รุ่งอรุณละมือจากพวงมาลัยรถยนต์แล้วเลื่อนมากดปิดวิทยุคลื่นดัง ที่กำลังเสนอเพลงฮิตติดชาร์ตประจำสัปดาห์เพราะสัญญาณเสียงขาดๆหายๆไปบ้างแล้ว ตั้งแต่ขับรถลงจากมอเตอร์เวย์ เข้าไปในเขตจังหวัดติดกับกรุงเทพ และเพราะมัวแต่มองจอเพื่อจะเลือกเพลง ฉับพลัน รถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์สีดำคันใหญ่ก็ปาดแซงหน้าเธอไปแบบหวาดเสียว จนรุ่งอรุณตกใจเหยียบเบรคล้อตายทันที
“เวรเอ๊ย ขับรถภาษาอะไรวะ”
ให้ตายเหอะ พอจับพวงมาลัยรถทีไร เธอได้เปลี่ยนนิสัยเป็นผู้หญิงปากตลาดทุกทีสิน่า นึกแล้วฉุนไอ้เวรนั่น
“หนอย จะขับอวดสาวล่ะสิ” เพราะที่ท้ายรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์คันนั้น มีหญิงสาวซ้อนท้ายในชุดกางเกงหนังสีดำรัดรูปโน้มตัวกอดซบคนขับเสียแนบแน่นและด้วยสรีระของรถทำให้คนซ้อนได้โชว์บั้นท้ายได้แบบเซ็กซี่ถึงใจกันไปเลย ใครเห็นแล้วคงพากันอิจฉา เธอก็รวมอยู่ในนั้นด้วย
ว่าแล้วแชมป์เอฟวันอย่างรุ่งอรุณก็เหยียบคันเร่งรถตามไปทันที เธอห้าวหน่อยๆเวลาที่ได้ขับรถ เพราะหากใครมาแสดงมารยาทบนถนนแบบนี้ เธอจะตามไปมองหน้า บางครั้งก็เคยทะเลาะกับคู่กรณีอื่นมาบ้างพอสมควร พอขับตีเสมอได้ ก็เปิดกระจกมองหน้าให้รู้เสียหน่อย
แต่ให้ตายเถอะ เจ้าคนขับนั่นช่างหน้าทนเสียจริง เพราะ รายนั้นปรายตามองเธอแล้วบิดหนีไปเฉย ก่อนที่เธอจะเห็นว่าอีกฝ่ายหักเลี้ยวเข้าปั้มน้ำมันข้างทางไป
มีเหรอที่รุ่งอรุณจะไม่ตาม วันนี้คงต้องจัดเสียหน่อย รุ่งอรุณรู้สึกไม่ชอบใจในนิสัยแบบนั้น ไอ้โดนปาดหน้าน่ะโดนมาบ่อย แต่พอรู้ว่าตัวเองผิดก็จะยกมือยกไม้ขอโทษเป็นอันจบกันไป แต่นี่อะไร ขับปาดหน้าเธอแล้วยังทำเฉย พอเห็นอีกฝ่ายจอดรถไว้ที่หน้าห้องน้ำ เธอก็กวาดสายตามองหาที่จอดบ้าง ฟ้าไม่เป็นใจให้เธอเลย เพราะที่ว่างไม่มีให้เธอแทรกรถได้จนต้องวนออกไปอีกรอบเพื่อขับเข้ามาหาที่จอดใหม่
พีรพรรณถอดหมวกออก ก่อนจะยื่นส่งให้ชายหนุ่มที่เธอกอดซบเขามาตลอดทางตั้งแต่ออกจากกรุงเทพเพื่อกลับบ้านที่จังหวัดติดกัน “ยักไม่เข้าเหรอคะ”
พยัคฆ์ส่ายหน้า ก่อนจะมองหารถญี่ปุ่นคันเล็กกะทัดรัดที่ขับตามเข้ามาเมื่อครู่ เขารู้ว่าตัวเองปาดแซงกระชั้นชิดไปหน่อยจริง แต่รถคันนั้นก็เป็นอะไรล่ะ ขับส่ายไปส่ายมา เขาว่าเขาก็ไม่ได้ผิดอะไรมากมายนะ คนขับที่เขาเห็นแล้วว่าเป็นผู้หญิง ยังขับตามมามองหน้าเขาอีกด้วยแหน่ะ แต่พยัคฆ์ไม่คิดจะใส่ใจอะไร ได้แต่เหยียดยิ้มออกมาอีกหน่อยอย่างนึกขำในความห้าวหาญของอีกฝ่าย
พีรพรรณพาร่างสมส่วนแสนยวนใจเข้าห้องน้ำไม่กี่นาทีแล้วกระโดดขึ้นซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์คันโต ก่อนจะไปกันต่อ รุ่งอรุณที่เพิ่งหาที่จอดรถได้ ตามมาจะดูหน้าคนที่ปาดหน้าเธอเสียหน่อย แต่แล้วก็เห็นหลังไวๆว่ารถคันนั้นขับจากไปแล้ว
ไม่วายที่เจ้าตัวจะมองด้วยสายตาสาปแช่ง เเล้วเลยเดินเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตา เข้าร้านสะดวกซื้อ หาอะไรกินลองท้องก่อนออกเดินทางต่อเช่นกัน
ดีที่บ้านคุณป้ามาลาไพรหาได้ไม่ยาก ด้วยว่าอยู่ใกล้กับ เคียงชล ยลตะวัน จันทร์ บุปผา รีสอร์ทแอนด์สปา รีสอร์ทเชิงอนุรักษ์ที่กำลังมาแรงอยู่ในขณะนี้ รุ่งอรุณเลยตั้งจีพีเอส ตรงไปที่รีสอร์ทนั้นตามที่คุณป้าบอกเอาไว้ทันที หญิงสาวขับรถผ่านทางเข้าที่เป็นด่านมีแผงกั้นสีขาวแดง เธอจอดรถแล้วเปิดกระจกบอกคนเฝ้า แจ้งชื่อเรียบร้อย จึงขับเข้าไปตามทางคอนกรีต ข้างทางมีร่มไม้ใหญ่ครึ้มตลอดทางเข้าคล้ายอุโมงค์ขนาดยักษ์ แต่นี่มันคืออุโมงค์ที่เจ้าของจงใจใช้ธรรมชาติสรรค์มันขึ้นมา รุ่งอรุณเลยปิดแอร์แล้วเปิดกระจกออกเพื่อจะได้รับลมเย็นที่ในเมืองไม่มีโอกาสเช่นนี้ นึกดีใจที่ได้มาที่นี่แม้จะไม่ได้มาอยู่แบบถาวรแต่แค่ไม่กี่เดือนปอดเธอคงดีใจจนสั่นริกๆแล้วล่ะ รถญี่ปุ่นคันน้อยของเธอหยุดลงที่หน้าบ้านไม้ซุงทาชแลคทั้งหลัง ขนาดกว้างขวาง สวยงามแบบอนุรักษ์ จนเจ้าตัวอดตื่นเต้นไม่ได้ เพราะสวยจนเหมือนบ้านในนิตยสารเลยทีเดียว เธอดับเครื่องยนต์แล้วเปิดประตูลงไปยืดเส้นยืดสายสูดหายใจซึมซับเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าไปจนเต็มปอดอีกครั้ง เด็กสาวรุ่นๆ คนหนึ่งเดินมาเมียงๆมองๆที่ประตูหน้าบ้าน แล้วเข้ามาถามว่า
“มาพบใครคะ”
“ฉันชื่อรุ่งอรุณค่ะ เป็น...”
“อ้อ ค่ะ นายแม่รออยู่แล้ว ท่านให้เชิญเข้าด้านในได้เลยค่ะ”
รุ่งอรุณยิ้มรับ ก่อนปรายตามองรอบๆบ้านอย่างต้องการเก็บรายละเอียด พลันสายตาก็สะดุุดกับมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์สีดำคันใหญ่ที่จอดอยู่ภายในโรงจอด สาวอวบขมวดคิ้วมองด้วยความสงสัย
โลกมันจะกลมขนาดนั้นเลยเหรอ หวังว่าคงจะไม่ใช่คันเดียวกันหรอกนะ เพราะเธอดันลืมมองป้ายทะเบียนรถคู่กรณีคันนั้นด้วยสิ ก็ตอนนั้นมันโมโหอยู่นี่นา
ช่างมันเหอะ ถือเสียว่าให้อภัย โปรดสัตว์ไปก็แล้วกัน
เด็กสาวที่เดินออกมารับ ช่วยเธอลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่มีมาใบเดียว เข้าไปในบ้าน ก่อนจะพาเดินไปยังห้องรับแขก ได้ยินเสียงคนเดินนำ บ่นงึมงำว่า “นายแม่นะนายแม่ ไม่เห็นต้องจ้างเลย อุ๋ยน่ะก็นวดเป็น จบมาตั้งเกือบพันชั่วโมง อุ๋ยทำให้ก็ได้”
เอ๊ะ!เด็กนี่ ฉันไม่ใช่หมอนวดนะยะ ฉันคือ movement specialist ย่ะ รุ่งอรุณเบะปาก แต่ไม่โต้แย้งอะไร ไม่อยากเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ เพราะดูแล้วจะไร้ประโยชน์เกินไป
“มาแล้วค่ะ นายแม่”
รุ่งอรุณยกมือไหว้หญิงสูงวัยท่าทางดีด้วยท่วงท่านอบน้อม
“สวัสดีค่ะ คุณป้า”
คุณป้ามาลาไพรรับไหว้ พอเห็นสายตาของหญิงสาวผู้เปรียบเสมือนหลาน ก็เพิ่งรู้ตัวเองว่ากำลังทำอะไรผิดอยู่ เจ้าตัวรีบเอนตัวพิงพนักทันที รุ่งอรุณลิ่วตามองอย่างรู้ทัน เพราะข้อห้ามในการผ่าสะโพกคือห้ามนั่งให้ข้อสะโพกงอเกินกว่าเก้าสิบองศา “นั่งผิดท่าอีกแล้ว ระวังหลุดนะคะคุณป้า หนูบอกแล้วว่าอย่าลืม อย่าลืม”
“ทานอะไรมารึยัง นี่ก็เที่ยงพอดี มาทานข้าวพร้อมกันเลยสิมา” เจ้าของบ้านชวนทานข้าวทันที ทำเป็นไขสือเพราะท่านลืมจริงๆอย่างที่รุ่งอรุณบอก แล้วหันไปถามสาวใช้ว่า “คุณยักกลับมารึยังอุ๋ย”
“มาแล้วค่ะนายแม่ แล้วก็เห็นออกไปส่งคุณพีพีมะกี้นี้เองค่ะ คงไม่ทานมื้อเที่ยงที่นี่แล้วมังคะ”
“อะไรกัน นั่งรถมากันจากกรุงเทพ แทนที่จะแวะส่งกันให้เสร็จๆ ยังจะเข้าๆออกๆบ้านอีก”
“นายแม่ขา คุณยักเพิ่งออกไปเองนะคะ อีกอย่างคุณพีพีก็ท่าทางเหมือนจะไม่สบายด้วยค่ะ คงจะอยู่ดูแลกันก่อน เย็นๆนู้นละมังคะ ค่อยเข้าบ้าน”
รุ่งอรุณฟังบทสนทนาของนายบ่าว แล้วเผลอกดมุมปากลงเล็กน้อย เด็กอุ๋ยนี่ พูดถึงคุณพีพีอะไรนั่นด้วยน้ำเสียงเทิดทูนบูชาเชียว ถ้าเดาไม่ผิดคงจะเป็นลิ่วล้อกันสินะ
“ฉันสงสัยมาตลอดเลยนะอุ๋ย ว่าทำไมแกมาทำงานบ้านฉัน ทำไมไม่ไปทำงานให้แม่พีพีนั่นให้สิ้นเรื่องสิ้นราวซะเลย”
“นายแม่ขา อุ๋ยโตมากับที่นี่ จะให้ไปรับใช้คนอื่นได้ยังไงเล่าคะ”
“คิดให้ได้อย่างที่พูดด้วยล่ะ ไปตั้งโต๊ะไป”
“ค่ะนายแม่”
เมื่อเด็กอุ๋ยยกสำรับอาหารมาจนเต็มโต๊ะแล้ว คุณป้ามาลาไพรก็เดินนำมาพร้อมกับหญิงวัยกลางคนที่เธอได้ยิน ท่านเรียกชื่อว่า ‘ดวง’ นั่งลงยังที่ที่ของท่านแล้ว และรุ่งอรุณก็นั่งลงยังที่ของตนเองซึ่งเป็นฝั่งซ้ายมือของท่าน เสียงจากหญิงสาวที่คาดว่าจะเป็นเด็กในบ้านก็ดังแว่วจากด้านนอก
“นายแม่ขา คุณยักกลับมาแล้วค่ะ”