วันนี้ชายหนุ่มทำข้าวต้มหมูร้อนๆ ให้เธอ กลิ่นหอมกรุ่นด้วยรสมือที่คุ้นเคยเพราะได้ทานอาหารฝีมือเขามาหลายวันทำให้สาวน้อยอมยิ้ม การได้นั่งรับประทานอาหารพร้อมกันทุกวันทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นหัวใจ เริ่มพยายามซึมซับสถานะความเป็นสามีภรรยาตามที่เขาบอกเข้าไปทุกเมื่อเชื่อวัน
หลังจากอาการป่วยของหญิงสาวหายดีแล้ว กล้าก็ไม่ให้เธอออกไปตากแดดตากลมทำอะไรอีก แต่มิวายที่สาวน้อยจะนำขนมและน้ำดื่มเย็นๆ ตามติดไปให้ชายหนุ่มที่คิดว่าเป็นสามีเสมอๆ หลังจากทำงานบ้านเสร็จสิ้น แล้วก็พาตัวเองไปอยู่ใต้ร่มไม้เพื่อไม่ให้เขาคอยห่วงหน้าพะวงหลังทำงานได้อย่างเต็มที่ แล้วจูงมือกลับบ้านพร้อมกันในทุกๆ วัน
กล้ารู้สึกมีความสุขมากเมื่อมีหญิงสาวอยู่ใกล้ๆ เวลาเหนื่อยเธอคอยซับเหงื่อให้ ตื่นเช้าขึ้นมาได้รับรอยยิ้มสดใสอ่อนหวานเป็นอาหารตา ตกเย็นได้นั่งดูดาวและเป่าขลุ่ยให้เธอฟังก่อนนอนทุกค่ำคืน
“พี่กล้าเก่งจังค่ะ แก้วอยากทำเป็นบ้างจัง” สาวน้อยนั่งลงใกล้ๆ กับสามีมองเขาขะมักเขม้นกับการจักสานเครื่องใช้ต่างๆ อย่างเพลินตา
“หลับตาก่อนสิแก้ว พี่มีอะไรจะให้” กล้าบอกด้วยรอยยิ้มอบอุ่น สาวน้อยรีบหลับตาลงทันที “ลืมตาได้แล้ว”
ดาราลืมตาก็เจอกับโมบายรูปปลาที่เขาสานจากใบลาน หญิงสาวอมยิ้มรับมาถือเอาไว้อย่างชอบใจ
“สวยจังเลยค่ะพี่กล้า” เธอเอ่ยชมจากใจจริง
“ชอบหรือเปล่า พี่นั่งทำให้วันนี้เองนะ” กล้าบอกอย่างเอ็นดูพร้อมกับลูบศีรษะเล็กๆ ของหญิงสาวอันเป็นที่รัก
“ชอบมากค่ะพี่กล้า แก้วจะเอาไปแขวนที่หน้าต่างห้องนอนนะคะ จะได้มองมันทุกคืน” เธอรีบบอกก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้อง กล้าละมือจากงานตามเข้าไปด้วย ก่อนจะไปยืนซ้อนด้านหลัง
“อุ๊ย!” สาวน้อยอุทานเมื่อหันมาก็ตกอยู่ในอ้อมแขนแกร่ง กายร้อนผ่าวที่แนบมาชิดทำให้สาวน้อยรู้สึกขัดเขินทำอะไรไม่ถูก
“แขวนเสร็จแล้วเหรอ” กล้าเอ่ยถามมองความน่ารักของคนในอ้อมแขนด้วยสายตาลึกซึ้ง
“สะ... เสร็จแล้วค่ะพี่กล้า” ดาราก้มหน้างุดสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าว
“งั้นออกไปข้างนอกกัน แก้วอยากให้พี่สอนจักสานไม่ใช่เหรอ” เขาเอ่ยบอกจับจูงมือน้อยเดินตามออกไปด้านนอก ทำให้สาวน้อยลดความขัดเขินลงไปได้มาก เธอมองมือแกร่งที่กุมกระชับเอาไว้แล้วรู้สึกอบอุ่นใจ
สาวน้อยช่วยชายหนุ่มจักสานกระด้งที่ต้องขึ้นขอบ สำหรับเธอมันยากพอสมควรอีกทั้งยังต้องใช้แรงอยู่มาก
“ว้าย! อุ๊ย! ซี้ดด...” เสียงหวานร้องอุทานเมื่อโดนไม้ไผ่บาดเข้าให้ เลือดไหลออกมาทำให้เธอดึงมือหนี กล้ารีบจับประคองเอาไว้ แล้วดูดเลือดนั้นเอาไว้เพื่อห้ามเลือดไม่ให้ไหล สาวน้อยหน้าแดงร้อนเห่อเมื่อเห็นการกระทำของเขา กล้าใช้ปากดูดนิ้วห้ามเลือด สายตามองสบกับดวงตาสวยใส สาวน้อยก้มหน้างุดรู้สึกขัดเขินอย่างบอกไม่ถูก
“พี่จะทำแผลให้ แผลไม่เยอะ เดี๋ยวก็หาย เพี้ยง!” กล้าเป่าที่แผลเบาๆ ก่อนจะปฐมพยาบาลให้หญิงสาวแล้วพันผ้าสะอาดป้องกันสิ่งสกปรกแทรกซึมเข้าบาดแผล
หลังจากทำแผลเสร็จ สาวน้อยนั่งมองสามีทำงานของเขาไป เธอได้แต่คอยดูและชื่นชม เขาเงยหน้าขึ้นสบตาและยิ้มตอบเป็นบางครั้ง ทำให้เธอเสมองไปทางอื่นด้วยความรู้สึกหัวใจเต้นแรง
เมื่อได้เวลาทานอาหาร กล้าล้างไม้ล้างมือแล้วมานั่งข้างๆ ภรรยาเพื่อรับประทานอาหารเย็น ก่อนที่เขาจะพาสาวน้อยลงมานั่งตากลมที่ศาลาริมน้ำเหมือนเช่นเคย กล้าเป่าขลุ่ยเพลงลาวดวงเดือนให้เธอฟังก่อนเข้านอน ซึ่งกลายเป็นเพลงโปรดของทั้งสองในเวลาต่อมา
วันเวลาผ่านพ้นจากวันเป็นสัปดาห์ จากสัปดาห์เป็นเดือนที่สาวน้อยพำนักอยู่กับชายหนุ่มผู้รักสันโดษ มีหลายครั้งที่ดาราเหมือนจะจำอะไรได้บ้าง แต่เธอมักปวดหัวเมื่อครุ่นคิด จนกล้าห้ามปรามเพราะกลัวหญิงสาวจะปวดหัวมาก แม้ดาราจะเริ่มรู้สึกจำอะไรได้บ้าง หรือเห็นภาพตัวเองเลือนรางในอดีต แต่เพียงแวบๆ ก็หายไป แต่ความผูกพันที่เธอมีกับเขากลับแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น และสาวน้อยก็ปักใจเชื่อเสียสนิทว่าเขาคือสามีของเธอจริงๆ
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จสิ้นในทุกๆ เย็น สองสามีภรรยาก็จะมานั่งคุยกันที่ศาลาริมน้ำ ตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกัน ชายหนุ่มไม่เคยล่วงเกินหญิงสาวถึงขั้นได้เสียกันเลยสักครั้ง หากจะมีบ้างที่เผลอไผลกอดจูบให้ชื่นอกชื่นใจ และกล้าก็จะดึงตัวเองออกมาจากความรู้สึกลึกซึ้งนั้นเสียทุกครั้ง ดาราเองก็สัมผัสได้ว่าสามีมักหักห้ามใจที่จะเกินเลยกับเธอ เขาทำเพียงแต่กอดจูบ ทั้งๆ ที่เธอเองยินดีและเต็มใจจะมอบร่างกายและหัวใจให้เขา
กล้าจูงมือนิ่มขึ้นบ้านเพื่อเข้านอนเหมือนทุกครั้ง เขาบอกลาเธอด้วยจุมพิตที่หน้าผากนูนเกลี้ยง ห่มผ้าให้ก่อนจะปิดประตูให้อย่างเบามือและเดินมาทิ้งตัวลงนอนบนเก้าอี้ไม้ตัวยาวหน้าห้องของเขาเองเหมือนเช่นทุกๆ ค่ำคืน
คืนนี้สาวน้อยนอนไม่หลับ เพราะว่าเธอนึกเป็นห่วงชายหนุ่มผู้เป็นสามี กลัวว่าเขาจะหนาว เพราะแม้แต่อากาศในห้องนอนยังหนาวขนาดนี้
มือนิ่มสลัดผ้าห่มออกจากกาย เธอค่อยๆ เดินออกมาภายนอกห้อง คิดว่าควรจะนำผ้าห่มมาให้เขากันหนาวอีกผืน เพราะในห้องเขามีผ้าห่มสำรอง ในทุกๆ คืนเธอเห็นเขาห่มเพียงผ้าแพรผืนบางเท่านั้น
เท้าบางค่อยๆ ย่องออกมาหน้าห้อง เธอมองคนที่นอนขดตัวหนาวอยู่บนเก้าอี้ไม้อย่างสงสาร คิดสงสัยเอาว่าคนตัวโตเช่นเขา นอนได้อย่างไรในพื้นที่คับแคบเช่นนี้
มือนิ่มนำผ้าห่มห่มให้เขาอีกผืน คนตื่นไวแม้มีอะไรมาสะกิดหรือได้ยินเสียงอะไรเล็กน้อยสะดุ้ง รีบดึงมือนิ่มเอาไว้เพราะคิดว่าเป็นคนร้าย
“อุ๊ย!” ร่างของสาวน้อยล้มลงทาบทับบนอกแกร่งที่อัดแน่นไปด้วยมัดกล้าม ดวงตาสองคู่สบกันอย่างสื่อความหมาย สาวน้อยสะเทิ้นอาย หลบสายตาที่มีแววหวานส่งมาอย่างเสน่หา...
ดวงดาวมองบิดามารดาที่นั่งปรึกษาหารือเรื่องดาราอย่างเคร่งเครียดด้วยความสาแก่ใจ นานนับเดือนแล้วที่บิดาให้คนออกตามหาน้องสาว แต่ก็ไร้วี่แวว
เธอยิ้มร้ายกาจเมื่อจับใจความว่าท่านทั้งสองจะไม่แจ้งความเพราะกลัวเสียชื่อเสียง และกลัวฝ่ายว่าที่คู่หมั้นของน้องสาวจะรู้ เพียงแค่นี้เธอก็พึงพอใจมากแล้ว ให้นังน้องหน้าโง่กลายเป็นปุ๋ยไปพร้อมกับดินยิ่งดี จะได้ไม่มีใครตามตัวเจอ ดวงดาวปรับสีหน้าแกล้งทำเป็นเศร้าสร้อย ถืออาหารเสริมและยาเข้าไปให้ท่านทั้งสอง เมื่อเห็นว่าพวกท่านคุยกันเสร็จสิ้นและต่างเงียบเชียบอย่างใช้ความคิด
“คุณพ่อกับคุณแม่ทานยาแล้วทานอาหารเสริมหน่อยนะคะ” ดวงดาวคุกเข่าลงบนพื้นยื่นยาและน้ำให้บิดามารดา ท่านทั้งสองรับไปทาน ก่อนจะรับอาหารเสริมบำรุงร่างกายไปทานต่อจากนั้น
“ขอบใจมากนะแม่ดาว ไปนอนเถอะ พ่อกับแม่ก็จะนอนแล้วเหมือนกัน” คุณนวลเอ่ยบอกบุตรสาวคนโต
คำไล่กลายๆ นั้นทำให้ดวงดาวนึกขุ่นในใจ แต่ก็ไม่แสดงออกให้มีพิรุธ เธอรู้ดีว่าแม้จะทำดีแค่ไหน เธอก็ไม่เคยเป็นลูกรักของบิดามารดาไปได้ ไม่เหมือนดารา ไม่ว่าจะทำอะไรก็ดูดี ดูถูกเสมอในสายตาของท่านทั้งสอง เธอแกล้งเดินออกมา ทำทีว่าพ้นห้องไปแล้ว ก่อนจะย้อนกลับไปอีกครั้ง เพื่อแอบฟังบิดามารดาคุยกันต่อ และคำบอกเล่าของบิดาที่พูดกับมารดาว่ายังตามหาดาราไม่เจอ แถมยังไร้วี่แววจนหนทางไม่รู้จะไปหาที่ไหน ทำให้เธอสะใจเป็นอันมาก!!!
ส่วนมารดาก็ขอร้องให้แจ้งตำรวจ จะได้สืบเสาะหาตัว แต่บิดานั้นห่วงหน้าตาและกลัวเสียชื่อเสียงจึงยังไม่ยอมแจ้งความให้เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต เนื่องจากดาราเขียนจดหมายเอาไว้ว่าไม่อยากแต่งงานและหนีออกจากบ้านไปเอง ไม่ใช่เพราะถูกลักพาตัวหรือใครฉุดไป คุณพร้อมพงศ์จึงคิดว่ายังไงก็ต้องหาตัวบุตรสาวจนเจอให้จงได้
“ว่าไง คุณพ่อกับคุณแม่นอนแล้วเหรอ” สมภพเอ่ยถามภรรยาที่เดินเข้ามาในห้องขณะที่เขานั่งอ่านเอกสารเกี่ยวกับงานอยู่บนเตียง
“ยังหรอกค่ะ ดาวเอายากับอาหารเสริมไปให้ท่านทานแล้ว ท่านกำลังคุยเรื่องยัยดาอยู่ค่ะ