พริมา กิ่งแก้ว เกิดในครอบครัวที่ยากจนข้นแค้น ชีวิตของหล่อนปากกัดตีนถีบมาตั้งแต่เล็ก ในครอบครัวของหล่อนมีด้วยการห้าชีวิต แม่ พ่อ น้องสาวสองคน และยายอายุแปดสิบกว่า
ครอบครัวของหล่อนรับจ้างทำงานหาเช้ากินค่ำ ไม่เคยมีเงินเหลือเก็บ หากวันไหนไม่มีงาน ท้องของคนในบ้านก็จะต้องร้องหิวโหย
ทุกวันผ่านพ้นไปอย่างยากลำบาก แต่หล่อนก็ไม่เคยท้อแท้ แม้จะเหน็ดเหนื่อยแต่ก็ลุกขึ้นยืนได้ใหม่เสมอเมื่อคิดถึงคนในครอบครัว
แต่ความทุกข์ใหญ่ยิ่งที่เดินทางมาเยือนครอบครัวของหล่อนในยามนี้ มันหนักหนาสาหัสเหลือเกิน หล่อนไม่อาจจะเข้มแข็งได้อย่างที่ใจต้องการ
“น้องหนู... เป็นเนื้องอกในสมองเหรอคะ”
หล่อนทวนคำพูดของหมอซ้ำแล้วซ้ำเล่า น้ำตาจากไหนหนักไม่รู้ไหลพรากออกมาอาบแก้ม
“ต้องรีบผ่าตัดโดยเร็วที่สุด”
คำพูดของคุณหมอตอกย้ำให้หล่อนรับรู้ว่าสิ่งที่ได้ยินมันคือความจริง
“เร็วที่สุดนี่คือ...”
“ถ้าผ่าตัดวันนี้ได้ก็ควรทำครับ”
“แต่... หนูคงมีเงินไม่พอ”
สีหน้าของคุณหมอเต็มไปด้วยความเห็นใจหล่อน “งั้นหมอจะเขียนใบส่งตัวไปให้โรงพยาบาลที่น้องสาวของหนูมีสิทธิ์รักษานะ”
คนฟังน้ำตาร่วง หัวใจหล่นลงไปกระแทกกับพื้นจนเจ็บระบม
โรงพยาบาลรัฐ... ต้องรอคิวถึงเมื่อไหร่กัน น้องสาวของหล่อนถึงจะได้ผ่าตัด
“ขอบคุณค่ะคุณหมอ”
คุณหมอวัยกลางคนแต่หน้าตายังอ่อนเยาว์มากยิ้มให้อย่างมีเมตตา
“แต่ยังไงซะ น้องสาวของหนูก็ต้องรีบผ่าตัดนะ”
หล่อนทำได้แค่เพียงพยักหน้ารับเท่านั้น หยาดน้ำตายังคงไหลกลิ้งลงมาตามพวงแก้ม มือเล็กยกขึ้นประกบกันแล้วไหว้คู่สนทนา
“ขอบคุณคุณหมออีกครั้งค่ะ”
“เดี๋ยวหมอเขียนใบส่งตัวเสร็จแล้วจะให้พยาบาลเอาไปให้นะครับ”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”
หล่อนลุกขึ้นจากเก้าอี้ และเดินตามหลังนางพยาบาลออกไปจากห้องฟังผล ระหว่างทางเดินก็เต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ
“นั่งรอตรงนี้นะคะ เดี๋ยวพยาบาลจะเตรียมเอกสารให้ค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ คุณพยาบาล”
หล่อนยกมือไหว้นางพยาบาลหน้าตาใจดี ก่อนจะรีบเดินไปหาแม่ที่นั่งรออยู่บนเก้าอี้
“เป็นยังไงบ้างพิม”
แม่ของหล่อนเอ่ยถามทันที เมื่อเห็นหล่อน สีหน้าของท่านเต็มไปด้วยความเป็นกังวล ซึ่งหล่อนไม่อยากเห็นอาการแบบนี้ของแม่เลย
พริมาฝืนยิ้มบางๆ ซ่อนความเศร้าหมองเอาไว้แต่เพียงในอกอย่างยากลำบาก
“กิ่งเป็นเนื้องอกในสมองน่ะแม่”
แม่ของหล่อนได้ยินก็หน้าซีดเผือด
“เนื้องอกในสมอง?”
“ใช่จ้ะ แต่มันไม่มีอันตรายอะไรมากหรอกแม่ แค่ผ่าตัดก็หายแล้ว”
แม่ของหล่อนร้องไห้ออกมา หล่อนรีบคว้ามือแม่มาบีบเอาไว้
“แค่ผ่าตัด กิ่งก็จะหายแล้วแม่”
“แต่เราไม่มีเงิน แค่มาตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนนี่ก็ปาเข้าไปหลายหมื่นแล้ว แถมเงินเก็บของแกก็หมดแล้วด้วย แม่... แม่กลัว”
หล่อนฝืนยิ้ม กล้ำกลืนความเศร้าหมองลงไปในอกด้วยความยากลำบาก
“คุณหมอจะเขียนใบส่งตัวให้กิ่งจ้ะแม่ เราจะพากิ่งไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลรัฐ”
“แกก็รู้นี่ว่าโรงพยาบาลรัฐต้องรอคิวนานแค่ไหน”
ใช่ หล่อนรู้ แต่มันก็ต้องลองเสี่ยง
“แม่ไม่ต้องเป็นกังวลนะ ฉันจะจัดการเรื่องนี้เอง”
น้ำตาของแม่ทำให้หล่อนทุกข์ทรมานเหลือเกิน หากมีพรวิเศษสักข้อ หล่อนก็จะขอแค่เพียงความสุขของคนในครอบครัวเท่านั้น
“กิ่งจะต้องหายแม่”
แม่ของหล่อนไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก นอกจากนั่งร้องไห้เงียบๆ
“แม่จ๋า เดี๋ยวฉันขอตัวไปห้องน้ำแปบนะจ๊ะ เดี๋ยวมาจ้ะ”
พอแม่อนุญาตหล่อนก็รีบลุกขึ้นและเดินจากไปทันที น้ำตาไหลพรากออกมา เมื่อเดินออกมาไกลแล้ว หล่อนเสียใจและหวาดกลัวเหลือเกิน กลัวว่าน้องสาวจะจากไป
“พี่จะต้องทำทุกอย่าง... เพื่อช่วยกิ่ง...”