คืนแรกของการนอนด้วยกัน ต่างคนต่างก็รับรู้ถึงการดิ้นตัวของอีกฝ่ายที่ผลัดเปลี่ยนกันพลิกซ้ายทีขวาทีเพราะข่มตานอนไม่หลับ จนในที่สุดก็ตะแคงข้างหันหน้าเข้าหากันและจ้องกันในความมืด
ชั่วขณะของสายตาทั้งสองคู่ที่มองกัน ดวงตาคู่คมก็เหลือบมองดวงตาคู่หวานที่กลมโต ริมฝีปากอวบอิ่มสุขภาพดีที่เคลือบด้วยลิปบาร์มบำรุงริมฝีปาก ธีร์ลอบกลืนน้ำลายลงคอและหายใจติดขัดให้กับความรู้สึกประหลาดที่กำลังเริ่มก่อตัวขึ้นภายในใจ ไม่ต่างจากอีกฝ่ายที่จ้องเข้าไปในดวงตาคู่คม เลื่อนลงมองจมูกโด่งเป็นสัน และริมฝีปากหยักได้รูปคนของตรงหน้า ใจเต้นแรงตึกตักอย่างห้ามไม่อยู่ ก่อนที่คนที่นอนร่วมเตียงจะเอ่ยขึ้นมาทำให้เธอได้สติกระพริบตาถี่ ๆ
“ถ้านอนไม่หลับ ฉันไปนอนโซฟาก็ได้นะ” ธีร์เอ่ยพลางเลื่อนผ้าห่มออกจากตัว
“มะ ไม่เป็นไรค่ะพี่ธีร์ นอนด้วยกันนี่แหละค่ะ” จะให้เจ้าของห้องไปนอนโซฟาได้อย่างไรกัน ถ้าธีร์ไม่ยอมนอนที่เตียงของตัวเอง เธอก็คงต้องขอระเห็จตัวเองย้ายไปนอนที่โซฟาแทน
เมื่อพรีมเอ่ยมาดังนั้น ธีร์จึงเลื่อนผ้าห่มขึ้นไปอยู่ในระดับหน้าอกดังเดิม แล้วเปลี่ยนเป็นท่านอนหงายวางมือที่หน้าท้องแทน
“พี่ก็นอนไม่หลับเหมือนกันเหรอคะ”
“อืม”
“เพราะมีพรีมนอนด้วยใช่ไหมคะ”
“...” ธีร์ไม่ได้ตอบ แต่กลับคิดในใจว่าเป็นเพราะเธอนั่นแหละ มีผู้หญิงมานอนร่วมเตียงเดียวกันแบบนี้จะให้เขานอนหลับได้อย่างไร
“พรีมก็นอนไม่หลับเหมือนกันค่ะ แต่ไม่ได้เป็นเพราะพี่ธีร์หรอกนะคะ พรีมก็แค่ไม่เคยนอนกับใครนอกจากเพื่อนสนิทที่เป็นผู้หญิงด้วยกัน”
“อืม” ธีร์ตอบกลับเสียงเบา ดูเหมือนพรีมจะพูดเป็นนัยว่าเธอไม่เคยนอนกับผู้ชายมาก่อน
“ปกติเป็นคนพูดน้อยเหรอคะ ตั้งแต่งานหมั้นจนมาถึงตอนนี้ พรีมนับคำได้เลยว่าพี่พูดกับพรีมกี่คำ”
“ฉันจะพยายามพูดกับเธอให้มากขึ้นก็แล้วกัน”
“ไม่พูดฉันได้ไหมคะ เรียกแทนตัวเองว่าพี่ได้ไหม” พรีมเอ่ยขอร้องอีกฝ่าย
อายุตั้งสามสิบแต่เรียกตัวเองว่าฉันกับเธอที่เพิ่งจะเป็นสาวอายุยี่สิบเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ฟังดูเหมือนคนรุ่นราวคราวเดียวกันหรือไม่ก็คนไม่ค่อยจะถูกกันอย่างไรอย่างนั้น
“ฉัน…” ธีร์หันมองใบหน้าหวานที่กำลังคลี่ยิ้มจ้องมองมา แม้ว่าในห้องจะมืดแต่ก็ยังพอมีแสงสลัวจากแสงไฟด้านนอกตัวบ้านสาดส่องเข้ามา เขาจึงไม่อาจปฏิเสธเธอได้ลงคอ “อืม”
“อืมอะไรคะ ไม่เห็นจะเข้าใจเลย” พรีมแกล้งหยอกอีกฝ่ายทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเขาหมายถึงอะไร
“ก็เธอบอกให้ฉัน เอ่อ… เรียกแทนตัวเองว่าพี่ไง” น้ำเสียงของธีร์เอ่ยราวกับไม่มั่นใจในตัวเองเล็กน้อย
“แต่เมื่อกี้พี่ยังแทนตัวเองว่าฉันอยู่เลยนะคะ”
“เริ่มดื้อกับพี่แล้วนะพรีม จำไม่ได้เหรอว่าตอนที่คุณแม่ของเธอขึ้นมาส่ง ท่านบอกกับเธอว่ายังไง”
“ไม่ได้ดื้อสักหน่อยค่ะ ก็แค่อยากได้ยินพี่แทนตัวเองว่าพี่ ไม่ใช่ฉัน”
“พี่ก็แทนตัวเองว่าพี่อยู่นี่ไง เซ้าซี้อยู่ได้”
“แค่นี้ก็ต้องหงุดหงิดด้วย ไม่แกล้งแล้วก็ได้ค่ะ” พรีมเอ่ยพลางพลิกตัวนอนหงายแล้วถอนหายใจ
“พรุ่งนี้มีเรียนรึเปล่า” วันนี้ธีร์ยังไม่มีโอกาสได้ถาม ไหน ๆ ก็นอนไม่หลับกันแล้วก็ถามในเวลานี้เลยแล้วกัน
“มีค่ะ พรีมมีเรียนเก้าโมง”
“งั้นกินข้าวเสร็จก็ไปพร้อมกันเลย”
“พี่จะให้พรีมติดรถไปด้วยเหรอคะ” พรีมถามอย่างสงสัย หรือว่ามีใครบังคับให้ทำแบบนี้กันแน่
“แม่พี่ต้องการให้พี่เป็นคนคอยดูแลเธอ จากนี้เธอก็อยู่ในความดูแลของพี่ก็แล้วกัน แล้วก็อย่าดื้อกับพี่ล่ะ เพราะพี่ไม่ใช่คนใจดีอย่างที่เธอคิด” ธีร์ตอบกลับและไม่ลืมที่จะตบท้ายด้วยคำขู่เล็กน้อยเพื่อให้เธอไม่กล้าที่จะแผงฤทธิ์กับคนอย่างเขา
“นึกว่าจะเต็มใจ ที่แท้ก็โดนคุณแม่พี่บังคับนี่เอง”
“พรีม” เสียงทุ้มแต่ทรงพลังเอ่ยขึ้นในความมืด พรีมถึงกับรีบยกมือขึ้นปิดปากไม่กล้าที่จะเถียงกลับ เพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงจะเริ่มจะหมดความอดทนแล้วที่ถูกเธอกระเซ้าเย้าแหย่
“ขอโทษค่ะ”
“รีบนอนเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะตื่นสาย”
“ค่ะ”
เช้าวันต่อมาธีร์ก็ตื่นขึ้นเป็นคนแรกและพบว่าหญิงสาวที่นอนข้างๆ กัน ลากหมอนข้างพลิกไปกอดแล้วหันหลังให้เขา แต่ยังดีที่เหลือหมอนข้างอีกใบกั้นกลางเอาไว้อยู่
ธีร์รีบเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวก่อน พอออกมาก็พบว่าคนตัวเล็กกำลังปรือตาขึ้นและบิดขี้เกียจอยู่ใต้ผ้าห่ม
“ตื่นแล้วเหรอ”
“ว้าย…” พรีมตกใจกับเสียงทุ้มที่เอ่ยทักทายยามเช้า และดันลืมตัวไปเลยว่านี่มันไม่ใช่ห้องนอนของเธอ
“พี่ตื่นแล้วทำไมไม่เรียกพรีมล่ะคะ” ขณะที่ถามเธอก็ยกมือทั้งสองข้างปิดหน้าที่สดเอามากๆ และไม่รู้ว่าเผลอทำตัวหน้าเกลียดให้เขาเห็นหรือเปล่า
“ก็เห็นนอนหลับกอดหมอนข้างที่บอกจะเอาไว้คั่นกลางอย่างสบายใจ เลยไม่ได้เรียก”
“พี่เสร็จแล้วใช่ไหมคะ พรีมจะได้เข้าไปอาบน้ำต่อ”
“อื้ม”
เมื่อได้รับคำตอบพรีมก็รีบขยับตัวลุกออกจากเตียง และวิ่งเข้าไปในห้องแต่งตัวหยิบเอาเสื้อผ้า และผ้าเช็ดตัววิ่งเข้าห้องน้ำไป
ยี่สิบนาทีต่อมา คนตัวเล็กที่อยู่ในชุดนักศึกษาก็ออกมาจากห้องน้ำ และมานั่งแต่งหน้าหวีผมอยู่หน้ากระจก โดยที่เจ้าของห้องกำลังหนังอ่านหนังสือรออยู่ที่โซฟา
“ถ้าพี่รีบก็ไปก่อนได้นะคะ” พรีมเห็นสายตาคู่คมที่มองเข้ามาในกระจกเป็นระยะอยู่หลายครั้ง ราวกับกดดันให้เธอรีบแต่งหน้าให้ไวกว่านี้อีกหน่อยไม่ได้หรือ จนอดใจไม่ได้ที่จะบอกให้เขาไปก่อน
“ไม่เป็นไร พี่รอได้”
“ถ้ารอได้ก็อย่ามองมาบ่อยสิคะ กดดันกันแบบนี้พรีมแต่งหน้าไม่ได้หรอกค่ะ” ก็เล่นมองกันแทบจะทุกสามนาที ห้านาทีแบบนี้ ใครจะกล้าแต่งหน้ากันล่ะ
“ที่จริงไม่เห็นต้องแต่งอะไรให้มากมายเลย แค่นี้ก็ดีแล้ว”
หญิงสาวกระตุกยิ้มหันหน้ามองชายหนุ่มแล้วเอ่ยถาม
“ที่ว่าดีแล้ว พี่หมายถึงพรีมสวยอยู่แล้วใช่ไหมคะ”
“อืม” ธีร์เอ่ยขณะที่ก้มอ่านหนังสือและคงไม่คิดว่าจะถูกหญิงสาวตะล่อมถามเข้าให้แล้ว แต่เมื่อรู้ตัวว่าเผลอตอบอะไรออกไปก็รีบพับหนังสือวางที่โต๊ะหน้าโซฟาแล้วลุกขึ้นยืน
“จะแต่งก็รีบๆ แต่งเถอะ พี่จะลงไปรอข้างล่างก็แล้วกัน” เอ่ยจบก็ล้วงกระเป๋ากางเกงเดินตรงไปที่ประตู
“แซวนิดแซวหน่อยทำเป็นงอน ก็แค่ชมว่าพรีมสวยแค่นี้ถึงกับเสียอาการเลยเหรอคะ” พรีมรีบเอ่ยตามหลัง
“พี่หิวข้าว เสร็จแล้วก็รีบตามลงไปล่ะ เดี๋ยวอาหารจะเย็นซะก่อน”
“รับทราบค่ะพี่ธีร์สุดหล่อ”