เปลื้องผ้า

1204 คำ
วางร่างบางลงบนแท่นหินที่เขาเพิ่งลุกขึ้นเมื่อครู่ มองสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้าหญิงใบ้เช่นไรจึงมีใบหน้างดงามเพียงนี้ หรืออาจเพราะนางเสแสร้งให้ชิงกวานอ๋องหลงใหลนางเพื่อแผนการบางอย่างเห็นได้ชัดว่า นางใช้ชีวิตปกติกับชิงกวานอ๋องเขาได้ยินว่านางฟังออกทว่าไม่ยอมเปล่งเสียง เป็นไปได้มากว่าแสร้งทำเพื่อให้ชิงกวานสงสาร ใช้กระบวยทำจากผลฝักแห้ง ผ่าครึ่งตักน้ำในอ่างหิน สาดเข้าใส่ใบหน้าของเสี่ยวเจิ้งอย่างแรง “แค่กๆๆๆ แอ่กๆๆๆๆ ปล่อย…” ด้วยความตกใจและยังคิดว่าถูกจับตัวไว้จากบุรษผู้อำพรางตัว เสี่ยวเจิ้งจึงเผลอพูดออกมาเป็นคำพูดชัดเจน อินเฉิงยิ้มหยันสาดน้ำเข้าใส่ใบหน้าอีกครั้ง เสี่ยวเจิ้งลืมตามอง ใบหน้าหล่อเหลาที่จำได้ขึ้นใจว่าคือฮ่องเต้แคว้นเหว่ยที่เคยดูแคลนเสี่ยวเจิ้งกับจงหลินในวันนั้น ก็ผละถอยห่างด้วยความกลัว “เสแสร้งยิ่งนัก” เสี่ยวเจิ้งผุดลุกขึ้น อาภรณ์สีขาวเปียกปอนหนาวสั่น ผ้าแพรบางเบาแนบเนื้อเนียนมองเห็นเนื้อหนังและอกอวบอิ่มชัดเจน แม้จะหนาวแค่ไหนก็ฝืนใจรีบวิ่งออกจากตรงนั้น แต่อินเฉิงคว้ามือบางกระชากสุดแรงจนร่างเล็กชนเข้ากับแท่นหินจุกแอ่ก “จะไปไหน เจ้าต้องอยู่ที่นี่” เสี่ยวเจิ้งส่ายหน้าไปมาแววตาอ้อนวอนส่งภาษามือวุ่นวายบอกว่า เสี่ยวเจิ้งทำอะไรให้จึงต้องจับตัวมาแบบนี้ ก่อนจะก้มลงคุกเข่ากับพื้นคิดว่าตัวเองเผลอไผลล่วงเกินอะไรอินเฉิงจึงถูกจับตัวมา “พูดมา ข้าเห็นชัดว่าเจ้าพูดได้ไม่จำเป็นต้องมาทำให้ข้าสงสารคนอย่างข้าไม่หลงกลเจ้าแน่” เสี่ยวเจิ้งส่งภาษามือบอกว่า ฝ่าบาทจับเสี่ยวเจิ้งมาแบบนี้ท่านอ๋องจะต้องวุ่นวายตามหาเพราะความเป็นห่วง อินเฉิง แววตาวาวโรจน์ด้วยความไม่พอใจรู้สึกว่า เสี่ยวเจิ้งเอาชิงกวานอ๋องมาขู่เขา “เปลื้องผ้าเจ้าออก” เสี่ยวเจิ้งยกมือกอดอกด้วยความกลัวลุกขึ้นตั้งใจจจะวิ่งหนีอีกครั้ง “เขา เหมันต์เป็นที่ตั้งวังฤดูหนาวของข้ามีทางลงเพียงทางเดียวนอกนั้นเป็นหุบเขาล้อมรอบคิดว่าจะหนีได้หรือ แล้วอีกอย่างทางขึ้นลงข้าเลี้ยงเสือไว้ มันจะคอยขบกัดคนที่ไม่คุ้นเคยนอกจากข้าจึงขึ้นลงได้ เจ้าไม่อาจจะผ่านพยัคฆ์ร้ายตัวนั้นไปได้” เสี่ยวเจิ้งทรุดกายลงกับพื้นทั้งหนาวทั้งเหนื่อยปวดไปหมดทั้งร่างเพราะต้องพาดอยู่บนหลังม้าระหว่างเดินทาง ไร้หนทางต่อกรนั่งนิ่งไม่ยอมขยับกาย “หากได้ยินแล้วก็ถอดอาภรณ์เจ้าออกเสีย” จวนอ๋อง “ท่านอ๋องจนป่านี้ยังไม่พบคุณหนูเจิ้ง” หยวนกังเข้ามารายงานความคืบหน้าในการค้นหาเสี่ยวเจิ้ง ชิงกวานอ๋องหลับตาช้าๆ “บางที อาจเป็นคนพวกนั้นพวกที่ต้องการเอาชีวิตข้า พวกเขารู้ดีว่านางช่วยข้าจึงแค้นเคืองกลับมาทำร้ายนาง ข้าผิดเองที่วางใจคิดว่าไม่มีอะไรน่าห่วง หยวนกังหยิบกระบี่มาให้ข้าข้าจะเข้าวังหลวง สอบถามชินอ๋องเรื่องการจับตัวเสี่ยวเจิ้ง” ชิงกวานอ๋องปักใจว่าเป็นชินอ๋องอินฉาง ด้วยคนที่เป็นคนกล้าคิดกล้าทำจึงตั้งใจไปสอบถามเอาความจริงด้วยตัวเอง “ท่านอ๋อง ชินอ๋องตอนนี้ดูแลวังหลวงแทนฝ่าบาทที่ออกไปประพาสป่า” “ฮ่องเต้ไปประพาสป่าอย่างนั้นหรือ ทำไมข้าจึงไม่ทราบเรื่องนี้” “ครั้งนี้ฝ่าบาทเดินทางกับองครักษ์คนสนิทไม่กี่คน และขบวนเสด็จน้อยนิด ไม่เท่ากับปีก่อนๆ แล้วอีกอย่างฝ่าบาทคงเห็นว่าท่านอ๋องทรงบาดเจ็บจึงไม่ได้ชวน” “เพราะเหตุนี้อินฉางจึงกระทำตามใจ ข้าจะต้องสืบหาความจริงให้ได้ว่าเขานำเสี่ยวเจิ้งไปซ่อนไว้ที่ไหน” โบกมือให้หยวนกังเข็นรถไม้ไปยังวังหลวง วังหลวง “เจ้าว่าอย่างไรนะตงฟางหัว” “ฝ่าบาททรงแยกไปเพียงลำพัง ป้อคุนคุมกำลังคนยังด่านกวงเหมินไม่ได้ติดตามฝ่าบาทไปประพาสป่า”หมิงเยว่ผุดลุกขึ้นจากแท่นนอน “ท่านหาป้อคุนพบไหม ส่งข่าวบอกเขาว่าข้าป่วยหนักอาการเป็นตายเท่ากันกราบทูลฝ่าบาทให้รีบเสด็จกลับ”ตงฟางหัวประสานมือ “แล้วอย่าลืม แพร่ข่าวออกไปว่าข้าตอนนี้ร่างกายอ่อนแรงห้ามใครเข้ามารบกวน” แววตาเจ้าเล่ห์ผิดกับเมื่อครั้งอยู่ต่อหน้าอินเฉิง “เจ้าเรียกชินอ๋องพบข้า บอกว่าข้ามีเรื่องหารือเรื่องที่ฝ่าบาททรงเร้นกายออกจากขบวนประพาสป่า”หันไปทางนางกำนัลข้างกาย นางกำนัล ย่อกายก้าวขาออกจากห้องไป หมิงเยว่ลุกขึ้นมายืนที่หน้าต่างทอดสายตาออกไปไกลสุดไกล “ฝ่าบาทปิดบังซ่อนเร้นเรื่องอะไรไว้กันแน่ ข้าพยายามทำทุกอย่างให้ได้อยู่ในใจฝ่าบาท แต่ที่ได้มาเพียงแค่ความสงสารหาใช่ใจของฝ่าบาทไม่” หลับตาลงช้าๆ รู้ดีว่าการแสร้งว่าป่วยอีกไม่นานคงไม่อาจเสแสร้งต่อไปได้ แม้จะอยากตั้งครรภ์เพื่อผูกมัดและทำให้ตำแหน่งฮองเฮามั่นคง ทว่าหมอหลวงกับพูดไว้ชัดเจนว่าเป็นเพราะหมิงเยว่ใช้ยาเพื่อทำให้ร่างกายอ่อนแรง และซูบผอมเพื่อให้ฝ่าบาทสงสารบัดนี้มีผลต่อการตั้งครรภ์ “เปลื้องอาภรณ์เจ้าออกเสีย” เสี่ยวเจิ้งยกมือบางดึงอาภรณ์ลงช้าๆ จากหัวไหล่ไล่ลงมาเรื่อยๆ จนเผยให้เห็นไหล่เนียนที่น่าจุมพิตอย่างที่สุด เวลานานเหมือนชั่วกัปชั่วกัลป์แต่ในที่สุดก็หยุดมือกอ่นจะเผยให้เห็นอกอิ่ม อินเฉิงกลืนน้ำลายลงคอเกลียดตัวเองที่รู้สึกเสียดาย เสี่ยวเจิ้งส่งภาษามือบอกว่าเสี่ยวเจิ้งแค่เพียงหญิงบ้านป่าอย่าทำอะไรเลย ฝ่าบาทมีสนมนางในงดงามมากมาย อินเฉิงยิ้มมุมปากระชากร่างบางให้ลุกขึ้น จ้องตากลมโตที่ตื่นกลัว “ข้าไม่มีทางแตะต้องเจ้า ในเมื่อเจ้ามันก็แค่หญิงที่อาศัยความน่าเห็นใจ ยั่วยวนผู้คนรอบกาย ข้าแตะต้องเจ้าก็เท่ากับหลงกลเจ้าเหมือนท่านอา ที่ให้เปลื้องผ้าเพราะอาภรณ์ที่เจ้าสวมใส่มันเป็นผ้าเนื้อดีเกินไป” โยนอาภรณ์สีทึมเก่าคร่ำคร่าลงบนใบหน้าเสี่ยวเจิ้งก่อนจะหันหลังกลับเข้าไปในตำหนัก “ข้าหิวแล้ว เปลี่ยนอาภรณ์และทำเครื่องเสวยอย่าคิดว่าจะได้อยู่สบายที่นี่ เจ้ามันก็แค่สาวใช้ต่ำชั้น คิดจะมาเป็นชายาอ๋องอย่างท่านอาไม่มีทาง” เสี่ยวเจิ้งตะลึงตาค้างเมื่ออินเฉิงเผยคำพูดออกมา คิดไปเองว่าเสี่ยวเจิ้งเข้ามาเพื่อหวังเป็นชายาอ๋อง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม