ตอนที่ 6

1676 คำ
“ท่านลุงอำมาตย์คะ...” หล่อนคลานไปเกาะเท้า และพยายามที่จะอธิบาย “ฉันไม่ได้โกหกนะคะ ฉันพูดเรื่องจริง โอ๊ย...” ร่างเล็กถูกสลัดออกจากขาอย่างไร้ความปรานี ชมพุนุชกระเด็นกลิ้งออกมา และเมื่อหล่อนพยายามจะคลานไปวิงวอนอีก แต่คราวนี้อำมาตย์ฮานีฟรีบก้าวหลบ “ถ้าไม่อยากถูกลงโทษเหมือนกับพ่อแม่ของเจ้า หุบปากซะ อย่าใส่ความลูกสาวของข้าอีก” น้ำเสียงของอำมาตย์ชราแข็งกระด้างน่าสะพรึงกลัว “ตอนนี้ทุกคนในวังซาเรียเข้าใจว่าพี่ชายของเจ้าลักพาตัวลูกสาวของข้าไป ให้ทุกคนเข้าใจแบบนั้นต่อไปน่ะดีแล้ว” “ท่านลุงอำมาตย์...” หล่อนร้องเรียกออกไปทั้งน้ำตา แต่เจ้าของชื่อเดินจากไปพร้อมกับทหารอย่างไม่ไยดี มือเล็กยกขึ้นปิดหน้าร่ำไห้ด้วยความผิดหวังและหวาดกลัว “ท่านพ่อ... ท่านแม่...” ดวงตากลมโตที่ฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำตาเบิกกว้าง หล่อนรวบรวมเรี่ยวแรงลุกขึ้นยืน ก่อนจะวิ่งขึ้นไปบนบ้าน มองหามารดาและบิดาเลี้ยง แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา “ท่านพ่อ... ท่านแม่... พวกท่านอยู่ไหนคะ” หล่อนวิ่งวนรอบบ้านที่เต็มไปด้วยทหารวังราวกับคนบ้า คนงานในบ้านไม่เหลืออยู่แม้แต่คนเดียว ทำให้หล่อนไม่อาจจะหาคำตอบจากผู้ใดได้เลย ร่างอรชรทรุดลงกับพื้นอีกครั้งอย่างสิ้นเรี่ยวแรง สมองพยายามครุ่นคิดหาทางออก และก็นึกขึ้นได้ จึงกัดฟันลุกขึ้นยืน เดินเข้าไปสอบถามกับทหารวัง แต่คนแล้วคนเล่าไม่มีใครปริปากพูดสิ่งใดกับหล่อนเลยแม้แต่คนเดียว ราวกับว่าพวกทหารเหล่านี้ถูกสั่งห้ามพูด “ท่านพ่อ... ท่านแม่... พวกท่านหายไปไหนกันหมดคะ” หล่อนสิ้นหวังจนไม่อาจจะหยุดร้องไห้ได้ ตอนนี้สมองมืดมนอับจนหนทางเหลือเกิน จะทำยังไงดี... หล่อนจะทำยังไงดี ถึงจะสามารถช่วยเหลือแม่และพ่อเลี้ยงได้ ชมพูนุชร้องไห้จนน้ำตาแทบเป็นสายเลือด ก่อนจะตัดสินใจกลับเข้าไปในพระราชวังอีกครั้ง เพื่อขอความช่วยเหลือจากมะลิ หรืออย่างน้อยๆ ก็คำแนะนำก็ยังดี ‘เราได้ยินมาจากเจ้าพี่ว่าท่านหัวหน้าองครักษ์อัฟนานกับภรรยาถูกนำตัวไปคุมขังที่คุกหลวง’ สิ่งที่หล่อนได้ฟังจากปากของมะลิ ทำให้หล่อนตกใจแทบช็อก เพราะหล่อนอยู่ที่ซาเรียมานาน รู้ดีว่าหากนักโทษคนใดถูกนำไปคุมขังที่คุกหลวงแสดงว่าโทษทัณฑ์หนักหนา อาจจะถึงขั้นประหารชีวิต แต่หล่อนจะยอมให้พ่อกับแม่ต้องมาตายโดยไม่มีความผิดไม่ได้ พวกท่านไม่รู้เรื่องด้วยเลยสักนิด ตรงกันข้ามกับหล่อนที่รู้เรื่องมาตลอด แต่ไม่ได้ขัดขวางอะไรจริงจัง จนสุดท้ายต้องมาเกิดเรื่องราวแบบนี้ “พี่ทหารจ๊ะ ฉันขอ... เข้าไปเยี่ยมพ่อกับแม่หน่อยได้ไหมจ๊ะ” หล่อนเดินมาหยุดที่หน้าคุกหลวง และพยายามขอความเมตตาจากทหารวัง แต่พวกเขาส่ายหน้าดิก “ไม่ได้หรอกแม่นาง องค์รัชทายาททรงมีพระกระแสรับสั่งว่าห้ามใครทุกคนเข้าไปเยี่ยมนักโทษ” “แต่ฉัน... เป็นลูกสาวนะคะ ฉัน... ขอแค่นาทีเดียว นะคะ ได้โปรดเห็นใจฉันด้วย” หล่อนวิงวอนทั้งน้ำตา ทหารมองหน้ากันอย่างสงสารเวทนาหล่อน แต่ก็ไม่มีอำนาจพอที่จะช่วยเหลือ “ไม่ได้จริงๆ แม่นาง ขออภัยด้วย” คำตอบที่ได้รับ ทำให้สองเท้าไร้เรี่ยวแรงจนแทบทรงตัวไม่อยู่ หล่อนต้องล่าถอยออกมา และมานั่งหลบมุมร้องไห้อยู่เพียงลำพัง ในหัวก็พยายามหาหนทางที่จะช่วยครอบครัว “ทำไมองค์รัชทายาทพระทัยร้ายแบบนี้เพคะ” หรือว่าหล่อนจะต้องไปพบเขา ไปขอร้องเขาด้วยตัวเอง... มันคือทางเลือกสุดท้ายที่แสนน่ากลัว เพราะถ้าจามีลจับหล่อนขังคุกอีกคน ก็เท่ากับว่าจะไม่มีใครช่วยเหลือครอบครัวของหล่อนได้อีกแล้ว แต่หล่อนไม่มีทางเลือก ในเมื่อคำสั่งขององค์รัชทายาทคืออำนาจที่ทุกคนไม่อาจจะฝ่าฝืนได้ ดังนั้นทางเดียวที่จะช่วยพ่อกับแม่ได้ก็คือต้องทำให้จามีลถอนคำสั่ง แต่เขา... จะเชื่อคำพูดของหล่อนแค่ไหนกัน ในเมื่อเขาเองก็ไม่ได้ชอบขี้หน้าของหล่อนเลย ร่างอรชรกัดฟันลุกขึ้นยืน น้ำตาหยดสุดท้ายถูกป้ายจนแห้งไปจากแก้มนวล หล่อนเดินโซซัดโซเซกลับไปยังภายในพระราชวังหลวง ซึ่งโชคดีที่หล่อนเป็นนางกำนัลคนสนิทของพระชายาในเจ้าชายเซรีม ทำให้หล่อนมีป้ายผ่านที่สามารถเข้าถึงราชฐานชั้นในได้ไม่ยาก หล่อนกลัวที่จะต้องเผชิญหน้ากับผู้ชายที่กำลังเกรี้ยวกราดเพราะนางในดวงใจหายตัวไป แต่ถ้าหล่อนไม่ไปพบเขา พ่อกับแม่ก็จะไม่มีวันได้ออกมาจากคุกหลวงนั่น หล่อนไม่มีทางเลือก! องค์รัชทายาทรูปงามนั่งอยู่นั่งโต๊ะไม้ขนาดใหญ่ภายในห้องทำงานที่แบ่งแยกออกไปจากส่วนของห้องนอนหรู ในมือใหญ่กุมโทรศัพท์มือถือแนบเอาไว้ที่หู ดวงตาสีทองที่ยามนี้มืดลึกสว่างวาบเป็นเปลวเพลิงขึ้นทันทีเมื่อเห็นหล่อน เขาพูดกับเจ้าอุปกรณ์สื่อสารอีกไม่กี่ประโยคก็วางสาย และโยนมันทิ้งลงบนโต๊ะไม้ จากนั้นก็ให้ความสนใจกับผู้บุกรุกอย่างหล่อนเต็มที่ “กล้าดียังไง เข้ามาในห้องทำงานของฉัน!” “หม่อมฉัน...” หล่อนรีบคุกเข่าลงกับพื้นพรม และละล่ำละลักอธิบาย “ขอประทานอภัยที่เข้ามารบกวนองค์รัชทายาทเพคะ แต่หม่อมฉัน... มีความจริงต้องกราบทูลพระองค์เพคะ” “หึ...” จามีลลุกขึ้นจากเก้าอี้หนังตัวใหญ่เนื้อนุ่ม เดินอ้อมโต๊ะออกมาหยุดเบื้องหน้าของชมพูนุช เขามองหล่อนอย่างเหยียดหยาม “ความจริงที่เจ้ามีส่วนรู้เห็นกับการลักพาตัวมัสรานีของเราใช่ไหมล่ะ” “ไม่... ไม่ใช่นะเพคะ องค์รัชทายาท” หล่อนส่ายหน้าดิก และพยายามอธิบาย “ถ้าไม่ใช่เจ้า งั้นก็เป็นพ่อกับแม่ของเจ้า” หล่อนสะอื้นได้ด้วยความหวาดกลัว “พ่อกับแม่ไม่รู้เรื่องเลยเพคะ พวกท่านไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเลย” “แล้วเจ้าล่ะ” “หม่อมฉัน...” ใบหน้าหล่อจัดของจามีลที่ตอนนี้เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดที่หล่อนทำเห็นทำให้เนื้อตัวสาวยิ่งสั่นเทา “ทราบ... ทราบเรื่องมาก่อนหน้านี้เพคะ” “ทราบเรื่องที่พี่ชายเจ้าจะลักพาตัวมัสรานีใช่ไหม” “ไม่ใช่นะเพคะ ท่านพี่ฟีรัสไม่ได้ลักพาตัวคุณมัสรานีไป หม่อมฉันยืนยันได้เพคะ” สีหน้าของจามีลบอกให้รู้อย่างชัดเจนเลยว่าเขาไม่มีทางเชื่อคำพูดของหล่อนแน่นอน “เจ้ากำลังจะบอกเราว่า มัสรานีหนีตามพี่ชายของเจ้าไปเองอย่างนั้นหรือ” หล่อนรู้ดีว่าจามีลกำลังเกรี้ยวกราดและเดือดดาลอย่างหนัก เพราะแววตาและสีหน้าของเขาบอกให้รู้ได้เป็นอย่างดี แต่แปลกนักที่เขาไม่ได้อาละวาดอย่างที่ควรจะเป็น กลับนิ่งเงียบ และเย็นชาจนน่าประหลาดใจ คงเป็นเพราะชายหนุ่มคือองค์รัชทายาท เขาถึงต้องระงับโทสะเอาไว้แบบนี้ “เพคะ” “แต่เราไม่เชื่อเจ้า ไม่มีทางเชื่อว่าผู้หญิงที่งดงามทั้งกายและใจอย่างมัสรานีจะทำเช่นเจ้ากล่าวหา” สายตาของจามีลที่มองมานั้นช่างเต็มไปด้วยการดูแคลนและชิงชัง “ถ้าเป็นเจ้า เราจะไม่แคลงใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลย” หล่อนเจ็บจนจุกกับคำกล่าวหาไร้ความจริงของจามีล แต่ก็ไม่อาจจะทำอะไรได้ ทำได้แค่เพียงน้อยใจ และเสียใจเงียบๆ ในอกเพียงเท่านั้น “หม่อมฉัน... กราบทูลความจริงทุกประการเพคะ” “ออกไปได้แล้ว ก่อนที่เราจะจับเจ้าเข้ากรงขังรวมกับพ่อแม่ของเจ้าอีกคน” “หม่อมฉันไม่ไปเพคะ... ได้โปรดทรงเมตตาด้วย พ่อกับแม่ของหม่อมฉันท่านไม่ผิดจริงๆ เพคะ พวกท่านไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเลย ขอองค์ รัชทายาทได้โปรดเมตตาด้วย...” จามีลแทบอยากจะหักคอสตรีที่กำลังคร่ำครวญครางหน้าให้เป็นสองท่อนนัก เขาไม่ฆ่าหล่อนก็ดีแค่ไหนแล้ว “ไสหัวออกไปซะ ก่อนที่เราจะทนไม่ได้” ชมพูนุชหวาดกลัวจนตัวสั่น แต่ก็ตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะต้องช่วยบิดามารดาให้ได้ “หม่อมฉัน... ผิดเองเพคะ หม่อมฉัน... เป็นคนยุแยงให้ท่านพี่ลักพาตัวคุณมัสรานีไปเพคะ” คำโกหกเพื่อช่วยครอบครัวของหล่อนได้ผล เพราะทำให้องค์ รัชทายาทผู้งามสง่าชะงักกึก ก่อนที่เขาจะเค้นเสียงกระด้างเดือดดาลเล็ดลอดออกมาจากไรฟันขาวสะอาด “นี่เจ้า... เองหรือที่เป็นตัวการของเรื่องนี้” หล่อนก้มหน้าร้องไห้ ไม่มีทางเลือกอื่นใดอีกแล้ว หล่อนยอมทรมาน ยอมตายเพื่อช่วยพ่อกับแม่ “เพคะ... หม่อมฉันเองเพคะ” “เหตุผลล่ะ” จามีลเค้นเสียงถามจนแทบจะกลายเป็นตวาด มองสตรีหน้าหวานด้วยความชิงชัง “เพราะว่า... หม่อมฉัน...” ชมพูนุชพยายามหาเหตุผลที่จะทำให้ จามีลเชื่อสนิทใจว่าตัวเองเป็นต้นเหตุของทุกอย่าง และก็คิดได้ “เพราะ... หม่อมฉันแอบรักองค์รัชทายาทเพคะ” หล่อนคิดว่าจามีลจะต้องตกใจมากที่ได้ยินคำตอบของหล่อน แต่เขากลับแค่นยิ้มหยันเยาะเพียงเท่านั้น ราวกับล่วงรู้มานานแล้วไม่มีผิด “แพศยา!” “หม่อมฉันขอประทานอภัยเพคะ หม่อมฉันยินดีตาย ยินดีถูกประหาร ขอแค่เพียงให้พ่อกับแม่ของหม่อมฉันปลอดภัย เพราะพวกท่านไม่เกี่ยวข้องด้วยจริงๆ เพคะ” จามีลเดินกลับไปกลับมาด้วยความเกรี้ยวกราด เขาชิงชังแม่นางในหน้าหวานคนนี้แน่นอก แต่กลับไม่อาจจะสั่งตัดหัวหล่อนได้ ไม่กล้าแม้จะสั่งคุมขังด้วยซ้ำ เพราะอะไร... มันเพราะอะไรกัน “เจ้ามันสมควรตายนัก” “หม่อมฉัน... ยอมตายเพคะ” “มันง่ายเกินไป โทษตายมันไม่คู่ควรกับผู้หญิงแพศยาอย่างเจ้าหรอก”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม