ทั้งคู่สบตากันอย่างไม่มีใครหลบตาใคร เหมือนสงครามเย็นอย่างไงอย่างงั้น จนคนที่แอบมองลุ้นใจแทบขาด
‘สาธุ! ขอให้ฉันได้ลูกสะใภ้ทีนะเจ้าค่ะ’ เพชรน้ำหนึ่งที่บังเอิญผ่านมาเห็นเหตุการณ์ เอ่ยขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในใจแล้วพาตัวเองเดินจากไปอย่างเงียบๆ
“คงไม่ได้ ทำไมเราต้องทำเหมือนไม่รู้จักกัน ก็ในเมื่อเราเคยนอนด้วยกันมา..”
เพียะ!
เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าดังขึ้นขณะที่เฉินหมิงยังพูดไม่จบประโยคด้วยซ้ำ
“คนสารเลว คุณต้องการอะไรจากฉัน เอาเรื่องนี้มาพูดอีกทำไม”
“เฮียบอกแล้วไง เฮียชอบมะปราง” เขาพูดออกไปตามตรงอย่างไม่คิดอ้อมค้อม
ปารวตีเบือนหน้าหนีแล้วถอนหายใจ “แต่ฉันไม่ชอบคุณ คุณไปจีบผู้หญิงคนอื่นเถอะ ตอนนี้บาดแผลในหัวใจฉันยังสดใหม่ ยังไม่พร้อมเปิดใจรับใครจริงๆ”
“ไม่เป็นไร เฮียไม่เร่ง ปล่อยให้ทุกอย่างมันเป็นไปตามธรรมชาติ เพราะยังไงเราก็ต้องเจอกันบ่อยๆ อยู่แล้ว เฮียเคยได้ยินคนไทยเขาพูดกันว่า น้ำหยดบนหินทุกวัน หินยังกร่อน นับประสาอะไรกับหัวใจคนที่อ่อนกว่าหินตั้งเยอะ” เฉินหมิงรู้สึกสนุกเมื่อนึกถึงกาลข้างหน้า ปารวตีเป็นผู้หญิงที่น่าค้นหา เจ้าหล่อนเป็นอะไรที่ท้าทายมากสำหรับชีวิตแสนน่าเบื่อของเขา
สิ่งที่เฉินหมิงคิดนั้นผิดแล้ว อย่าว่าแต่หินเลย หัวใจคนเราแข็งยิ่งกว่าเพชรเป็นร้อยเท่าพันเท่า ทั้งยังยากแท้หยั่งถึงและคาดเดาไม่ได้ เปลี่ยนผันไปได้ทุกวินาที วันนี้รัก วันหน้าเกลียด ทุกสิ่งทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้หมดกับก้อนเนื้อที่เต้นตุบตับอยู่ในอกข้างซ้ายของมนุษย์
“คุณอยากทำอะไรก็ตามใจคุณเถอะค่ะ” เธอคร้านที่จะห้ามปรามหรือพูดอะไรอีก ปารวตีแกะมือชายหนุ่มที่พันธนาการเธอไว้ให้หลุดออก “ฉันจะไปช่วยคุณป้าทำอาหาร ฉันไม่อยากอยู่ใกล้คุณ”
เฉินหมิงยิ้ม “เพราะมะปรางเป็นแบบนี้ไง เฮียถึงชอบ รู้มั้ยว่าไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่ทำกับเฮียแบบนี้เลยนะ”
ยามนี้เธอไม่มีแม้แต่อารมณ์ต่อปากต่อคำกับเขา เรื่องราวที่เกิดขึ้นมันทำร้ายหัวใจของเธอจนยับเยินเสียจนไม่อาจรู้เลยว่าจะสามารถรักษาให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ตอนไหน
“เรื่องคืนนั้น.. ฉันขอร้องนะคะ อย่าพูดถึงมันอีก” เธอเอ่ยขอร้องเฉินหมิงด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ถ้ามันทำให้มะปรางไม่สบายใจ เฮียจะไม่รื้อฟื้นอีก แต่เฮียจะพาปรางไปข้างหน้า สร้างความทรงจำใหม่ๆ ด้วยกัน แม้ว่าการพบกันครั้งแรกของเราจะฉาบฉวย แต่ต่อจากนี้ไป เฮียจะสร้างเรื่องราวสวยงามให้มะปรางเองนะ”
ปารวตีไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองควรจะรู้สึกเช่นไรดี เสียใจ เจ็บปวด หรือ.. “จะอ้วก! ขอร้องอีกเรื่องนะคะ อย่าพูดอะไรเลี่ยนๆ แบบนี้อีก นอกจากฉันจะไม่ฟินแล้วฉันยังรู้สึกโคตรคลื่นไส้”
เฉินหมิงยิ้มระคนหัวเราะ “ยังไม่ทันไรเลย ซ้อมท้องแล้วเหรอ แหม! ปรางนี่ก็รีบเหมือนกันนะ”
“คุณ!” ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครกวนโมโหเธอได้เท่าคนตรงหน้าอีกแล้ว หญิงสาวยกมือขึ้นทึ้งผมตัวเองอย่างหาที่ระบายอารมณ์ “ทำไมชีวิตฉันต้องซวยซ้ำซวยซ้อนด้วยวะ ใครก็ได้ มาเอาอีตานี่ออกไปจากชีวิตฉันที”
อีตานี่ของปารวตียิ้มแป้นแล้น “เสียใจด้วยนะ ตอนแรกเฮียกะจะจบตั้งแต่คืนนั้นแล้วแหละ แต่โลกดันเหวี่ยงให้เรามาเจอกันอีกรอบเอง ถือซะว่าเป็นพรหมลิขิตแล้วกัน” ดวงตาคู่คมพราวระยับ เฉินหมิง มองตามคนตัวเล็กจนกระทั่งเจ้าหล่อนลับสายตา “แกล้งยัยเด็กนี่เล่นก็สนุกดีเหมือนกันแฮะ” เขายิ้มเมื่อนึกถึงแววตากรุ่นโกรธของหญิงสาว “งานนี้สงสัยต้องอยู่กันยาวซะแล้วล่ะม้าง..”