แสงไฟจากเสาไฟฟ้าต้นเล็กข้างสวนสาธารณะส่องแสงเจิดจ้า ทั้งที่ตอนนี้เวลาตี 2 แล้ว แต่สถานที่แห่งนี้กลับยังมีผู้คนเดินประปราย หลังจากที่ทั้งสองได้ทานข้าวขาหมูจนหนำใจแล้ว พวกเขาก็ยังไม่อยากจะกลับไปที่ห้องในทันที อิทอาสาขับรถพาอีกฝ่ายมานั่งเล่นที่สวนสาธารณะเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ
“อากาศดีจัง” สิสูดหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าเต็มปอดหลังจากที่ทานอาหารมื้อดึกจนอิ่มแปล้ ทำให้เขาให้รู้สึกโล่งสบายปลอดโปร่งอย่างบอกไม่ถูก
“อืม...แต่แอบเย็นไปนะ” อิทเห็นด้วยที่อากาศดี แต่ความรู้สึกของเขาในตอนนี้กลับคิดว่ามันออกจะเย็นไปหน่อย ทำให้รู้สึกง่วงนอนเสียมากกว่า
“หาว...”
“ก็ไม่นะ...อากาศกำลังดีเลย” สิพูดก่อนจะพาตัวเองไปนั่งที่ม้านั่งริมน้ำ แสงจากโคมไฟข้างทางส่องสะท้อนผิวน้ำที่มืดสนิทให้เป็นประกายเงาจางๆ
“พวกชอบอากาศเย็น...” อิทบ่นอุบแต่ก็ยอมเดิมตามมานั่งข้างๆ พลางเงยหน้าขึ้นมองดูดาวบนท้องฟ้าอย่างใจลอย
“คงประมานนั้น” สิยิ้มรับอย่างคนอารมณ์ดีแล้วกวาดสายตามองไปบริเวณโดยรอบอย่างนึกสนใจ
“ดึกป่านนี้แล้วก็ยังมีคนอยู่เหรอเนี่ย” ชายหนุ่มพูดขึ้นเมื่อเห็นคู่หนุ่มสาวเดินไปมาในสวนสาธารณะ
“อืม...คงงั้น”
“มาเป็นคู่ๆ เลยแฮะ” สิหัวเราะเบาๆ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะอยู่ผิดที่ผิดทางซะแล้ว บรรยากาศที่ดูโรแมนติกแบบนี้มันช่างไม่เข้ากับพวกเขาเลยจริงๆ
อุ๊บ! นี่เราเผลอพูดอะไรออกไปรึเปล่า แย่แล้ว! เผลอพูดแทงใจดำอิทจนได้
“พวกคู่รัก” อิทพูดขึ้น “เลิกกันซะ!” แล้วเจ้าตัวก็ออกปากจะแช่งเหล่าคู่รักที่อยู่ตรงหน้าเขาด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์
“…” สิถึงกับแอบตกใจเผลอเอามือปิดปากอีกฝ่ายแทบไม่ทัน
“นายพูดอะไรน่ะ เดี๋ยวคนอื่นก็ได้ยินกันหมดหรอก” สิว่าแล้วรีบหันไปมองรอบๆ อย่างหวาดระแวง ก่อนเจ้าตัวจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อไม่มีใครอยู่แถวนี้แล้ว
“เฮ้อ! ถ้ามองแล้วรู้สึกไม่ดีก็กลับกันเถอะ” สิเอ่ยชวน
อิทพยักหน้ารับ “อืม”
“โอ๋ๆ อย่าคิดมาก” เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าทางหงอยๆ เหมือนแมวป่วย สิเลยยกมือขึ้นลูบหัวคนนั่งข้างๆ เบาๆ เพื่อเป็นการปลอบใจ
“โอ๋พ่อง!!!” อิทรีบปัดมือของสิออกอย่างหัวเสียก่อนจะรีบลุกเดินหนีไปทันที
“ฮ่าๆ ก็เห็นทำหน้าหงอยๆ เหมือนหมาป่วย ไอ้เราก็อุตส่าห์หวังดี...หึๆ” สิกระตุกยิ้มมุมปากนิดๆ พลางยักไหล่เป็นเชิงช่วยไม่ได้ทีหนึ่งแล้วเดินนำหน้าอีกฝ่ายไปที่รถ
“ชิ…”
ภายในห้องพัก
เสียงคลิกเมาส์ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องอีกครั้งในเวลาตี 2 กว่าๆ หลังจากกลับมาสิรภพก็ทำงานต่ออีกครั้งอย่างมุ่งมั่นโดยมีอิทธิพัชร์นอนฟุบหลับอยู่ข้างๆ เป็นเพื่อนเช่นเคย
“ถ้าง่วงแล้วก็ไปนอนเถอะ” สิเหลือบไปมองคนที่นอนฟุบหลับข้างๆ อย่างปลงๆ ท่าทางจะง่วงนอนจนแทบจะฝืนลืมตาต่อไปไม่ไหวแล้ว แต่ก็ยังพยายามฝืนเพื่อที่จะอยู่เป็นเพื่อนและดูเขาทำงาน
“นายไม่จำเป็นต้องมานั่งเฝ้าฉันแบบนี้ก็ได้”
“อืม...” อิทส่งเสียงเอื่อยๆ ในลำคอ แต่ก็ยังไม่ยอมขยับตัวลุกขึ้นเพื่อไปนอน เขายังคงนั่งอยู่ข้างๆ เหมือนเดิม
“ยังไม่ค่อยอยากกลับไปนอนน่ะ” ขณะที่พูดดวงตาของอิทก็แทบจะปิดแหล่ไม่ปิดแหล่ แต่เขาก็ยังพยายามฝืนทน
“งั้นก็ตามใจนายก็แล้วกัน”
ผ่านไป 15 นาที
“นี่...” อิทสะกิดคนนั่งข้างๆ
“หืม...” สิขานรับ แต่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์
“นายเคยมีแฟนรึเปล่า?” จู่ๆ อิทก็พูดทำลายความเงียบขึ้นมา เป็นผลให้สิที่กำลังทำงานอยู่ถึงกับชะงักในทันที
“ก็มีอยู่คนหนึ่ง...แต่เลิกกันไปแล้ว”
“ทำไมอ่ะ?” ชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้นอย่างนึกสงสัย
“เขาไปมีคนใหม่น่ะ” สิเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มอย่างคนที่พยามยามฝืนยิ้มทั้งๆ ที่ในใจยังคงรู้สึกเศร้ากับเรื่องราวและเหตุการณ์ที่ผ่านมา
“แล้วนายเสียใจรึเปล่า?”
“ก็ไม่รู้เหมือนกันสิ” ชายหนุ่มตอบพลางเบือนหน้าไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ต่ออีกครั้ง
“แปลกแฮะ” อิทธิพัชร์มองใบหน้าด้านข้างของอีกฝ่ายอย่างนึกสงสัย แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกเหมือนกับว่าคนตรงหน้าเขาดูเศร้าอยู่ลึกๆ
“นายออกจะเป็นคนดียังโดนทิ้ง ตอนนี้ฉันเริ่มไม่แปลกใจแล้วล่ะว่าทำไมตัวเองถึงโดนทิ้งได้”
เจ็บปวดงั้นเหรอ? แล้วทำไมนายต้องฝืนยิ้มด้วยล่ะ...
“ทำไมเหรอ?” สิเอ่ยถาม
“คงเป็นเพราะดีเกินไปละมั้ง...” อิทอดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะให้ตัวเอง
เพราะรักและไว้ใจมากเกินไปสินะเลยโดนหักหลัง เฮ้อ!
“ช่างกล้าพูดนะนาย” สิส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะแกล้งยกมือไปผลักหัวของอีกฝ่ายด้วยความหมั่นเขี้ยว
“ถ้านายเป็นผู้หญิง...คงดีไม่น้อย” อิทเผลอจ้องใบหน้าของสิอย่างใจลอย
“ห๊ะ! นายว่าอะไรนะ!” สิถามอีกครั้งเนื่องจากเมื่อครู่เขามัวแต่จดจ่อสมาธิอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์เลยฟังไม่ชัดว่าอีกฝ่ายพูดอะไรกันแน่
“ถ้านายเป็นผู้หญิง...ฉัน...จะ...จีบนาย ได้ยินชัดพอไหม?” อิทเอ่ยเน้นย้ำอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“พูดแบบนี้หาเรื่องกันนี่หว่า” สิขมวดคิ้วแล้วยกมือขึ้นเตรียมจะโบกศีรษะคนปากไม่ดี
“เดี๋ยวปั๊ดโปก...”
ทว่าสิยังพูดไม่ทันขาดคำน้ำหนักตัวของคนข้างๆ ก็ถ่ายเทมาที่บ่าของเขาบ่งบอกว่าตอนนี้อีกฝ่ายได้เข้าสู่ห่วงนิทราไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งๆ ที่เมื่อครู่ยังคุยกันอยู่ดีๆ แท้ๆ
“...”
“หลับไปซะงั้น” สิรภพบ่นออกมาเบาๆ กับตัวเอง
“เฮ้อ! สงสัยเรื่องที่ว่าเวลาคนอกหักมักจะทำตัวประหลาดๆ นี่ท่าจะจริง” ชายหนุ่มพูดพลางส่ายหน้า ก่อนจะค่อยๆ ประคองใบหน้าของอิทให้นอนฟุบลงไปที่โต๊ะ ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปที่เตียงนอนและหยิบผ้าห่มติดมือมาด้วย
“นอนแบบนี้ปวดคอไม่รู้ด้วยนะเว้ย!” สิพูดพร้อมกับห่มผ้าให้คนตรงหน้าอย่างเบามือ ชายหนุ่มเท้าแขนลงบนโต๊ะแล้วใช้หมอนรองศีรษะอีกฝ่ายพร้อมกับเอื้อมมือไปเกี่ยวปอยผมที่หล่นลงมาปรกหน้าของอิทอย่างแผ่วเบา
“หลับสบายเชียวนะนาย”