4. ไปอยู่เป็นเพื่อนฉันได้หรือไม่

2086 คำ
สามวันถัดมา “วันนี้จะออกไปไหนไหมลูกทับทิม” ภายในห้องรับประทานอาหารบนเรือนใหญ่ เสียงทุ้มแฝงไปด้วยความเอื้ออารีของเจ้าสัวเกียงผู้เป็นประมุขของบ้านเอ่ยถามลูกสาวคนเล็ก ซึ่งกำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่ในโต๊ะเดียวกัน “ไม่ได้ไปไหนเจ้าค่ะคุณพ่อ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าเจ้าคะ” คุณหนูทับทิมเอ่ยตอบ ขณะที่วางช้อนส้อมแบบตะวันตกลงบนจาน ดวงตาสวยมองใบหน้าของบิดาอย่างรอคอย “พ่อสั่งทำตู้หนังสือที่ร้านอาเ**กชอเอาไว้นานแล้ว เห็นเขาเพิ่งมาแจ้งว่าเสร็จพอดี เลยคิดว่าจะให้เอาไปไว้ที่เรือนดอกแก้ว ลูกทับทิมจะมีตู้ไว้ใส่หนังสือเพิ่ม” เจ้าสัวเกียงว่า ยินอย่างนั้นคุณหนูก็พลันแย้มยิ้มอย่างยินดี พักนี้ตู้หนังสือที่มีเริ่มเต็มจนล้นเพราะเธอนั้นรักการอ่าน ได้ทั้งหนังสือจากเพื่อนรุ่นพี่ของตัวเอง ทั้งหนังสือจากพี่ชายทั้งสองคน ไหนจะที่ไปเลือกซื้อมาเองอีก ตอนนี้แทบจะไม่มีที่ใส่ “จริงหรือเจ้าคะ ลูกกำลังจะขอคุณพ่ออยู่พอดี” “เขาจะมาส่งวันนี้แหละ น่าจะมาถึงช่วงบ่ายๆ เดี๋ยวให้ลูกให้บ่าวมันช่วยกันยกขึ้นไปแล้วกันนะ” ผู้เป็นบิดากล่าวยิ้ม เจ็กชอนั้นเป็นเพื่อนเล่นของเจ้าสัวเกียงมาตั้งแต่เด็ก แม้เติบใหญ่จนมีลูกเต็มบ้าน อายุล่วงเข้าสู่วัยกลางคนแล้ว พ่อของเธอมักจะหาเรื่องไปอุดหนุนที่ร้านอยู่เสมอ ตู้เสื้อผ้าตู้หนังสือหรือกระทั่งตู้ใส่เครื่องลายครามในครัวก็มาจากร้านของเจ็กชอทั้งนั้น “ขอบคุณคุณพ่อมากนะเจ้าคะ เช่นนั้นพรุ่งนี้ลูกไปซื้อหนังสือเพิ่มได้ไหมคะ หนังสือของพี่ธนินกับพี่ธนาลูกก็อ่านหมดแล้ว” เธอว่าขณะรอยยิ้มงดงามยังคงประดับอยู่บนใบหน้า “ไปสิลูก” “คุณพ่อจะไปห้ามลูกได้อย่างไรเล่าลูกทับทิม ลูกน่ะเป็นความภูมิใจของพ่อกับแม่นะ” คุณหญิงพูดอย่างปลาบปลื้ม หันไปที่ผู้เป็นพ่อก็พยักหน้าเออออกัน “หนังสือเป็นตั้ง น้องอ่านหมดแล้วรึเจ้าทับทิม” ด้านพี่ชายคนรองอย่างธนานั้นเอ่ยถามอย่างแปลกใจ เพราะยังพอจำจำนวนหนังสือที่ยกให้น้องสาวไปได้ บวกรวมกับหนังสือของพี่ชายคนโตแล้วนับได้ก็เป็นสิบเล่ม เวลาก็ผ่านมาราวเดือนกว่าแต่น้องสาวคนเล็กกลับอ่านมันจนหมดแล้ว ในความภูมิใจก็ยังมีความประหลาดใจอยู่พอสมควร “เจ้าค่ะพี่ธนา น้องว่างๆ ก็อ่านไปเรื่อยๆ สลับกับทำอย่างอื่น รู้ตัวอีกทีก็อ่านทั้งหมดจบแล้วเจ้าค่ะ” คุณหนูทับทิมไม่ค่อยพอใจนักที่พี่ชายมาประหลาดใจที่เธออ่านหนังสือเร็ว รู้สึกคล้ายเป็นการดูถูกอยู่พอสมควรว่าผู้หญิงไม่น่าอ่านหนังสือได้เร็วขนาดนี้ ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังไม่ได้แสดงความไม่พอใจออกไป เพราะไม่เห็นประโยชน์จากการทำแบบนั้น อีกทั้งยังรู้ว่าพี่ธนาก็แค่คิดแบบผู้ชายคนอื่นในสังคม แท้จริงแล้วก็ไม่ได้มีเจตนาร้าย “น้องทับทิมเธอหัวดีขนาดนั้นนี่เจ้าคะคุณพี่ ไม่เห็นต้องแปลกใจเลย” พี่นวลกล่าวพลางมองคุณหนูทับทิมอย่างชื่นชม เพราะอย่างนั้นคุณหนูคนเล็กจึงไม่ได้คิดว่าตัวเองโดนกระทบกระเทียบ เหตุการณ์คงแตกต่างกันหากคนพูดเป็นพี่สุดาสะใภ้คนโต “ก็จริงของแม่นวล เอาไว้พี่จะเอาหนังสือที่ออฟฟิศมาฝากน้องอีก ชอบเรื่องประวัติศาสตร์หรือไม่เล่า ที่ออฟฟิศพี่มีหนังสือประวัติศาสตร์อีกมากโข” พี่ธนาเอยถามต่อ ได้ยินดังนั้นคุณหนูทับทิมจึงพยักหน้า เพราะอันที่จริงเธอก็ชอบอ่านหนังสือทุกแบบ แต่ที่จะชอบที่สุดก็คงเป็นแบบปลุกใจ ทว่าหนังสือพวกนั้นเธอคงขอจากพี่ชายไม่ได้ “น้องอ่านได้ทุกอย่างเลยเจ้าค่ะพี่ธนา เอามาหลายๆ เล่มเลยได้ไหมเจ้าคะ” “ได้สิเจ้าทับทิม เดี๋ยวพี่ขนมาให้เย็นนี้เลย” “ขอบพระคุณเจ้าค่ะพี่ธนา” หลังรับประทานอาหารเสร็จ คุณหนูทับทิมก็เดินกลับมาที่เรือนดอกแก้วพร้อมกันกับนางรุ้ง เธอปฏิบัติกิจวัตรดังเช่นปกติคืออ่านหนังสือและทำงานฝีมือต่างๆ จนกระทั่งเวลาบ่ายมีบ่าวจากเรือนใหญ่มาตามว่าตู้หนังสือมาส่งแล้ว เธอจึงกลับไปที่เรือนใหญ่อีกครั้งโดยมีนางรุ้งคอยอยู่ข้างกายเสมอ ช่วงที่รออยู่ที่เรือนดอกแก้วนั้นมันได้รายงานเธอหลายเรื่อง หลักๆ ก็จะเป็นเรื่องที่เธอสั่งให้มันไปสังเกตการณ์นายเขื่องว่านิสัยลับหลังเจ้านายเป็นอย่างไร หลังจากเวลาผ่านไปสามวันก็ได้ความว่านายเขื่องนั้นไม่มีนิสัยชอบคุยโวจริงอย่างที่ว่า อีกทั้งยังก้มหน้าก้มตาทำงานแทบไม่สนใจผู้ใด มีบ้างที่ไปนั่งคุยกับพวกบ่าวผู้ชายคนอื่นๆ ทว่าส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นเพียงผู้ฟัง นางรุ้งลองไปถามบ่าวคนอื่นๆ ต่างก็พูดตรงกันว่านายเขื่องนั้นนิสัยดี แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงยังไม่คิดหาเมียออกเรือนเสียที ประจวบเหมาะกับคุณหนูเองก็จับตาดูอยู่เองด้วย เมื่อได้ความดังนี้จึงเกิดแผนใจขึ้นมา “นายเขื่อง ประเดี๋ยวช่วยคนอื่นๆ ขนของขึ้นไปที่เรือนดอกแก้วหน่อยนะ” คุณหนูทับทิมว่าด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน เมื่อเจอชายหนุ่มที่หน้าเรือนใหญ่เพราะนายเขื่องนั้นเพิ่งกลับมาจากข้างนอก “ได้ขอรับคุณหนู” “มีธุระต้องไปที่ไหนหรือเปล่าล่ะ ฉันว่าจะให้นายเขื่องอยู่เป็นเพื่อนฉันกับนางรุ้ง ตอนคนของเจ็กชอประกอบตู้เสียหน่อย พอดีฉันอยากจะอยู่ดูเขาประกอบตู้ด้วยตัวเอง” อันที่จริงแล้วเธอไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นเลยแม้แต่น้อย เพราะสามารถให้พวกบ่าวอยู่เฝ้าก็ได้ แต่เพราะเรือนดอกแก้วไม่ใช่สถานที่ที่ใครจะเดินเข้าออกตามอำเภอใจ การที่เธอจะอยู่ดูทุกกระบวนการจึงไม่ใช่เรื่องน่าผิดสังเกต “ไม่ได้ไปไหนแล้วขอรับคุณหนู” “ดี แล้วฉันจะกลับไปรอที่เรือนดอกแก้ว ทางนี้ก็ฝากนายเขื่องเป็นธุระให้หน่อยก็แล้วกัน” ว่าจบเธอก็ไม่ได้รอพูดคุยอะไรอีกเนื่องจากยังอยู่ด้านนอก ทั้งคุณหนูและนางรุ้งพากันเดินกลับมาที่เรือนดอกแก้ว รอเพียงไม่นานนางเขื่องก็เดินนำคนของเจ็กชออีกสามคนขึ้นมาบนเรือน ชายสามคนช่วยกันประกอบตู้เพียงอยู่พักใหญ่จนเสร็จและขอตัวกลับร้านกันไป โดยมีนางรุ้งตามไปส่งแทนเพราะคุณหนูทับทิมสั่งให้นายเขื่องอยู่ช่วยเธอขนของก่อน ในตอนนี้จึงมีเพียงคุณหนูคนเล็กวัยสิบเจ็ดปีและนายเขื่องอยู่กันตามลำพังบนเรือน “มีหนังสือในตู้เก่าที่ฉันอยากย้ายมาไว้ตู้ใหม่ คงต้องรบกวนนายเขื่องช่วยขนที” คุณหนูคนสวยว่าด้วยน้ำเสียงใจดี คล้ายกับเพียงต้องการขอความช่วยเหลือ ทั้งที่ใจจริงแล้วตั้งใจให้บ่าวชายเข้าไปในเรือนกับตนสองต่อสอง “เอาเล่มไหนไปบ้างหรือขอรับ” ด้านนายเขื่องนั้นแม้จะชะงักไปเพราะกลิ่นหอมบางอย่างที่แตะจมูกตั้งแต่เดินเข้าไปก้าวแรก แต่ก็ยังหันมาตอบรับเจ้านายสาวอายุน้อยอย่างสุภาพ “อืม เล่มเก่าๆ ที่เป็นวิชาการน่ะ ตู้ด้านในฉันจะได้เอาหนังสือใหม่มาใส่” คุณหนูทับทิมตอบก่อนจะเดินนำบ่าวหนุ่มเข้าไปในห้องนอน นายเขื่องชะงักไปอีกครั้งแต่ก็ยังเดินเข้ามาแต่โดยดี อาการแบบนั้นเรียกรอยยิ้มมุมปากของคุณหนูคนสวยได้เป็นอย่างดี “นายเขื่องอ่านหนังสือออกไหม” “อ่านออกอยู่บ้างขอรับคุณหนู” “ดี ถ้าอย่างนั้นไม่แน่ใจเล่มไหนก็ถามฉันแล้วกัน เดี๋ยวฉันจะเลือกหนังสืออยู่ตรงนี้” เสียงหวานเอ่ยขึ้นก่อนที่เธอจะเดินไปเติมผงกำยานหอมที่เพิ่งได้มาจากแม่หงส์ เพื่อนรุ่นพี่ที่เป็นลูกสาวเจ้าสัวคนจีนด้วยกัน พ่อของเธอทำธุรกิจเรือสำเภาได้สินค้าพวกนี้มาจากเมืองจีนอีกที กำยานนี้เป็นกำยานปลุกกำหนัด เธอตั้งใจจุดแล้วพานายเขื่องเข้ามาในห้องนี้ก็เพื่อดูว่าจะมีท่าทางอย่างไร นอกจากจะดูว่าไว้ใจได้หรือไม่เธอก็ยังอยากรู้ว่านายเขื่องสนใจเธอแค่ไหนด้วย คนอย่างคุณหนูทับทิมมั่นใจว่าตัวเองสวยก็จริงแต่ก็ยังเป็นเจ้านาย บ่าวที่เจียมตัวบางคนอาจไม่กล้ายุ่ง เธออยากดูเชิงก่อนว่าหากยั่วไปแล้วคนแบบนายเขื่องจะมีปฏิกิริยาที่น่าพอใจหรือไม่ “หนังสือห่อปกพวกนี้ล่ะขอรับคุณหนู เอาไปด้วยไหม” นายเขื่องเอ่ยถามขึ้น เป็นจังหวะเดียวกับที่คุณหนูเดินกลับมาพอดี เพราะอย่างนั้นเธอจึงเปลี่ยนทิศทางเดินไปหาชายหนุ่ม หญิงสาวเว้นระยะห่างเอาไว้พองามขณะที่ก้มดูหนังสือที่นายเขื่องถืออยู่ ในใจพอจำได้แล้วว่าเป็นเล่มไหนเพราะเธอห่อแต่ละเล่มแตกต่างกัน “ฉันจำไม่ได้ว่าเป็นเล่มไหน ลองเปิดหน้าแรกดูหน่อยสิ” แต่ถึงจะจำได้ทว่าเธอกลับบอกให้นายเขื่องเปิดอ่านเนื้อในเสียอย่างนั้น หนังสือเล่มนี้เป็นนวนิยายแปลมาจากภาษาอังกฤษ เนื้อหานั้นพูดถึงความรักต่างชนชั้นของคนรวยคนจน ดอกฟ้าหมาวัด ลูกสาวผู้ดีที่ลักลอบได้เสียกับลูกน้องของพ่อ ในเนื้อเรื่องนั้นพูดถึงเรื่องบนเตียงของทั้งสองคนอย่างเผ็ดร้อน และแน่นอนว่ามันบอกรายละเอียดในเรื่องเกือบทั้งหมดตั้งแต่หน้าแรก “เอ่อ…” นายเขื่องอึกอักหลังจากที่กวาดสายตาอ่านไปชั่วครู่ ใบหน้าคมคายนั้นเงยขึ้นมาสบตากับเธอ คุณหนูทับทิมยังคงทำสีหน้าใสซื่อแม้จะรู้ดีอยู่แก่ใจ “น่าจะเป็นนิยายน่ะขอรับคุณหนู” ได้ยินอย่างนั้นคุณหนูคนสวยจึงโน้มกายก้มลงไปมองใกล้ๆ เฉียดไหล่ของนายเขื่องไปเพียงครึ่งนิ้ว เธอได้ยินว่าบ่าวหนุ่มนั้นเผลอกลั้นหายใจ เห็นอย่างนั้นจึงยิ่งทรุดตัวย่อขาลงต่ำมากขึ้นกว่าเดิม เธอโน้มตัวก้มจนคอเสื้อห้อยลงเล็กน้อยพอได้เห็นเนินอกขาว กลิ่นหอมจากน้ำหอมฝรั่งแผ่กำจายไปในอากาศพาให้คนที่กำลังกลั้นใจถึงกับเผลอสูดหายใจเข้า “อย่างนั้นรึ เล่มนี้ฉันน่าจะไม่เคยอ่าน พอดีเพิ่งได้มาจากรุ่นพี่ตอนฉันไปเรียนภาษาฝรั่งน่ะ” “ข…ขอรับคุณหนู” “นายเขื่องเคยอ่านหนังสือพวกนี้ไหม” “มะ…ไม่เคยขอรับ” “เป็นอะไรอึกๆ อักๆ ฉันไม่กัดนายเขื่องหรอกน่า” คุณหนูทับทิมพูดยิ้มๆ ถึงอย่างนั้นก็ยังยอมถอยห่างออกมา ดวงตาสวยมองสีหน้าคล้ายคนที่กำลังทำอะไรไม่ถูกของนายเขื่องอย่างขบขัน ก่อนจะแสร้งเมินสายตาไปอีกฝั่งเมื่อเห็นว่านายเขื่องเอาหนังสือที่ถืออยู่ไปวางบนตัก กายสูงใหญ่ค้อมไปด้านหน้าก่อนจะหยิบอีกเล่มมาวางทับ คล้ายกับต้องการปิดบังอะไรบางอย่าง ไม่ต้องบอกคุณหนูคนสวยก็รับรู้ได้ทันที ความเป็นชายของชายหนุ่มคงเกิดตื่นขึ้นมา ได้เห็นอย่างนั้นคนเป็นเจ้านายที่ดมกำยานปลุกกำหนัดอยู่ในห้องเดียวกัน ถึงจะเปิดหน้าต่างอยู่ก็ยังไม่วายเสียววูบที่เม็ดละมุดขึ้นมาบ้าง เรียวขาขาวใต้ผ้านุ่งบดเบียดเข้าหากันขณะที่เหงื่อเริ่มผุดพราย เธอได้รู้ในสิ่งที่อยากรู้แล้ว คงต้องออกไปจากห้องนี้ก่อนที่อะไรๆ จะเลยเถิด นี่มันยังไม่ใช่เวลา “เดี๋ยวฉันจะออกไปรอด้านนอก นายเขื่องรีบเลือกหนังสือแล้วตาฉันมาแล้วกัน ส่วนหากอยากเอากลับไปอ่านสักเล่มสองเล่มก็เอาไปได้ อ่านจบแล้วค่อนเอากลับมาคืนฉัน” “ได้หรือขอรับ” “ได้สิ ถือว่าแบ่งๆ กันอ่าน เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันก็จะออกไปหาซื้อหนังสือมาเพิ่ม นายเขื่องพาฉันไปร้านหนังสือแถวตลาดทีนะ” “ได้ขอรับคุณหนู”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม