EPISODE 06

1569 คำ
“ขอโทษนะคะ Sorry Sorry พอดีว่าเพื่อนฉันไม่ค่อยสบาย ฉันมัวแต่หันมองดูเพื่อน รู้สึกตัวอีกทีรถเราก็จิ้มกันแล้ว ฉันขอโทษจริง ๆ นะคะ ถ้ายังไง…” คนขับเปิดประตูรถลงมาแล้วรีบขอโทษขอโพยผม เธอเป็นผู้หญิง และหน้าเธอดูตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่กว่าเธอจะลงจากรถมาได้คือ ผมเคาะกระจกอยู่นานถึงห้านาที ซึ่งระหว่างนั้นผมก็โทรบอกให้ลูกน้องเอารถมารับ “โอ๊ย แกจะขอโทษอะไรเขานักหนาโรส เดี๋ยวเรียกประกันมาเคลียร์ก็จบแล้วไหม” ผู้หญิงที่นั่งฝั่งข้างคนขับเดินลงมาจากรถด้วยท่าทางโซซัดโซเซ เธอโวยวายใส่ผู้หญิงที่เป็นคนขับ “นี่คุณคะ ฉันไม่มีเวลามากนัก เอาเป็นว่า… เดี๋ยวฉันจะให้ประกันมาเคลียร์ ถ้ามีอะไรคุณก็คุยกับประกันเลยนะ เดี๋ยวประกันฉันจะจัดการเอง แล้วทีหลังไม่ต้องเคาะกระจกรถเพื่อนฉันแรงขนาดนั้นหรอกค่ะ ฉันได้ยินแล้วและรู้ว่ารถชนกัน แต่ฉันกับเพื่อนตั้งสติอยู่ไง ช่วยเข้าใจผู้หญิงด้วยนะคะ” เธอพูดกับเพื่อนเสร็จก็หันมาพูดกับผม แล้วดูเหมือนจะเป็นการต่อว่าผมมากกว่า นี่เหรอวะที่ว่าไม่สบาย แบบนี้แถวบ้านผมเรียกขี้เมาชัด ๆ แล้วยังทำตัวเหมือนตัวเองเป็นคนถูกอีก ไม่มีความน่ารักเอาซะเลย “ปกติผมไม่ใช่คนเรื่องมากและไม่ชอบความวุ่นวายนะครับ แต่ตอนนี้ผมคิดว่าผมกำลังไม่ปกติ และการที่คุณอ้างว่าเพื่อนคุณไม่สบาย ผมว่ามันน่าจะไม่ใช่ เพราะที่ยืนอยู่ตอนนี้มันเรียกว่าคนเมา หรือคุณจะเถียงผมว่าคนเมาคือคนไม่สบาย ผมขอบอกว่าตรรกะแบบนั้นมันใช้กับผมไม่ได้นะครับ และที่สำคัญ… เพื่อนคุณยังเป็นคนเมาที่ไม่มีมารยาทอะไรเลย ทั้ง ๆ ที่ตัวเองเป็นคนผิด ผมคิดว่าผมไม่โอเค” ผมไม่ได้หันไปให้ความสนใจกับผู้หญิงขี้เมา สิ่งที่ผมสนใจคือหันไปพูดกับคนมีสติ ซึ่งน่าจะดีกว่าคุยกับคนไม่มีมารยาท และสติสัมปชัญญะไม่สมบูรณ์แบบ คุยกับคนแบบนั้นผมว่ามันเสียเวลา “ขอโทษนะคะคุณ ฉันขอโทษจริง ๆ ที่ทำให้คุณเสียเวลา แล้วก็ขอโทษแทนเพื่อนด้วย” ผู้หญิงที่เป็นคนขับทำหน้าเครียด “ฉันบอกแกแล้วใช่ไหมว่าอย่าลงมา ทำไมแกไม่ฟังฉันเลยวะ…” “แกเงียบปากเลยโรส นี่คุณ… ที่คุณพูดแบบนี้คุณคงคิดจะคุยข่มเรียกค่าเสียหาย ค่าเสียเวลาเพิ่มสินะ คิดจะเรียกเพิ่มเท่าไหร่ล่ะ เรียกมาเลย แต่อย่าเกินจริงมากเกินไปแล้วกัน รถหรูขนาดนี้คงยืมเขามาขับใช่ไหม นี่คงจะกลัวเจ้าของรถต่อว่าสินะ โถว โถว โถว…หึ” ผู้หญิงขี้เมาเดินโซซัดโซเซตรงมาที่ผม แล้วจากนั้นเธอก็จ้องหน้าผม พร้อมกับการพ่นคำพูดน่ารังเกียจออกมา ผมใส่เสื้อยืด กางเกงสามส่วน สภาพผมไม่เอื้อให้ขับรถหรู หรือราศีความรวยไม่จับผมกันแน่วะ ทำไมยัยขี้เมานี่ถึงกล้าว่าผมยืมรถคนอื่นมา หรือจริง ๆ แล้วยัยขี้เมานี่ตาถั่ว “อ้าย! แกพูดแบบนั้นได้ยังไง คุณคะฉันขอโทษนะคะ ขอโทษจริง ๆ นะคะ เพื่อนฉันเมาคุณอย่าถือสาเลยนะคะ” ผู้หญิงคนขับยังคงขอโทษผมอีกเช่นเคย “แกเลิกขอโทษสักทีเถอะโรส เรื่องนี้เดี๋ยวฉันจัดการเอง… นี่คุณ คุณคิดจะยืนเก๊กแบบนี้อีกนานไหม จะเอายังไงก็พูดมาค่ะ อยากได้เท่าไหร่นอกเหนือจากค่าซ่อมรถ ฉันจะจ่ายให้ จะได้จบ ๆ ฉันไม่อยากเป็นข่าวให้คนสนใจ” ผู้หญิงขี้เมาหันไปว่าเพื่อนของเธออีกครั้ง แล้วจากนั้นก็หันมาดึงคอเสื้อผมลง ทำท่าเหมือนหาเรื่องกัน ไหนจะคำพูดที่ดูถูกคนอื่น ผมไม่ชอบนิสัยแบบนี้เอาซะเลย เป็นข่าวเหรอ นี่คงจะเป็นนักแสดงในวงการสินะ หรือไม่ก็คงจะเป็นลูกสาวไฮโซที่พ่อแม่ชอบตามใจลูก จนเสียผู้เสียคน ถ้าให้ผมเดา ผมว่าน่าจะอย่างหลังมากกว่า เพราะเอาจริง ๆ เธอไม่ได้มีความสวยเลย แต่งตัวเชย หน้าตาโบกเครื่องสำอาง แต่ไม่ใช่โบกเพื่อความสวย เหมือนคนแต่งหน้าไม่เป็นมากกว่า กลิ่นแอลกอฮอล์ก็คละคลุ้ง แต่มีหนึ่งสิ่งที่มันสวยนั่นคือ ดวงตากลมโตใต้กรอบแว่นหนา ๆ นั่น กรอบแว่นที่ใส่เพื่ออำพรางดวงตา เพราะมันไม่ใช่แว่นสายตา “กรุณาปล่อยครับ” ลูกน้องของผมที่มาถึงที่เกิดเหตุรีบเดินมาและสั่งให้ยัยขี้เมาปล่อยมือจากคอเสื้อผม “อ้อ… นี่โทรตามพวกมาข่มเรียกเงินเพิ่มสินะ แต่ดูจากการแต่งตัวของเพื่อนนาย หรือว่านายคนนี้เป็นเจ้าของรถ นี่คุณ คุณจะเรียกค่าเสียหายเท่าไหร่ว่ามาเลย อย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ฉันไม่ได้มีเวลามาเสียกับเรื่องตรงนี้มากนัก” ยัยขี้เมาปล่อยคอเสื้อผม แล้วจากนั้นเธอก็หันไปสนใจบอดี้การ์ดของผมแทน บอดี้การ์ดที่ยัยขี้เมามองว่าเป็นเจ้าของรถที่เธอชน ผมว่ายัยนี่ตาถั่วจริง ๆ “แกพอได้แล้วอ้าย ตอนนี้แกควรเงียบปากไปเลย ถ้าแกมัวโวยวายแบบนี้เดี๋ยวก็ได้เป็นข่าวกันพอดี ฉันขี้เกียจหาเหตุผลแก้ตัวให้แกนะ” ผู้หญิงคนขับรีบดึงยัยขี้เมาอีกครั้ง หลังจากที่พยายามดึงอยู่นานแต่ไม่เป็นผล “ฉันก็กำลังเคลียร์นี่ไงโรส แกก็เห็นว่าเขาต้องการเงิน” ยัยขี้เมาทึกทักเอาเอง “แกพอเลยอ้าย คุณเขายังมะ…” “เดี๋ยวผมจะให้คนของผมอยู่เคลียร์ ส่วนเรื่องค่าเสียหาย ค่อยตกลงกันอีกที อ้อ! เพื่อนคุณนิสัยแย่มาก พฤติกรรมไม่น่ารักเอาซะเลย ผมไม่โอเค” ผมเดินเข้าไปพูดกับผู้หญิงคนขับ ซึ่งเธอดูสวย และดูเหมือนจะใจเย็นกว่ายัยขี้เมานั่น ซึ่งพอผมพูดไปแบบนั้นยัยขี้เมาก็กำลังจะหันมาต่อว่าผม “นี่คุณ!..” “ผมไม่มีเวลามาเล่นไร้สาระกับคุณ ‘ธนวัฒน์’ คือชื่อของผม จำเอาไว้ ถ้ามีอะไรติดต่อคนของผมได้ทันที” ผมพูดสวนขึ้นก่อนที่ยัยขี้เมาจะโวยวาย จากนั้นผมก็เดินมายังรถที่บอดี้การ์ดขับมา บอกตามตรงเลยว่า ยัยขี้เมาเป็นผู้หญิงที่น่ารำคาญ นิสัยก็ไม่ได้เรื่อง คงจะถูกเลี้ยงดูมาแบบตามใจ และใช้เงินฟาดหัวคนอื่นจนเคยชิน… สองวันถัดมา… “บอสเลือกคนที่จะมาเป็นพรีเซ็นเตอร์คอนโดหรือยังคะ ดิฉันส่งเข้าเมลให้บอสตั้งแต่เมื่อวาน” เลขาสาวของผมเอ่ยถาม ซึ่งผมลืมเรื่องนี้สนิทเลย “ขอโทษทีนะครับ พอดีผมมัวแต่ยุ่งกับงานตัวอื่น เดี๋ยวผมเลือกเลย” ผมบอกกับเลขาสาว แล้วจากนั้นก็เปิดเมลดู สองวันหลังจากเกิดเรื่องรถชน ลูกน้องของผมเคลียร์จบตั้งแต่วันนั้น แต่ไม่ราบรื่นสักเท่าไหร่เพราะยัยขี้เมานั่นกว่าจะเลิกโวยวายก็นานพอสมควร ถ้าผมเจออีกครั้งจะดัดไอ้นิสัยเสีย ๆ ให้หายไปเลยคอยดู “คนนี้ใครครับคุณอลิน” ผมหันแท็บเล็ตให้เลขาสาวดู “คนนี้เป็นดาราและนางแบบ เธอชื่อ อ้าย สิริมา ฝีมือการทำงานดีเยี่ยม นิสัยน่ารัก แฟนคลับรักและชื่นชอบ แฟนคลับปลื้มเธอมากเลยค่ะ และเธอยังโสด ข่าวเสียหายแทบไม่มีแม้แต่นิดเดียว ดิฉันว่าเธอก็เหมาะแก่การเป็นพรีเซ็นเตอร์ของเรานะคะ” เลขาสาวของผมบอกเล่ารายละเอียด “งั้นผมตกลงเอาคนนี้ครับ คุณจัดการได้เลยนะ แล้ววันที่เธอจะมาช่วยบอกผมด้วย เดี๋ยวผมจะไปพบและคุยกับเธอเอง” ผมสั่งเลขาสาว แล้วจากนั้นก็ปิดแท็บเล็ตหันมาสนใจเอกสารที่ต้องอ่านต้องเซ็น “รับทราบค่ะบอส อาหารเที่ยงบอสจะให้ดิฉันจัดการให้ไหมคะ” “ไม่ต้องครับ เดี๋ยวเคลียร์เอกสารตรงนี้เสร็จ ผมจะไปที่อื่นต่อ อย่าลืมจัดการแจ้งเวลานัดกับดาราคนนั้นให้ผมทางเมลด้วยนะ” “ค่ะบอส” แล้วเลขาสาวก็ออกจากห้องทำงานของผมไป ผมกดเปิดแท็บเล็ตดูอีกครั้ง มองดูรูปผู้หญิงที่ชื่อ ‘อ้าย สิริมา’ “นิสัยดี น่ารัก ทำงานดีงั้นเหรอ หึ” ผมพึมพำกับรูปถ่ายพร้อมแสยะยิ้มมุมปาก ผมว่าสายตาเสือผู้หญิงอย่างผมไม่น่าจะพลาดในการมองผู้หญิง ต่อให้แต่งตัวเชย ๆ ปกปิดความสวย แต่ดวงตากลมโตของเธอผมยังจำได้ดี แววตาดื้อรั้นแบบนั้น ผมไม่มีทางลืม แล้วเราจะได้เจอกันอีกครั้ง อ้าย สิริมา…
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม