“คารวะท่านพ่อท่านแม่ขอรับ” หลี่เหวินหลางกล่าวขึ้นเมื่อเข้ามาในส่วนของเรือนใหญ่ซึ่งมีร่างของบิดามารดานั่งรออยู่ก่อนแล้ว “มานั่งก่อน เดี๋ยวค่อยให้เด็กไปยกสำรับข้าวขึ้น เป็นเช่นไร งานหนักหรือไม่” หลี่เหวินชิงเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ถึงกับหนักมากขอรับ เพียงแต่ เอ่อ คือข้า...” เขาไม่พูดแต่หลี่ เหวินชิงก็เข้าใจในทันทีเมื่อมองตามสายตาของบุตรชายที่มองหน้าลูกสะใภ้ “ดีแล้ว กลับมาก็พักผ่อนให้เต็มที่เสีย” “ขอรับ” ชายหนุ่มรับคำอย่างว่าง่าย ส่วนเหลียนฮวานั้นมิได้เอ่ยอันใด นางเพียงมองบุตรชายด้วยความรัก ความห่วงใย และภาคภูมิใจเท่านั้น เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายมิได้ลำบากจึงไม่มีสิ่งใดต้องเอ่ยออกมา เลือกหันไปสนทนากับลูกสะใภ้คนงามมากความสามารถของตนแทน “ซูเฉินเล่า ไหนเจ้าให้คนมาแจ้งว่าสหายจะมาด้วยไม่ใช่รึ” “ข้าอยู่นี่ขอรับท่านพ่อ อาเหวินมิใส่ใจข้าเลยสักนิด คารวะท่านพ่อท่านแม่ขอรับ” ซูเฉินที่เดินมาทันได้ยินที่ห