“ก็... พิมลูกแม่ผึ้งยังไงล่ะคะ”
“พิมลูกแม่ผึ้ง?”
ป้าเจียมพยายามนึกอีกรอบ และก็ทวนชื่อนั้นซ้ำไปซ้ำมา ก่อนจะร้องอ๋อเสียงดัง
“อ๋อ นึกออกแล้ว หนูพิม ลูกนังน้ำผึ้ง”
“ใช่ค่ะป้าเจียม พิมเอง” พริมาดีใจมากที่ป้าเจียมจำหล่อนได้ในที่สุด
“แล้วนี่โทรหาป้ามีอะไรหรือเปล่า”
ที่ป้าเจียมถามแบบนั้นก็เพราะว่าหล่อนกับน้ำผึ้งแม่ของพริมาไม่ได้ติดต่อกันมาเกือบสองปีแล้ว ตั้งแต่น้ำผึ้งพาครอบครัวย้ายออกจากกรุงเทพฯ กลับไปที่ต่างจังหวัด
“คือ... พิม...”
น้ำเสียงอึกอักของพริมาทำให้ป้าเจียมพอจะเดาได้ว่าต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่ๆ ไม่อย่างนั้นเด็กนิสัยอ่อนน้อมถ่อมตนและขี้เกรงใจคนอย่างพริมาคงไม่บากหน้าโทรมาหาหล่อนถึงที่นี่
“มีอะไรก็บอกป้ามาเถอะ ถ้าป้าช่วยได้ ป้าจะช่วยอย่างเต็มที่”
พริมาน้ำตาไหลพราก ซาบซึ้งกับน้ำใจของเพื่อนแม่นัก ความจริงหล่อนไม่ต้องการจะรบกวนป้าเจียมเลย แต่หล่อนหมดหนทางแล้วจริงๆ
“ป้าเจียมจ๋า... ตอนนี้พิมอยากได้งานที่ได้เงินก้อนใหญ่”
“งาน?”
“คือกิ่งน่ะจ้ะ กิ่งต้องผ่าตัดด่วน พิมไม่รู้จะไปเอาเงินจากตรงไหน”
เสียงร้องสะอึกสะอื้นของพริมาทำให้ป้าเจียมอดเวทนาไม่ได้
พริมาเป็นเด็กสาวหน้าตาสะสวย และถึงแม้จะไม่เคยตบแต่งใบหน้าด้วยเครื่องสำอางค์เลย แต่กระนั้นเด็กสาวคนนี้ก็สวยหวานได้อย่างน่าทึ่ง
“เงินมากขนาดไหนกัน หนูพิม”
“สามแสนจ้ะป้า”
“โห ตั้งสามแสน ทำงานอะไรจะได้เยอะขนาดนี้ล่ะ”
ป้าเจียมพูดออกมาแผ่วเบา และนั่นก็ทำให้พริมารู้ดีว่าหมดหนทางแล้ว
“พิมก็ยังคิดไม่ออกเลยค่ะป้าเจียม” หญิงสาวยังสะอึกสะอื้นไม่หยุด “พิมขอโทษที่โทรมารบกวนป้าเจียมนะคะ พิมขอตัวก่อน...”
“เดี๋ยวสิหนูพิม...” ป้าเจียมนึกขึ้นได้ “ป้าพอจะนึกออกแล้วว่างานอะไรจะได้เงินสามแสน”
ดอกแห่งความหวังที่ห่อเหี่ยวลงไปแล้วชูชันขึ้นมาราวกับได้รับหยาดฝน
“งานอะไรคะป้าเจียม พิม... พิมทำได้ทั้งหมด ขอเพียงให้ได้เงิน...”
“อุ้มบุญ”
“อุ้มบุญเหรอคะ”
“ใช่ อุ้มบุญให้กับเจ้านายป้าเอง หนูพิมสนใจไหม ค่าจ้างหนึ่งล้านบาท”
แม้จะรู้ว่างานนี้ไม่ใช่งานที่ควรจะทำ แต่หล่อนไม่มีทางเลือกแล้ว
“ทำ... ทำค่ะป้าเจียม”
“งั้นป้าถามตรงๆ เลยนะ หนูพิมยังบริสุทธิ์อยู่หรือเปล่า คือเจ้านายของป้าต้องการสาวพรหมจรรย์ และที่สำคัญเมื่อคลอดลูกแล้วจะต้องยกลูกให้กับเจ้านายของป้า และไม่ติดต่อกันอีกเลย”
“พิม... ยังบริสุทธิ์อยู่ค่ะป้าเจียม” หล่อนจำต้องตอบออกไปอย่างกระอักกระอ่วน
“เอ่อ ส่วนเรื่องลูก พิมยินดีทำตามขอตกลงค่ะ”
“งั้นก็ดีมาก เดี๋ยวป้าจะบอกเจ้านายป้าให้ และจะเรียกให้หนูพิมขึ้นมาทำสัญญาที่กรุงเทพฯ มาได้ไหม”
“พิมย้ายกลับมาอยู่กรุงเทพฯ ตั้งแต่ต้นปีแล้วค่ะป้าเจียม”
“อ้าว จริงเหรอเนี่ย งั้นก็ดีเลย เอาเป็นว่าเย็นนี้ ถ้าหนูพิมว่างก็มาหาป้าได้เลย จะได้ทำสัญญาและเอาเงินไปรักษาหนูกิ่งไง”
หล่อนเม้มปากเป็นเส้นตรง และกำกระบอกโทรศัพท์แน่นขึ้น
“ค่ะ เย็นนี้หนูจะเข้าไปทำสัญญาค่ะ”
“งั้นป้าจะเรียนเจ้านายให้รอหนูนะ”
“ค่ะ ป้าเจียม หนูขอบคุณป้าเจียมมากนะคะที่ช่วยเหลือหนู” หล่อนพูดออกไปอย่างซาบซึ้งใจ “ขอบคุณจริงๆ ค่ะ”
“หนูไม่โกรธป้าใช่ไหมที่หยิบยื่นงานแบบนี้ให้”
“ไม่ค่ะ หนูไม่โกรธป้าเจียมหรอก ในเมื่อทางนี้มันยังดีกว่าให้หนูไปขายตัวอย่างที่คิดเอาไว้ตอนแรก”
ป้าเจียมเต็มไปด้วยความเวทนาสงสารพริมา “นี่ถ้าป้ามีเงินเก็บถึงสามแสน ป้าคงจะให้หนูพิมยืม แต่นี่ป้ายังมีไม่ถึงหมื่นเลย”
“ไม่เป็นไรค่ะป้าเจียม แค่นี้พิมก็ขอบคุณมากมายแล้วค่ะ เอาไว้เจอกันตอนเย็นนะคะ พิมจะรีบเข้าไปหา”
ป้าเจียมบอกที่อยู่ให้กับพริมาเสร็จก็ย้ำอีกเรื่องเมื่อนึกขึ้นได้
“ป้าลืมบอกไปอีกเรื่อง แต่งตัวสวยๆ หน่อยนะหนูพิม เจ้านายป้าจะได้ไม่ปฏิเสธ”
“ค่ะป้าเจียม”
“งั้นไว้เจอกันนะหนูพิม”
ป้าเจียมวางสายจากพริมาแล้วก็รีบเดินกลับเข้าไปในห้องรับแขก และรายงานคุณหญิงปรานี
“คุณผู้หญิงคะ ได้คนแล้วค่ะ”
“ทำไมเร็วนักล่ะแม่เจียม”
ป้าเจียมยิ้มหน้าเจือน ก่อนจะสารภาพออกไป “คือเมื่อกี้ลูกสาวของเพื่อนโทรมาของานทำน่ะค่ะ เห็นว่าต้องรีบใช้เงินผ่าตัดน้องสาว ดิฉันจำได้ว่าลูกสาวเพื่อนคนนี้นิสัยดีและหน้าตาสะสวยก็เลยเสนองานอุ้มบุญไปน่ะค่ะ แล้วแม่หนูคนนี้ก็ยินดีจะทำค่ะ”
“แน่ใจนะว่าจะสวยพอให้ลูกชายฉันพิศวาสน่ะ” คุณหญิงปรานียังคงกังวลใจ
“เดี๋ยวเย็นนี้หนูพิมจะมาที่นี่ค่ะ คุณผู้หญิงก็ลองพิจารณาดูนะคะ แต่ดิฉันอยากให้รับเด็กคนนี้เอาไว้ เพราะเธอกำลังลำบาก น่าสงสาร”
“ถ้าแม่เจียมคิดว่าดี ฉันก็ไม่ขัดข้องหรอก หวังว่าแม่หนูคนนี้จะไม่ก่อเรื่องให้ฉันวุ่นวายใจในภายหลังนะ”
“รับรองล้านเปอร์เซ็นต์เลยค่ะว่าจะไม่มีปัญหาใดๆ ตามมาเด็ดขาด ดิฉันเอาหัวเป็นประกัน”
ในขณะที่ป้าเจียมยิ้มกว้างอย่างพึงพอใจอยู่นั้น พริมากำลังเดินกลับไปหามารดาของตัวเอง และเริ่มต้นเล่าเรื่องให้ท่านฟัง
“โทรหาใครมาเหรอพิม”
“ป้าเจียมจ้ะแม่”
หล่อนทรุดนั่งข้างๆ มารดา และดึงมือท่านมากุมเอาไว้บีบเบาๆ
“พี่เจียมเป็นยังไงบ้างล่ะ สบายดีไหม”
“ป้าเจียมสบายดีจ้ะแม่ แล้วก็มีงานให้กับพิมทำด้วย”
“งาน?”
“คือเจ้านายของป้าเจียมกำลังหาผู้ช่วยน่ะจ้ะแม่ พิมก็เลยรับปากว่าจะไปทำ”
“แล้วน้องล่ะพิม”
“แม่ไม่ต้องห่วงนะ พิมจะเบิกเงินล่วงหน้ามาจากเจ้านาย เอามาให้คุณหมอพรุ่งนี้ กิ่งจะได้ผ่าตัด”
“ใครจะให้เงินเยอะขนาดนั้นล่ะพิม” แม่ของหล่อนพูดขึ้นอย่างกังวลใจ
“ป้าเจียมบอกว่าเจ้านายคนนี้ใจดีจ้ะแม่ และเขาก็ยินดีให้พิมเบิกเงินก่อน”
แม้ลูกสาวจะยืนยันเช่นนั้น แต่คนเป็นแม่ก็ยังอดห่วงใยไม่ได้อยู่ดี
“แต่แม่เป็นห่วงพิม คนสมัยนี้ไว้ใจไม่ได้”
“แม่จ๋า... พิมจะดูแลตัวเองให้ดี พิมสัญญานะแม่”
หล่อนน้ำตาร่วงรินไม่ขาดสาย
“แม่ต้องดูแลตัวเองและกิ่งนะจ๊ะ พิมอาจจะไม่ค่อยได้แวะมาบ่อยนัก แต่พิมจะพยายามมาให้ได้ทุกวัน หลังจากเลิกงาน”
“พิม... ระวังตัวด้วยนะลูก”
“จ้ะแม่ พิมจะปลอดภัย”
สองแม่ลูกกอดกันและร้องไห้ด้วยความโศกเศร้าทรมานเป็นที่สุด
กวินหรี่ตามองแม่พนักงานแผนกรองเท้าที่วิ่งหน้าตั้งผ่านหน้าของเขาไปด้วยสายตาไม่พอใจนัก เพราะหล่อนแทบจะชนเข้ากับเขาอยู่แล้ว หากเขาไม่เบี่ยงตัวหลบเสียก่อน แต่ดูเจ้าหล่อนสิ ไม่แม้แต่จะหยุดกล่าวคำขอโทษสักนิด
“มารยาทยอดแย่เลยแม่คุณ”
ชายหนุ่มเค้นเสียงโมโหออกมา ก่อนจะเดินตรงไปที่รถสปอร์ตคันงามที่พนักงานนำมาจอดรอเอาไว้ที่หน้าห้างสรรพสินค้า เขาก้าวขึ้นรถและขับออกไปทันที
“ผมใกล้จะถึงแล้วนะกานดา”
เขาโทรบอกให้คู่ขารู้ตัวก่อนที่จะขับรถไปถึงคอนโดหรูที่ตัวเองมีไว้เพื่อสนุกกับสาวสวยมากหน้าหลายตา
ชีวิตโสดมันสนุกสุดเหวี่ยงจะตายไป แล้วทำไมล่ะ ทำไมเขาจะต้องสนใจเรื่องการแต่งงาน และการมีลูกด้วย ไม่มีทางเสียล่ะ
รถสปอร์ตคันงามพุ่งทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง กิจกรรมเข้าจังหวะแสนสนุกกำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้แล้ว และแน่นอนว่าเขาชื่นชอบมันเป็นที่สุด