“วิ่งเร็วเข้า!”
เมฆคำรามสั่งนวลจันทร์
เท้าใหญ่ของชายชั่วหญิงเลวเหยียบบนพงหญ้ารกทึบ วิ่งไม่คิดชีวิตหนีเข้าไปในป่าใหญ่ เศษไม้ข้างทางขูดขีดแขนขาพวกเขาจนได้เลือด เจ็บแค่ไหนไม่สามารถหยุดดูแผลตัวเองได้ จูงมือกันวิ่งต่อเนื่องหวังให้ความรกทึบของป่าใหญ่ช่วยพรางกายพวกเขาให้พ้นจากอสูรในร่างมนุษย์ ที่ไล่ตามหลังมาติดๆ และยิงปืนมั่วไม่สนใจว่าจะลูกกระสุนร้อนจะไปปักลงที่ไหน
ความชันของเนินเขาอาจจะนับได้ว่าเป็นการเดินที่ยากลำบากสำหรับคนต่างถิ่น แต่สำหรับคนที่ใช้ชีวิตในแถบนี้มาไม่ต่ำกว่ายี่สิบปี ไม่ต่างจากการวิ่งไปบนพื้นราบ
“พี่ ฉันวิ่งไม่ไหวแล้ว”
ขาสองข้างอ่อนยวบ กอปรกับอาการปวดแปลบบนท้องน้อยส่งผลให้สาวสวยก้าวขาไม่ไหว
หล่อนหอบหายใจถี่จนหน้าอกพองโต หยุดยืนกลางความมืดมิดของพงไพร เอามืออีกข้างมากุมท้อง ไม่ยอมก้าวเดินไปตามแรงฉุดจากชายข้อมือใหญ่
หล่อนเจ็บท้อง ปวดขา แสบแขน สารพัดความเจ็บปวด ที่ต้องอดทนอดกลั้นตลอดเส้นทางหลายกิโลเมตรที่หนีตามเขา
“เอ็งอยากตายหรือไงนังนวล นายอัคจับได้ ทั้งเอ็งทั้งข้าได้ตายเป็นผีเฝ้าป่าแน่!” ชายฉกรรจ์ฉุดดึงข้อมือเรียว
“เร็วเข้า ลุกขึ้นมา!”
หล่อนส่ายหน้า ก้าวขาไม่ไหวจริงๆ
“นังนวล!” เมฆกลัวจนตัวสั่น
เขาวิตกกังวลเสียงฝีเท้าของคนกลุ่มใหญ่ก้าวสวบสาบแหวกพงหญ้าตามมา หลายคนในนั้นชำนาญป่าแค่ส่องไฟฉายไปตามทาง สังเกตเห็นต้นไม้ใบหญ้าหักแค่เพียงเล็กน้อย สามารถชี้บอกเส้นทางถูกต้อง ให้พรรคพวกแกะรอยไล่ตามมา
ใช่ว่าเขาไม่เหนื่อย หัวใจเขาเต้นแรงสั่นรัวมากกว่ามีใครเอาไม้มากระหน่ำตีลงบนกลอง วิ่งหนีมาเป็นระยะทางกว่าหนึ่งกิโลเมตรกว่าจะตัดเข้ามาในชายป่าสำเร็จตามแผน
อันตรายไปสักหน่อยกับการเข้าป่ากลางดึก เสี่ยงเจอสิงสาราสัตว์ และติดบ่วงนายพรานที่ทำไว้ดักจับสัตว์ป่าไปลักลอบขาย
แต่เขาไม่มีทางเลือก!
ให้หันหลังออกจากป่าตอนนี้ จากที่มีโอกาสรอดออกไปจากป่าน้อย พวกเขาอาจจะต้องตายโหง เพราะถูกปืนจ่อยิงที่กลางศีรษะแบบเน้นๆ รัวยิงจนหมดลูกกระสุน จากนายหัวอัครา บุคคลจอมอาฆาต ที่วิ่งไล่ตามพวกเขามาถึงชายป่า และขู่พวกเขาด้วยการยิงปืนรัวถึงสามนัด!
อัคราไม่ใช่แค่ขู่ ทิศทางลูกระสุนยิงตรงมาทางพวกเขา
ถ้าหากไม่มีความน่าเกรงขามของป่าใหญ่ขวางกั้น ไม่แน่ว่าหนึ่งในสามนัดนั้นอาจจะฝังเข้าที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายพวกเขา
“ข้าขอร้อง ช่วยอดทนอีกนิดเถอะนะ”
กระซิบเสียงเข้ม สั่งแกมขอร้องให้นวลจันทร์อดทน
“ฉันเจ็บท้องเหลือเกินพี่”
คนหน้าซีดกัดขอบปากล่างที่สั่นระริก
แสงจันทร์จากคืนเดือนหงายสะท้อนมาบนใบหน้าพวกเขา สาวงามประจำหมู่บ้านตอนนี้แทบจะไม่เหลือเค้าโครงความสวย หน้ามอมแมมเปื้อนคราบเหงื่อไคล ปากซีดไม่มีสีแดงแต่งแต้มตามความชอบ ผมของหล่อนจากยาวสลวยตามประสาคุณนายเหมือง พันกันรุงรังสภาพไม่ต่างจากนังเป๋อ คนบ้าที่เที่ยวไปลักขโมยของชาวบ้าน
นวลจันทร์หมดเรี่ยวแรง เลื่อนกายอ่อนเพลียลงไปนั่งคุกเข่าบนผืนป่า พายุฝนเพิ่งหยุดตกไปไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงพื้นดินจึงมีสภาพเปียกแฉะ ส่งผลให้กางเกงยีนของสาวงามเปรอะเปื้อนโคลน
“เราหาที่ซ่อนแถวนี้ได้ไหมพี่ รอฟ้าสว่างค่อยออกเดิน...”
“เอ็งอย่าถามอะไรที่รู้คำตอบแต่แรกว่าไม่ได้สิวะ”
“งั้นพี่... ไปก่อน ฉันเจ็บท้องจะตายอยู่แล้ว”
“ข้าไม่ทิ้งเอ็งหรอก เอ็งไม่รักข้าแล้วเหรอ ไหนเอ็งบอกจะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่กับข้าไง”
ถึงจะรักตัวกลัวตาย แต่อดห่วงใยคนท้องไม่ได้
“รักสิพี่ แต่ฉันเจ็บท้อง...”
ดึงฝ่ามือสองข้างมากุมบนหน้าท้อง หน้าถอดสีกับอาการปวดจี๊ดที่เล่นงานไปทั่วช่องท้อง
“อดทนอีกนิดนะนวล เข้าป่าได้เราสองคนจะปลอดภัย รอให้ฟ้าสว่างเราเดินข้ามเขาไปต่อเรือล่องแม่น้ำไปหาที่ซ่อนตัว ขอแค่รอดไปได้ ข้าสัญญาจะดูแลเอ็งกับลูกให้สุขสบาย”
เขาให้คำมั่นสัญญา
“ข้ารักเอ็งนะ ถ้าเอ็งรักข้า รักลูก เอ็งก็ต้องลุกขึ้นมา”
“จ้ะ พี่”
นวลจันทร์ส่งสายตาเชื่อมั่นไปให้ชายฉกรรจ์ ยื่นมือเรียวบางไปให้ชายชู้ของหล่อนฉุดดึงเรือนร่างเพรียวบางขึ้นยืน ขาสองข้างสั่นเล็กน้อยเกือบจะเซล้มอีกรอบถ้าหากไม่มีมือคู่แข็งแรงโอบหลัง ก่อนจะก้าวขาซ้ายสลับขวาถี่ๆ พยุงเรือนร่างอ่อนแรงมุ่งตรงเข้าในความมืด
“พวกมึงไปมุดหัวอยู่ที่ไหน!” เสียงนายหัวอัคราอยู่ไม่ไกล
“พี่...” นวลจันทร์มองตาขลาดเขลาของชายชู้
“เร็ว!” เมฆสั่ง