บทที่4.การพบเจอที่ไม่คาดคิด.........

1465 คำ
อันนาก้มหน้านิ่ง มือป้อมๆ กุมชายเสื้อเมื่อรู้สึกผิด “ลุงห้ามบอกหม่าม๊านะ ว่าอันอัน ขโมยขนม ลุงมากิน” “เอะ!! บอกห้ามเรียก ‘ลุง’ ฉันไม่ได้แก่ขนาดนั้น” อีธานโวย “อันอันไม่ได้ว่า ‘ลุง’ แก่ ลุงหล่อจะตาย แต่ ลุงแก่กว่าหม่าม๊านี่นา” เด็กชายบ่นอุบ หยิบขนมชิ้นสุดท้ายในถุงยัดใส่ปากไปด้วย เดินมาใกล้ๆ พยายามที่จะนั่งบนเก้าอี้ แต่มันสูงเกินกว่าที่อันนาจะขึ้นเองได้ ผู้ชายที่กำลังโมโห ปน ขำ เด็กน้อยพูดหน้าตายตาใส เป็นความจริงในใจที่เขาคิด ไร้จริตจนอีธานโกรธไม่ลง “กินๆ เข้าไปจะได้โต มาฉันช่วย” ชายหนุ่มสอดมือใต้รักแร้อันนา เขายกร่างอ้วนกลมขึ้นมานั่งข้างๆ “ขอบคุณครับ” อันนาเอ่ยเสียงดัง เขายิ้มจนตาหยี มองเลยไปยังแก้วกาแฟของอีธาน และชายหนุ่มรู้เจตนา เขาส่ายศีรษะห้าม “เด็กกินไม่ได้หรอก...เธอหิวน้ำหรือไง” หน้ากลมป้อมพยักหงึกหงัก อีธานถอนใจแรงๆ “ห้ามแตะของฉัน เด็ดขาดรู้มั้ย!!” เขาเอ่ยปราม ผุดลุกขึ้นยืน เดินตรงไปยังร้านค้าข้างหน้า พร้อมกับบ่นพึม “พ่อ-แม่เด็กนั่นสอนกันมายังไงวะ ดื้อฉิบหาย!!” เขาเดินกลับมาพร้อมกับน้ำหนึ่งขวด และขนมอีกถุง อันนารับขวดน้ำมาดื่มเงียบ สายตาของเขาชำเลืองไปยังถุงขนมหวานที่วางอยู่ข้าง ‘ลุง’ โดยที่เจ้าตัวไม่ได้คิดจะหยิบขึ้นมาชิม... “บ้านอยู่แถวนี้เหรอ?” อีธานชวนคุย เขามองมุมปากเด็กอ้วนที่มีน้ำลายไหลย้อยด้วยสายตาเป็นประกาย รู้สึกสนุกจนอยากจะหัวเราะดังๆ “ครับ” อันนารีบพยักหน้ารับ แอบสูดน้ำลายที่ไหลจ่อจวนจะหยดที่มุมปาก “ซู๊ดดดด” เงยหน้าขึ้นยิ้มให้อีธานแหยๆ “แหะๆ” “เอาสิ คงชอบกิน... ฉันซื้อมายั่วเรานั่นแหละ” ชายหนุ่มกล่าว เขาหัวเราะลงลูกคอขลุกขลัก เพราะทันทีที่เอ่ยปากอนุญาต เด็กอ้วนก็แทบจะกระโจนใส่ถุงขนม อันนากัดขนมหวานสุดโปรด เคิ้ยวหงุบหงับแบบคนอารมณ์ดี มีผู้ชายตัวใหญ่นั่งอยู่ด้านข้าง “ลุง” “บอกว่าไม่ให้เรียกลุง!!” อีธานหันมามอง เขาแยกเขี้ยวให้เด็กอ้วน “อันอันไม่มี ‘ลุง’ ลุงเป็นลุงให้อันอันหน่อยแล้วกัน อันอันจะไม่เรียกใครแบบนี้อีกนะ... อันอันจะมีแค่ลุงคนเดียว” คำพูดใสซื่อ ฟังดูพิลึกสักนิด แต่...ไอ้คำว่า ‘ลุง’ คนเดียวนี่ แสดงว่านอกจากเขา จะไม่มีคนอื่นได้รับเกียรติเช่นนี้ “ตามใจ...ดื้อฉิบหาย!!” เสียงถึงจะออกแนวดุๆ แต่หากพิจารณาดีๆ จะรู้ว่าอีธานไม่ได้ดุจริงจัง มุมปากที่กำลังดื่มกาแฟในแก้วมีรอยยิ้มแต้มนิดๆ เมื่อเจ้าตัวยินยอมให้เด็กชายข้างๆ เรียกขานด้วยสรรพนามที่ตนเองค่อนว่า ‘แก่’ “หายมานานแบบนี้ คนที่บ้านเป็นห่วงแย่แล้วมั้ง” จากบ่ายแก่ๆ ล่วงไปจวนจะค่ำ...อีธานติงอันนาด้วยความเป็นห่วง เขาหายมานานเช่นนี้ คนในครอบครัวมิเป็นห่วงแย่หรือ... “หะ” อันนายกมือขึ้นปิดปาก เขาเหลียวมองไปรอบๆ พลางเบ้หน้า น้ำตาคลอเบ้า “หม่าม๊าทำโทษอันอันแน่...คุณตาอีก อันอันกลัว” แม้จะกลัว แต่น้ำตาที่ปริ่มๆ ขอบตาก็ไม่ได้ไหลริน “ลุกเลยฉันไปส่ง จะช่วยแก้ตัวให้” อันนาโถมเข้าใส่ เมื่อได้ยินสิ่งที่อีธานพูด “จริงนะ ลุงอย่าหลอกอันอันนะ” แขนป้อมๆ รัดรอบลำคอ หน้าเปื้อนน้ำตาช้อนมองเขาแบบมีความหวัง หัวใจอีธานกระตุก สัมผัสบางเบาของเด็กชายแปลกหน้า พุ่งปราดเข้าไปในหัวใจ จนเกิดปฏิกิริยาแบบเฉียบพลัน มันเหมือนถูกกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ ช็อต!! อีธานลดสายตาลง เขามองเด็กชายตรงหน้านิ่งๆ ดวงตาคู่นั้นเหมือนกำลังดึงดูดเขาเข้าไป ความรู้สึกนั่น...วูบวาบแปลกๆ ตอนที่ยกมือขึ้นลูบศีรษะทุยได้รูปของอันนานั้น อีธานมองเห็น มือของเขาสั่นน้อยๆ มันอิ่มเอิบ ซาบซ่าน...สุขใจเหมือนได้ของรักคืน...ชายหนุ่มกวาดมองหน้ากลมป้อม พร้อมกับความรู้สึกหน่วงๆ ในอก “เชื่อฉันมั้ยล่ะ” อีธานเอ่ยถาม อาการตอบรับของเด็กชาย ทำให้เขายิ้มกว้างที่สุดในรอบปี... หน้านั่นขยับขึ้น ขยับลงเร็วๆ ร่างอวบโถมเข้าใส่ มือเล็กๆ นั่นกอดลำคอเขาแน่น... เป็นครั้งแรกที่อีธานได้สัมผัสเด็ก เขาอุ้มอันนาได้อย่างสบาย แม้เด็กชายจะมีน้ำหนักเกินพิกัดไปสักหน่อย... “ไปทางไหนล่ะ บ้านเราน่ะ...ชื่ออะไรนะ อันนาเหรอ?” ระหว่างทาง...อีธานชวนคุย เขารับรู้ประวัติของเด็กชายพอสมควร... ครอบครัวเล็กๆ ของอันนาประกอบด้วยคุณตา คุณยาย หม่าม๊า แต่ดูเหมือนจะขาดสมาชิกไปหนึ่งคน... “ปะป๊าเราล่ะ ไปไหนเหรอ?” น้ำตาที่เหือดแห้งไปแล้ว ไหลปริ่มออกมาอีกครั้ง ปากอิ่มย้อยเม้มแน่น ยกมือขึ้นปาดน้ำตา เสียงที่บอกเขาก็สั่นเครือ “อันอันไม่เคยเห็นหน้าปะป๊าเลยครับ หม่าม๊าบอกอันอันว่า...ปะป๊าไปทำงาน แต่ไม่เห็นกลับสักที...” ชายหนุ่มครางในอก สงสารอันนาจนต้องกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น “ไม่เคยเห็นเลยเหรอ?” เขาถามย้ำ อันนาพยักหน้ารัวๆ น้ำตาไหลพรากๆ และอีธานไม่รู้ อันนาไม่เคยแสดงความอ่อนแอของเขาให้ใครเห็น แม้แต่เมรี นี่เป็นครั้งแรกที่เด็กชายร่ำไห้ให้คนแปลกหน้าเห็น เมื่อกล่าวถึง ‘ปะป๊า’ บุคคล คนเดียวที่อันนาตั้งตารอ... ที่อีธานสรุปได้ มารดาของเด็กนี่คงเลิกรากับสามี อันนาเลยไม่เคยได้พบเจอบิดา ชายหนุ่มรู้สึกโกรธแทน...คนจำพวกไหนนะ ที่ไม่สนใจสายเลือดตัวเอง...เพราะต่อให้มีปัญหากับแม่...แต่คนที่เป็นลูกไม่เกี่ยว ผู้ชายคนนั้น น่าจะโผล่หน้ามาให้บุตรชายได้พบเจอบ้าง “พ่อเธอคงงานยุ่ง” อีธานแก้ตัวให้ผู้ชายคนนั้น ไม่ใช่เพราะต้องการช่วย เขาแค่อยากทำให้อันนาสบายใจขึ้น “หม่าม๊าก็งานยุ่ง หม่าม๊ายังกลับมาหาอันอันทุกวันเลย” อันนาแย้ง ปากอิ่มย้อยเบ้แบะ “เล่าอะไรให้ฟังนะ...ลุงน่ะ...ไม่เจอหน้าปะป๊ามาหลายปีแล้ว ก็เพราะงานยุ่งนี่แหละ” อีธานเอ่ยเสียงขึงขัง แต่ความจริงคือ บิดาของเขา ออกไปท่องเที่ยวกับมารดาหรอก หากเขาต้องการพบท่าน ก็ต้องไปหาท่านเอง... “จริงเหรอ...” แม้จะไม่ค่อยอยากเชื่อ แต่เพราะอะไรไม่รู้ อันนาเชื่อใจ ‘ลุง’ “จริง” อีธานยิ้ม เขากระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นอีก   “อันอัน!! รู้มั้ยทุกคนเป็นห่วง” ไพลินเป็นคนแรกที่มองเห็นหลานชาย เขาเดินจูงมือกับคนแปลกหน้า กำลังเดินเข้ามาในรั้วบ้าน “คุณยาย...” “สวัสดีครับ ผมต้องขอโทษที่พาอันอันมาส่งช้า” อีธานรีบออกตัวแทนอันนา ที่นั่งก้มหน้าเหมือนกำลังสำนึกผิด เก่งกาจถอนใจแรงๆ ท่านเองอยากจะต่อว่าหลานชายมากกว่านี้ แต่เด็กก็คือเด็ก หากใส่อารมณ์มากไปเดี๋ยวอันนาจะเสียขวัญ “ขอบคุณครับที่พาแกมาส่ง พวกเรากำลังเป็นห่วงเลย” เก่งกาจบ่น “สวนนั่นไม่ห่างจากที่นี่เท่าไร แต่มันก็ยังอันตรายอยู่ดี” อีธานเตือน หากคนที่อันนาคุยด้วยไม่ใช่เขา เด็กนี่จะเป็นยังไงก็ไม่รู้ “ครับ เราจะระวัง จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์เหมือนครั้งนี้อีก” ชายสูงวัยถอนใจแรงๆ เขาคงต้องระแวดระวังมากกว่านี้ ถึงหลานชายจะซุกซนตามประสาเด็ก แต่เขาก็เชื่อฟังคำสั่งอย่างดี “ดีนะอันอันที่หม่าม๊าเราไม่รู้ ไม่อย่างนั้นหม่าม๊าเราคงเสียใจแย่” คุณไพลินกล่าวเสียงอ่อน เธอไม่อยากดุ เมื่อแววตาอันนาละห้อยเสียจนดุไม่ลง “เอ่อ...แม่อันอันไปไหนหรือครับ?” ชายหนุ่มถามแทรก “แม่อันอันทำงานนะครับ กว่าจะกลับก็เย็น” เก่งกาจอธิบายให้อีธานรับรู้ ชายหนุ่มยิ้มเคร่ง เขาไม่ใคร่พอใจ แต่พูดอะไรมากไม่ได้เมื่อเขายังไม่สนิทกับครอบครัวนี้มากพอจนถึงขั้นต่อว่าได้ “ผมคงต้องขอตัว...แต่ขออนุญาตไว้ก่อนนะครับ วันไหนที่ผมมีเวลา ผมจะมาพาอันอันไปเที่ยวอีก” ชายหนุ่มออกตัว เขาล้วงนามบัตรของตนเองออกมายื่นให้เก่งกาจ เพื่อแสดงตัวตน เขามาดี ไม่ได้ประสงค์ร้าย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม