บทที่5.ทายาทอสูร
“ครับๆ” ชายสูงวัยรับคำเสียงรัว นามบัตรสีขาว ตัวหนังสีทอง ระบุตำแหน่งของอีธาน จนแม้แต่ท่านเองยังตกใจ
อีธาน จาง
CEO จางไท่กรุ๊ป
ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ คนระดับนั้น เกิดมาถูกตา ต้องใจหลานชายของตัวเอง
“แล้วเจอกันคร๊าฟลุง”
อันนาโบกมือไหวๆ ดวงตาละห้อยมองตามแผ่นหลังเหยียดตรงของอีธาน จนกระทั่งเขาหายไปจากสายตา
“ถ้าปะป๊าอันอันหล่อเหมือนลุงก็ดีนะคร๊าฟคุณตา” เสียงหลานชายเปรย ก่อนที่จะวิ่งตื๋อไปที่กองของเล่นมุมห้องโถง
ไพลินยกชายผ้าขึ้นซับที่หัวตา คุณยายนอกไส้น้ำตาซึม สงสารหลานชายจับใจ
“เราจะไม่บอกเรื่องนี้กับเมรีนะคุณไพ ผมไม่อยากให้ลูกไม่สบายใจ”
การที่อันนาหลบออกไปนอกบ้าน โดยที่คนในบ้านไม่รู้ หากเมรีรู้เรื่อง...บุตรสาวของท่านคงร้อนใจ เก่งกาจจึงปรึกษากับภรรยาคู่ทุกข์ และนางเห็นด้วย เรื่องบางเรื่อง ไม่จำเป็นต้องบอก เพราะมันอาจทำให้เมรีกระวนกระวายไม่เป็นอันทำงาน...
ดังนั้น...เมรีจึงยังไม่รู้...อันนาได้เจอ ‘พ่อ’ ของเขาแล้ว แม้จะรู้จักในฐานะอื่น...
“ว่าไง...ของที่สั่งได้มั้ย?”
อีธานร้องถามการ์ดส่วนตัว หลังเขาบัญชาให้การ์ดตนเองไปหาสิ่งของที่เขาต้องการ
“เรียบร้อยครับ อยู่ที่ท้ายรถครับท่าน” การ์ดหนุ่มตอบแบบสำรวม เขาก้มหน้าลง ซ่อนแววตาอยากรู้ไว้ เมื่อสิ่งที่นายหนุ่มให้ไปจัดหาคือ...ของเล่นเด็ก และขนมกรุบกรอบจำนวนมาก...
“ดี...เคลียร์เวลาให้ด้วยล่ะ ฉันจะออกไปข้างนอกตอนบ่าย และไม่กลับเข้ามาอีก”
อีธานสั่ง เขาไม่ได้เงยหน้ามอง ตั้งใจเคลียร์งาน เพื่อไปหาเด็กชายที่ตนเองติดใจ...
“เอ่อ...” การ์ดหนุ่มพยายามแย้ง เขาถอนใจแรงๆ เวลาของนายหนุ่มแทบไม่มีช่องว่าง หากจะเคลียร์ให้คงต้องยกเลิกงาน...
“ฉันรู้...ตารางงานฉันแน่นมาก แต่ไอ้การประชุมน่าเบื่อนั่น ไม่จำเป็นต้องมีฉันก็ได้ไม่ใช่เหรอ?”
CEO หนุ่มเปรยเสียงทุ้ม เมื่อก่อนอีธานไม่เคยพลาดที่จะเข้าร่วมฟังการประชุมทุกครั้ง...เขาเห็นความสำคัญของงาน เมื่อเขาต้องการมีส่วนร่วม แต่5ปีมานี่ จางไท่กรุ๊ปเป็นปึกแผ่น ไม่มีใครกล้าคิดหักหลัง ถึงจะมีคู่แข่งบนถนนธุรกิจ...แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาต่อกรกับคนแกร่งอย่างอีธาน...
“ครับๆ”
การ์ดหนุ่มถอยหลังออกไป เพราะต่อให้ห้าม หรือขัดขวาง คนเอาแต่ใจตัวเองแบบเจ้านาย คงไม่สนใจ
บ่ายกว่าๆ ของวันนั้น ขบวนรถยนต์หรู จึงบึ่งออกจากสำนักงานจางไท่ มุ่งหน้าไปเขตชานเมือง...ปลายทางคือบ้านหลังน้อย ที่มีเด็กชายตัวแสบพักอาศัยอยู่
หยางชะเง้อคอมองเจ้านายผ่านรั้วต้นไม้เตี้ยๆ เขาขมวดคิ้ว เมื่อสิ่งที่เห็นมันเกินคาด...
เขารู้แล้ว ของเล่นเหล่านั้น เจ้านายเอามาให้ใคร เมื่อเด็กชายผิวขาว ตัวอวบท้วม นั่งอยู่บนตักของเขา พร้อมเสียงหัวเราะที่ดังเล็ดลอดออกมา
“ลูกพี่...เจ้านายแอบมาไข่ทิ้งไว้เหรอ?”
การ์ดอีกคนกระซิบถามเบาๆ เขากำลังมองไปที่จุดเดียวกับหยาง...
การ์ดรุ่นพี่หันมามอง เขาหมุนตัวกลับไปมองเจ้านายซ้ำอีกครั้ง และเริ่มเปรียบเทียบเด็กชายที่เห็น กับเจ้านายคร่าวๆ
“ไม่รู้ว่ะ แต่...” หยางตอบเหมือนละเมอ จากที่ตามองเห็น และไม่ได้มีอคติ ความเป็นไปได้มีมากกว่า50% ถึงเจ้านายจะระวังตัวอย่างดี แต่เขาก็ต้องเผอเรอบ้าง...ของแบบนี้มันไม่ได้ชัวร์100% เมื่อไร
“เห้อ...หากนายท่านรู้ จะดีใจหรือเสียใจกันล่ะนี่”
หากเป็นเรื่องจริง เด็กชายคนนั้นเป็นสายเลือดของนายหนุ่ม ไม่รู้ว่าคนเจ้ายศเจ้าอย่างอย่างอรัญ จาง จะยอมรับหรือไม่?
หยางแอบผ่อนลมหายใจ เขาล้วงโทรศัพท์ส่วนตัวออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูท แอบเก็บภาพของอีธานไว้ เมื่อเขาคงต้องหาตัวช่วย สำรองไว้ให้เจ้านายหนุ่ม หากนายใหญ่ไม่ยอมรับ...ลูกนอกสมรส ของเจ้านาย
คนที่ช่วยเจ้านายได้ ก็คือ...คุณมัทนา มาดามจาง คนปัจจุบัน
ในขณะที่เมรีกำลังคร่ำเคร่งกับการทำงานที่จางไท่กรุ๊ป ความสัมพันธ์ระหว่างอันนากับอีธานก็พัฒนาไปไกล...ช่วงบ่ายคือเวลาแสนสุขของเด็กชาย เมื่อเป็นช่วงเวลาที่อันนาจะได้เจอ ‘ลุง’
เพื่อนบ้านเริ่มซุบซิบ...แต่เมรีก็ยังไม่รู้อยู่ดี เพราะเธอเอาเวลาที่มีทั้งหมด ทุ่มเทให้กับการเรียนรู้งาน
เธอแปลกใจเล็กน้อย ที่บุตรชายไม่ค่อยร่ำร้อง ขอให้เธอพาออกไปเที่ยว เมรีเข้าใจไปเอง เธอคิดว่าอันนารู้ว่าเธอกำลังพยายามเพื่ออนาคตของเขา...
แต่ความจริงกลับตรงกันข้าม...อันนามีคนอาสาพาไปเที่ยว จนเขาไม่จำเป็นต้องร้องขอจากมารดา...
“เป็นอะไรน่ะเมรี หน้าซีดๆ” อาจจะเป็นเพราะงานหนัก จนแทบไม่มีเวลาพัก มันจึงส่งผลให้เมรีล้า เธอรู้สึกว่าเนื้อตัวรุมๆ มันร้อนสลับหนาวเหมือนจะเป็นไข้
อัญชันเอ่ยถาม พอดีกับที่กาญจนาเดินผ่านมาได้ยินพอดี
หัวหน้างานสาวใหญ่ที่รู้สึกชอบเมรี เมื่อเธอขยันขันแข็ง สมกับที่เธอเลือกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของจางไท่กรุ๊ป
“เป็นอะไรล่ะ ตัวร้อนนี่ กลับไปพักมั้ย...ฉันอนุญาต”
มือของนางวางทาบที่เนินหน้าผากลูกน้องสาว กล่าวเสียงแผ่วๆ มองหน้าซีดๆ ของลูกน้องสาว...ด้วยความเป็นห่วง
“จะดีเหรอคะ...เมรีไม่อยากขาดงานค่ะ”
หญิงสาวแย้งเสียงอ่อยๆ กระบอกตาร้อนผ่าว ร้อนวูบ สลับกับเริ่มมีอาการหนาวสั่น
“เธอไม่ไหวแล้วล่ะ กลับไปพักเถอะ” กาญจนาตัดบท เธอรั้งเมรีให้ลุกขึ้นยืน ดันแผ่นหลังสาวน้อยให้ออกเดิน “แวะหาหมอที่ห้องพยาบาลก่อนกลับล่ะ” สวัสดิการที่บริษัทใหญ่ๆ มีให้กับพนักงาน มีพยาบาลและยาไว้ให้ หากพนักงานคนใดเกิดป่วยขึ้นมา
“ค่ะ” เมรีค้อมตัวลง เธอฉวยกระเป๋าสะพายขึ้นมาคล้องไหล่ ฝืนความอ่อนล้า แวะหาพยาบาลตามคำร้องของหัวหน้างาน
รถประจำทางที่เมรีนั่ง วิ่งเอื่อยๆ เพราะไม่ใช่ช่วงเวลาเร่งด่วน รถยนต์บนท้องถนนยังมีมาก แต่ไม่ติดขัดเหมือนช่วงเช้ากับเวลาเลิกงาน สายลมเย็นๆ ที่พัดโชยปะทะหน้า ช่วยทำให้เมรีดีขึ้น เธอเปลี่ยนใจที่จะเดินทางตรงกลับบ้านเลย แต่เลือกที่จะแวะหาบุตรชายก่อน
และทันทีที่เธอเดินทางถึงโรงเรียนอนุบาลที่อันนาเข้าเรียนมากว่าครึ่งปี
ความจริงที่เอาเธอเกือบช็อก...คือบุตรชายไม่ได้อยู่ที่โรงเรียน
มีใครบางคนรับเขาออกไป...
ครูพี่เลี้ยงยื่นนามบัตรที่อีธานมอบไว้ให้ ส่งให้เมรีด้วยมือที่สั่นเทา
แม้ผู้ปกครองของเด็กชายจะไม่โวยวาย แต่รังสีอำมหิตที่โชยออกมาจากร่างกายผู้หญิงตัวเล็ก ก็น่ากลัวจนใจสั่น!!
เมรีเบิกตาโตๆ เธอยกมือขยี้เปลือกตาแรงๆ ...
สิ่งที่เธอเห็น มันเหลือเชื่อเกินคาด...นามบัตรนี่ เป็นของคนที่เธอไม่เคยพบหน้า...เขาเป็นเจ้านายใหญ่สุดของเธอ เป็นหัวหอกของจางไท่กรุ๊ป!!
อีธาน จาง...
เป็นไปได้ไง!!
หญิงสาวกดเบอร์โทรศัพท์มือไม้สั่น เธอไม่อยากเชื่อว่าคนระดับนั้นจะรู้จักกับบุตรชายของตนเอง...สนิทสนมจนสามารถพาอันนาออกไปเที่ยวข้างนอกได้ ไม่มีใครห้าม แถมยังสนับสนุนเสียอย่างดิบดี
ตู๊ดๆ ...
เสียงสัญญาณดังติดๆ กัน เมรีพยายามทำใจเย็น แม้ในหัวใจจะร้อนดั่งไฟสุ่ม เมื่อคนที่พาอันนาไป...จะใช่คน คนเดียวกับที่เขากล่าวอ้างหรือไม่...
ชายหนุ่มเลิกปลายคิ้วขึ้นสูง เขามองสายเรียกเข้า กับเบอร์ที่ไม่คุ้นชินที่หน้าจอโทรศัพท์ แต่ไม่คิดจะกดรับ
สายเรียกเข้าดังติดๆ กันเมื่อคนปลายสายไม่ละความพยายาม อีธานถอนใจ เขาตัดสินใจกดรับ แทนที่จะโยนให้การ์ดจัดการเหมือนทุกครั้ง
“คุณเป็นใคร!! ลูกชายดิฉันอยู่ที่ไหนคะ?”
เมรีโวย หลังจากกดโทร. จนเจ็บนิ้ว เกือบสิบห้านาที ที่คนปลายสายถึงจะยอมกดรับ ดังนั้นอารมณ์ของเธอจึงคุคลั่งเต็มที่
“เธอเป็นแม่เจ้าหนูนี่เหรอ? ยินดีที่รู้จัก” อีธานตอบแบบสบายอารมณ์ เขายิ้มให้อันนา เมื่อเด็กชายโบกมือให้
อันนากำลังเล่นเครื่องเล่นที่มีไว้บริการ กลางห้างสรรพสินค้าไม่ไกลจากโรงเรียนของเขาเท่าไร