เมียดุ แล้วก็อารมณ์เปลี่ยวมั้ง” เธอว์สรุปเป็นตุเป็นตะ “เชื่อพี่ หนูกินมันได้ ไอ้นี่แหละตัวเปิดเลย ทำเราพัง ตัวบ่อนทำลายชีวิต ภาพโปรไฟล์เป็นรูปริมฝีปาก ข้างแก้มมีลักยิ้ม” อุ๋งเงียบไป รูปปากและลักยิ้มแบบนี้เธอไม่เคยลืม แต่ต่างกันที่ปากที่ประทับอยู่ในความทรงจำมีแต่รอยยิ้ม แต่ปากนี้... “ทำไมแลบลิ้นได้น่าเกลียดแบบนี้ อี๋ ลามก จะอ้วก” อุ๋งทำท่าขยะแขยง “โถๆ แม่สาวน้อย ชื่อเฟซกับการแลบลิ้นแบบนั้นมันก็สัมพันธ์กันนะจ๊ะ แต่ถ้ามองแบบอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ คนพวกนี้ก็มาช่วยขับไล่พวกลามกแหละเนอะ เพียงแค่พวกเขาไม่รู้ว่าพวกนั้นมันขาเปย์” “อือ” อุ๋งรับคำเพื่อน พลางเก็บชุดที่หยิบมากองๆ ไว้พับใส่ถุงกระดาษ “คงไม่ได้ขายแล้วละ พรุ่งนี้เธอว์ต้องเริ่มซ้อมดรัมเมเยอร์แล้วนี่” อุ๋งเอ่ยเสียงเศร้า เธอเองก็ได้รับคัดเลือกให้เป็นดรัมเมเยอร์ แต่คนที่ได้รับการคัดเลือกจะต้องจ่ายค่าชุดเอง อุ๋งจึงปฏิเสธอาจารย์ฝ่ายกิจกรรมไปอย่างน่าเสียดาย แม้ว่าเธอว์จะอาสาจ่ายให้ก่อน แต่อุ๋งก็ไม่เอาท่าเดียว เพราะไม่อยากเสียเงินไปกับเรื่องพวกนี้โดยใช่เหตุ “อ้ะ” เธอว์ยื่นสมุดการบ้านให้อุ๋ง “อย่างน้อยอุ๋งก็ยังมีค่าจ้างทำการบ้านให้เรา” อุ๋งรับสมุดการบ้านของเธอว์มาใส่ถุงกระดาษ ฐานะที่ยากจนทำให้เธอไม่สามารถเลือกอะไรได้มาก แม้บางอย่างจะบ่มเพาะนิสัยที่ไม่ดีให้กับเพื่อนที่เธอรักมากก็ตาม “ไม่ๆ อุ๋งเอาแต่สมุดการบ้านเรากลับไป ส่วนถุงเสื้อผ้านั่นเอาไว้ที่นี่แหละ เราซื้อต่ออุ๋งเอง” เธอว์ดึงถุงกระดาษมาจากมืออุ๋ง และล้วงสมุดการบ้านให้อุ๋ง “เธอว์ใจดีกับเราเกินไปแล้ว เอาเสื้อผ้าพวกนั้นมาเถอะ เราเอาไปเดินขายที่ชายหาดพร้อมกับพวงกุญแจหอยได้ ขายไม่ออกก็เอาไว้ใส่เอง” “ไม่ๆ เอาแบบนี้แหละ อ้ะ พันห้า เราให้กำไรนิดหน่อยนะ” เธอว์ยื่นเงินให้อุ๋ง “เอาแค่แปดร้อย แค่นี้เราก็ไม่รู้จะตอบแทนยังไงแล้ว เธอว์ทั้งลำบากซื้อมาให้ แล้วก็ยังเอาไปเป็นภาระอีก” อุ๋งพยายามเอาธนบัตรสีม่วงกับสีแดงใส่มือเพื่อน แต่เธอว์ไม่รับ ซ้ำทำตาขวางจนอุ๋งต้องยอมแพ้ “ขอบใจนะเธอว์ ครอบครัวเธอเอื้อเฟื้อเรามาตลอดเลย” “ไม่ดราม่าสิ อุ๋งเป็นเพื่อนที่เรารักที่สุด ไม่ใช่แค่เรานะ...” เธอว์พยักพเยิดไปยังประตูซึ่งมีเด็กหนุ่มที่แก่กว่าตัวเองหนึ่งปียืนยิ้มอยู่ เขาเพิ่งซ้อมบาสเกตบอลเสร็จก็รีบกลับมาให้ทันเพื่อจะพาอุ๋งไปส่งบ้าน แม้จะโดนอุ๋งปฏิเสธทุกครั้ง แต่เขาก็ไม่เคยเลิกพยายาม “เธอว์ เราบอกแล้วไงว่าไม่ต้องเชียร์” อุ๋งบอกกับเพื่อนเบาๆ สีหน้าไม่สู้ดี เธอว์เพียงแค่ยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้เพราะพี่ชายตัวเองชอบอุ๋งมาก “เสร็จแล้วใช่ไหม ปะอุ๋ง พี่ขี่มอเตอร์ไซค์ไปส่ง วันนี้ห้ามปฏิเสธนะ เพราะฝนตั้งเค้ามาแล้ว” เปรมเดินเข้ามาหาสองสาว แต่ตาของเขามองอุ๋งคนเดียว และเสียงฟ้าคำรามก็ยืนยันได้ดีว่าเปรมไม่ได้โกหก แต่อุ๋งก็ยังยืนกราน “อุ๋งกลับเอง พี่เปรมไม่ต้องหรอก” อุ๋งบอกกับคนที่อยู่ในชุดบาสเกตบอลโชว์มัดกล้ามซึ่งเข้ามาประชิดตัวเองมากขึ้น “ไปกับพี่เราเถอะอุ๋ง ถ้าเดินกลับเองแบบทุกวัน กว่าจะถึงบ้านก็เปียกเป็นลูกหมาน่ะสิ เดี๋ยวสมุดการบ้านเราเปียกนะ” “เราขอแค่ถุงพลาสติกใบใหญ่ๆ แล้วกัน จะได้เอามาใส่สมุดการบ้านของเธอว์” อุ๋งเดินไปหยิบถุงพลาสติกอย่างคนที่คุ้นเคยกับบ้านเพื่อนดี “อุ๋งเอ๊ย ฝนลงเม็ดแล้ว อยู่กินข้าวกับแม่ก่อนสิลูก” เนตรอัปสรา มารดาของเธอว์เดินเข้ามาอีกคน จากที่ฟ้าคำราม ตอนนี้ฝนลงเม็ดแล้ว ฟังจากเสียงเม็ดฝนที่กระทบหลังคาบ่งบอกได้ว่ามีแต่จะหนาเม็ดขึ้น “แต่...” “ไปๆ ไม่มีแต่ ปฏิเสธความหวังดีของผู้ใหญ่มันไม่ดีนะอีหนู” เนตรอัปสราจูงมือสาวน้อยออกจากห้อง ในขณะที่เปรมเดินซ้อนหลังอุ๋งตามไปด้วยความดีใจ วันนี้เขาคงเจริญอาหารน่าดูเพราะมีอาหารตาที่น่าอร่อยกว่ากับข้าวฝีมือแม่มาร่วมวง *********
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม