ตอนที่2 # สำหรับข้านางจะนับเป็นตัวอันใดได้
ทว่าเมื่อถึงจวนหลินหลีฮัวจึงพลันกระจ่าง นรกที่ตนเองเข้าใจว่ากำลังเผชิญทั้งในตำหนักหลิวหยางและบนรถม้าหรูหรานั้นกลับมิได้ใกล้เคียงกับสิ่งที่นางต้องพบเจอเมื่อยามก้าวเข้ามาในอาณาเขตของผู้เป็นสวามีแม้แต่น้อย
"นี่คือ?"
หลังจากนางลงจากรถม้าแล้วยืนรอให้จ้าวหลิวเย่และเพ่ยอวี้นำหน้าเข้าจวนไปก่อนใครจะคิดเมื่อหลินหลีฮัวเดินกลับมาถึงเรือนหรูอี้ของตนเองจะได้พบเข้ากับภาพข้าวของ ของนางที่ยังไม่ทันได้จัดให้เข้าที่เข้าทางถูกนางกำนัลและขันทีช่วยกันนำมากองเอาไว้หน้าเรือนเช่นนี้
เรือนหรูอี้นี้ตั้งอยู่ตรงกันข้ามกับเรือนเหวินเซียวขององค์ชายหกนั้นย่อมแน่นอนว่าตามฐานะแล้ว เรือนนี้จะต้องเป็นเรือนที่หลินหลีฮัวผู้ดำรงตำแหน่งพระชายาเอกได้พักอาศัย เช่นนั้นเมื่อนางมาพบเข้ากับภาพข้าวของถูกขนย้ายย่อมต้องแปลกใจและสงสัยอยู่แล้ว
"ยังจะสงสัยสิ่งใด นับจากนี้เรือนหรูอี้จะเป็นของพระชายารองเพ่ย"
แน่นอนว่าคนที่ตอบให้ความกระจ่างคือจ้าวหลิวเย่ โดยมีเพ่ยอวี้ยืนทำหน้าตกอกตกใจเกินจริงอยู่สามส่วน มองอย่างไรก็เสแสร้งจนหน้าตบให้คว่ำสำหรับปิงจีและถงอี ส่วนหลินหลีฮัวเพียงแค่หรี่ตาลงสองส่วนยากจะคาดเดาว่าพระชายาเอกหลินคิดสิ่งใดอยู่ภายในใจ
"โอ๊ะ! จะได้อย่างไรเพคะพี่เย่ เรือนหรูอี้มิใช่ว่าถูกสร้างเอาไว้ให้กับพระชายาเอกหรอกหรือเพคะอวี้เอ๋อร์ก็แค่พระชายารองจะบังอาจได้อย่างไร"
ฟังเหมือนจะดีแต่กลับไม่ดีแม้แต่น้อยเห็นได้ชัดเจนเลยว่าสตรีนามเพ่ยอวี้ไม่ได้งดงามพิสุทธิ์ราวกับภาพลักษณ์แม่ดอกบัวขาวแม้แต่น้อย เพราะเช่นนี้ยิ่งตอกย้ำกับหลินหลีฮัวว่าตนเองสำคัญในสายตาขององค์ชายหกในฐานะใดกันแน่ และเพราะอย่างนี้เด็กสาวยิ่งไม่เข้าใจว่าเหตุใดอีกฝ่ายต้องทำกับตนเองถึงเพียงนี้ แค่เขาพูดคุยกับนางด้วยดีตกลงกันว่าหลังจากนี้ต่างต้องการสิ่งใดนางก็พร้อมจะเข้าใจและทำตาม เขามีสตรีในดวงใจก็แค่เอ่ยกับนางเท่านั้นหลินหลีฮัวผู้นี้ก็ใจกว้างพอที่จะไม่ขัดขวางวาสนารักของผู้อื่น
"ถึงฐานะของพระชายาเอกนี้จะเป็นสตรีอื่น แต่ในใจของเปิ่นหว่างจื่อมีเพียงเจ้า อวี้เอ๋อร์เท่านั้นที่เป็นพระชายาเพียงผู้เดียว ดังนั้นคนเช่นนางในสายตาของเปิ่นหว่างยังจะนับเป็นตัวอันใดได้อีก"
หลินหลีฮัวเหมือนถูกตบหน้าฉาดใหญ่จนหน้าสั่น คนทุกคนล้วนมีคุณค่าของตนเองนางก็เช่นกัน แล้วจ้าวหลิวเย่เอาสิทธิ์ใดมาเหยียดหยามนางเช่นนี้?!
"เนี่ยกงกง ให้คนมาขนข้าวของพวกนี้ออกไปโดยเร็วขัดหูขัดตาของเปิ่นหวางยิ่งนัก"
ปิงจีกับถงอีเตรียมจะขยับปาก หลินหลีฮัวรีบเอื้อมมือไปจับข้อมือของสาวใช้คนสนิททั้งสองโดยไว จากนั้นก็รีบดึงทั้งคู่ออกมาให้พ้นจากหน้าเรือนหรูอี้ เพราะทราบดีว่าปิงจีกับถงอีจะกล่าวอันใดในเมื่อเติบโตมาด้วยกันจะไม่รู้นิสัยของกันและกันได้อย่างไร
"มันจะเกินไปแล้วนะ!"ปิงจีสบถเสียงเขียว
"หยามน้ำใจกันเกินไปแล้วจริง ๆ!" ถงอีเองก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงไม่ต่างจากปิงจี
"เงียบก่อนเถิด พวกเราไม่มีสิทธิ์จะกล่าวอันใดต่อให้เขาจะปฏิบัติเลวร้ายกว่านี้พวกเขาก็มิอาจทวงความเป็นธรรมให้ตนเองได้"
หลินหลีฮัวคิดว่านางรู้สถานการณ์ของตนเองขณะนี้แล้ว ฐานะ พระชายาเอก ของตนบัดนี้ก็เพียงหน้ากาก เป็นแค่เสือกระดาษไม่มีค่าอันใดเลย เกรงว่าปากมากเรื่องเยอะคาดว่าคงอยู่อย่างสงบมิได้เป็นแน่
"แต่ว่า…"
ถงอียังไม่กระจ่าง ทว่าปิงจีนั้นเริ่มจะเข้าใจสถานการณ์ของผู้เป็นนายและพวกตนแล้ว
"ไม่มีแต่ องค์ชายหกนับว่าเป็นใหญ่ที่สุดในจวนแห่งนี้หากคิดแข็งข้อด้วยฐานะเช่นข้าคงยากจะต่อต้าน มีเพียงทำตนเป็นต้นหญ้าอ่อนสายลมพัดพาไปทางใดก็โยกไหวตามทิศทางลม"
ถงอีเตรียมขยับปาก ปิงจีจึงส่ายหน้าว่าอย่าเอ่ยอันใดอีก รอครู่หนึ่งเนี่ยกงกงก็นำคนขนข้าวของทั้งจากเรือนหรูอวี้ออกมา
"เอ่อ…"เนี่ยกงกงดูลำบากใจยิ่ง เพราะมองอย่างไรครั้งนี้องค์ชายหกก็ทำเกินไปจริง ๆ
"ข้าเข้าใจ จะให้ไปพักที่ใดก็เชิญเนี่ยกงกงนำไปเถิดข้ากับคนของข้าไม่มีปัญหาอันใด"
หลินหลีฮัวกล่าวจบก็ยิ้มส่งท้ายให้เนี่ยกงกงหนึ่งสายอ่อนหวานและอ่อนโยนยิ่งนัก ทำเอาหัวหน้าขันทีของจวนองค์ชายหกนั้นยิ่งรู้สึกเห็นใจเด็กสาวตรงหน้าเสียมิได้ หลินหลีฮัวไม่ผิด หากจะผิดก็คงผิดที่นางมาทีหลัง มาเป็นส่วนเกินระหว่างองค์ชายหกและคุณหนูรองเพ่ย เพ่ยอวี้ บุตรสาวคนเดียวของแม่ทัพเพ่ย ทหารที่มีอำนาจอยู่ในมือมากจนซ่งฮองเฮาไม่พึงใจจะให้อีกฝ่ายแต่งกับองค์ชายหกหรือหากแต่งเข้ามาก็ได้แต่ฐานะอย่างไรก็เป็นได้แค่เพียงพระชายารองขององค์ชายหกได้เท่านั้น
และคงเพราะเหตุผลดังกล่าวองค์ชายหกจึงย่ำยีศักดิ์ศรีของพระชายาเอกหลินถึงเพียงนี้ ส่วนหลินหลีฮัวยังจับต้นชนปลายอันใดไม่ถูกนัก รู้แค่เพียงตนเองไม่มีใครอยู่เบื้องหลังพอจะช่วยหนุนกำลังใด อันใดยอมได้จึงต้องยอมไปก่อน สามเดือนในวังหลังนางเองก็ไม่กระจ่างเท่าใดว่าใครอยู่ฝ่ายไหน
ในเมื่อยังไม่รู้จึงยากจะแข็งข้อมิเช่นนั้นท่านแม่กับน้องชายที่อยู่ติ้งโจวอาจเดือดร้อน ยิ่งซ่งฮองเฮากับองค์ชายห้านั้นมากอำนาจกิจการค้าขายของสกุลหลินอาจลำบากหากนางสร้างเรื่องเช่นนั้นวิธีที่ฉลาดที่สุดจึงมีเพียงดูทิศทางลมไปก่อนเพราะหากนางใจร้อนคงมีแต่ผลเสียมิใช่เพียงนางชีวิตเดียวแต่คนในจวนเจิ้งกั๋วกงหลายร้อยชีวิตก็จะพลอยติดร่างแหไปด้วย
ร่างเล็กเดินตามเนี่ยกงกงและคนของตนเองไปอย่างสงบส่วนภายในใจของเด็กสาวจะสงบเช่นกิริยาภายนอกหรือไม่คงมีเพียงหลินหลีฮัวเท่านั้นที่กระจ่าง…
ฝ่ายของจ้าวหลิวเย่ที่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็เพราะตนเองกับมารดามีแผนการใหญ่ของตนเอง สกุลเพ่ยนั้นมีกำลังทหารอยู่ในมือถังซูเฟยจึงให้เขายกย่องนาง เอาใจนาง แม่ทัพเพ่ยจะได้ย้ายมาอยู่ฝ่ายเดียวกับพวกตน
ส่วนหลินหลีฮัวนั้นถึงแรกเห็นเขาจะพึงใจนางทันที ทว่าสตรีโฉมงามหรือจะมีค่าเกินสิ่งที่เขากับมารดาต้องการพึงใจก็ส่วนพึงใจสำหรับเขางานใหญ่สำคัญที่สุด!
บัดนี้สกุลหลินมีอันใดบ้าง แม้แต่ตัวเจิ้งกั๋วกงหลินเว่ยซูทุกวันนี้แม้แต่ดื่มกินล้วนอาศัยพึ่งพาภรรยาเอกหาเงินมาเลี้ยงดูดังนั้นต่อให้เขาชื่นชอบหลินหลีฮัวมากแต่ก็มิอาจยกนางให้อยู่ดีกินดีเหนือเพ่ยอวี้ได้ หากยังอยากได้สกุลเพ่ยกับพรรคพวกของแม่ทัพเพ่ยสนับสนุน ในยามนี้แค่พึงใจเขาจึงไล่ให้นางไปพ้นหูพ้นตาเสียจะได้ไม่ใจอ่อนเกินเลยกับนางแล้วเพ่ยอวี้โกรธเคืองเขาไม่เสี่ยงเด็ดขาด