8

1441 คำ
8 “ไม่เห็นน่าอายตรงไหนเลย ทำไม่เป็นล่ะสิน่าอายกว่า” เธอลอยหน้าลอยตาพูดอีกครั้ง “อยากจูบเป็นนักหรือไงถึงได้พูดแบบนี้” เสียงที่ถามเริ่มเข้มขึ้น “อือหึ” เธอตอบในลำคอ “ก็แค่อยากรู้ว่าเวลาจูบกับผู้ชายมันจะเป็นยังไง จะขนลุกซู่ ร้อนๆ หนาวๆ ในอกเหมือนกับที่เพื่อนของเบลล์พูดหรือเปล่า” วราลีทำตัวเหมือนคนอยากรู้อยากเห็น เพื่อนๆ ในมหาวิทยาลัยที่เธอศึกษาอยู่ ล้วนแต่เป็นชาวต่างชาติทั้งสิ้น เรื่องการจูบและการหลับนอนกับคนรักหรือชายอื่นถือว่าเป็นเรื่องปกติ และที่สำคัญไอริสเพื่อนสนิทของเธอ มักมาพูดให้วราลีฟังเสมอว่า เวลาจูบกับผู้ชายคนนั้นคนนี้มีความรู้สึกอย่างไร บางครั้งสาวชาวไทยเองก็ต้องการรู้ว่า รสจุมพิตนั้นจะหวานซาบซ่าเหมือนกับที่ไอริสพูดหรือไม่ เฟอเดอริโกได้ยินแล้วอยากจะเอาหัวโหม่งพื้นโลก “เบลล์อยากรู้อยากลองว่างั้นเถอะ” “ก็ประมาณนั้น” วราลีรับคำไปอยากนั้น ไม่ได้คิดอยากจะลิ้มลองรสจูบแต่อย่างใดเลย แต่เห็นว่าชายที่ตนแอบรักคิดไปไกลก็เลยไหลไปตามน้ำ “เบลล์อยากรู้จริงๆ ใช่มั้ย” เขาถามย้ำราวกับว่าต้องการความมั่นใจ “อืม” เธอรับคำในลำคอ “อยากรู้จริงๆ” เมื่อเขาได้รับคำตอบ เฟอเดอริโกก็ทำบางอย่างที่วราลีไม่คิดว่าเขาจะทำ สิ่งนั้นก็คือ เขาปลดเข็มขัดนิรภัยออกเอี้ยวตัวไปยังเบาะด้านข้าง มือใหญ่ปลดเข็มขัดนิรภัยที่คาดร่างของเธอออกก่อนจะคว้าร่างสาวลอยผ่านเกียร์มานั่งบนตักแข็งแรง ทุกการกระทำของเขาวราลีแทบไม่ทันได้ตั้งตัวเลย “ถ้าอยากรู้เดี๋ยวพี่สอนให้เอง” สิ้นเสียงใหญ่ ริมฝีปากหนาร้อนแรงทาบทับกลีบปากสาวที่เขาอยากจะลิ้มลองมานานทันที บดเบียดปากสาวอย่างเร่าร้อน เฟอเดอริโกฉกลิ้นเข้าไปภายในช่องปากสาวอย่างว่องไว อาศัยจังหวะที่เธอตกอยู่ในอาการตะลึงงันให้เป็นประโยชน์ สมองของวราลีหมุนติ้วราวกับว่าตนเองกำลังนั่งอยู่บนชิงช้าสวรรค์ที่มีความสูงเสียดฟ้า ชิงช้าที่ตนเองนั่งอยู่นั้นไม่ได้หมุนด้วยความเร็วปกติ แต่มันหมุนด้วยความเร็วสูงจนเธอรู้สึกมึนงง ความสูงที่อยู่เหนือระดับน้ำทะเลมากกว่าหนึ่งพันฟุต ยามที่มองลงมาเธอเกิดความรู้สึกเสียววาบ ร้อนวูบในหัวใจ เกิดอาการโหวงเหวงอย่างบอกไม่ถูก โอ้...จูบมันเป็นอย่างนี้เองหรือ ทั้งร้อน ทั้งเสียวสะท้าน หวามไหวในช่องอก ขนตามร่างกายลุกซู่ ยามที่เรียวลิ้นใหญ่พันรัดลิ้นเล็กของเธอ ดุนดันลิ้นจนประสาทสัมผัสของวราลีเริ่มสั่นสะท้าน งกๆ เงิ่นๆ ทำอะไรไม่ถูก สมองที่ชาญฉลาดเอาตัวรอดเก่งเป็นเลิศ บัดนี้นอนสงบนิ่งอยู่ในก้นสมอง ไม่ตื่นขึ้นมาทำงาน แต่ทว่าความรู้สึกบางอย่างกลับตื่นและแทรกซึมเข้าสู่กระแสเลือดของเธอ เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เฟอเดอริโกลืมทุกอย่างจนสิ้น ลืมแม้กระทั่งว่าคนที่ตนเองกำลังจูบอยู่นี้เป็นใคร ความตั้งมั่น ยึดมั่นมาตลอดที่ว่า เธอคือน้องสาวเพื่อน น้องสาวเพื่อน บัดนี้ถูกขับออกไปจากสมอง สิ่งที่เขารับรู้ตอนนี้ก็คือ จะไม่มีชายใดได้สัมผัสกลีบปากนุ่มๆ ลิ้นร้อนชื้น ได้ลิ้มรสความหวานละไมจากโพรงปากสาวนอกจากเขาเพียงคนเดียว รสชาติหวานๆ หอมๆ ที่อบอวลเสมือนเขากำลังเดินอยู่ในสวนดอกไม้ยามเช้า ที่พร้อมใจกันเบ่งบานส่งกลิ่นหอม แน่นอนที่เขาจะไม่พลาดสัมผัสและสูดดมกลิ่นหอมนี้ ลิ้นร้ายกาจของเขาจึงกวาดต้อนสิ่งที่ว่านั้นไปทั่วช่องปาก ดูดดึงลิ้นเล็กเข้ามาในปากของเขา ก่อนจะปล่อยและพันพัวในช่องปากสาว ร่างกายสั่นสะท้านทั้งคนจูบและคนถูกจูบ แม้ว่าวราลีจะตกอยู่ในอาการตกใจในคราแรก แต่เธอก็ไม่คิดจะใช้มือของตนผลักไสร่างหนาให้ออกห่าง ตรงกันข้ามมือทั้งสองข้างนั้นกลับลูบไปมาตรงลำแขนของเขาเบาๆ ในลักษณะเคลิบเคลิ้ม ก่อนจะเลื่อนสูงมาโอบรอบลำคอหนา และเรียนรู้การจูบจากชายที่ตนเองรัก มือใหญ่ของเขาก็ไม่น้อยหน้า ไล้ไปมาบนแผ่นหลังสาว ผิวเนื้อที่โผล่ล้นของเกาะอกช่างเนียนนุ่มเหลือเกิน นุ่มลื่นมือจนเขาไม่อยากผละจาก แล้วความต้องการที่จะทำมากกว่านี้ก็ตามมา การจุมพิตครั้งนี้เขาและเธอไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ รู้เพียงว่าทั้งสองจมดิ่งอยู่ในห้วงเสน่หา ยากนักที่จะดึงรั้งสติให้พลิกฟื้น หยุดการกระทำอันแสนวาบหวามนี้ แต่เขาก็สามารถดึงอารมณ์ ดึงความปรารถนาให้กลับมาอยู่กับตัวเอง “ที่นี้รู้หรือยังว่าจูบเป็นยังไง” เฟอเดอริโกถามเจ้าของปากสาวที่เขายังคงใช้ปากแทะเล็มไม่ห่าง “ปล่อยเบลล์ได้แล้วพี่ริโก้” วราลีไม่ตอบ เบี่ยงสายตาไปยังทิศทางอื่นที่ไม่เขา และเป็นครั้งแรกที่เธอหลบหน้าหลบตา ไม่ต่อปากต่อคำหรือทำท่าแก่นแก้วใส่ เป็นเพราะเวลานี้ความเขินอายกดทับสิ่งที่ตนเองเคยกระทำ “ตอบพี่มาก่อนสิว่ารู้หรือยังว่าจูบเป็นยังไง” เขาไม่ปล่อยร่างอวบอิ่มที่นั่งอยู่บนตัก กลับย้ำถามคำถามเดิม ระหว่างที่รอคอยคำตอบ เขาใช้ปากขบเม้มกลีบปากสาวทั้งล่างและบนเบาๆ แต่สร้างความกระสันซ่านให้กับเธอไม่น้อย “ค่ะ รู้แล้วค่ะ” วราลีตอบเบาๆ ก้มหน้างุดหลบหลีกสายตาร้อนผ่าวของเขา นิ้วมือใหญ่เชยคางมนให้เชิดขึ้น เพื่อที่เขาจะได้มองเห็นหน้าหวานๆ สวยๆ ของวราลีได้อย่างถนัดก่อนจะพูดประโยคเชิงคำสั่ง “ทีหลังอยากจะรู้อยากจะลองอะไร ไม่ต้องไปลองกับใคร มาลองกับพี่ พี่จะสอนให้เอง” เสียงใหญ่ถามเหนือเรียวปากสวย “เข้าใจที่พี่พูดมั้ย” เธอพยักหน้าตอบรับ “เข้าใจค่ะ” “เข้าใจแล้วก็ดี แต่ถ้าไม่เข้าใจแล้วละเมิดคำสั่งของพี่ล่ะก็ โดนดีแน่” เขาขู่ “พี่ริโก้เลิกกอดเบลล์ได้แล้ว เบลล์จะกลับไปนั่งที่” คนขี้อายพูดเสียงเบา เริ่มใช้มือผลักอกของเขาเป็นเชิงเตือนเขาคลายแขนที่รัดร่างสาวออกตามความต้องกาของเธอ วราลีไม่รีรอขยับร่างไปยังเบาะด้านข้างคนขับ คาดเข็มขัดนิรภัยแล้วนั่งนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา เฟอเดอริโกเองก็เหมือนคนเป็นใบ้ ทำหน้าที่พลขับเพียงอย่างเดียว ทั้งรถจึงมีแต่ความเงียบไปตลอดทาง จนกระทั่งถึงที่หมาย บนเตียงนอนในห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน เป็นห้องนอนในบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่ง กำลังถูกคนสองคนใช้งานอย่างหนัก เตียงโยกไหวไปตามจังหวะร้อนแรงของเจ้าของห้อง ที่ขับเคลื่อนอยู่เหนือร่างอรชรของปารีส “โอ้ว...” ไม่กี่วินาทีต่อมา สองร่างที่ขับเคลื่อนกันอย่างหนักหน่วงก็สงบนิ่ง หยุดการเคลื่อนไหวใดๆ มีเพียงเสียงหอบหายใจเร็วถี่ของทั้งคู่ เมื่อเขาและเธอก็บรรลุถึงเป้าหมายเดียวกัน ก่อนที่ฝ่ายชายจะล้มตัวลงนอนแผ่หลาข้างร่างสาวที่หอบหายใจแรง “คุณโมโหใครมาคะคาร์เตอร์” ปารีสเอ่ยถามร่างหนาที่นอนข้างๆ “เธอรู้ได้ไงว่าฉันโมโห” คาร์เตอร์ไม่ตอบกลับย้อนถาม สาวหุ่นดีทรงสะบึ้มจากมือแพทย์พลิกกายมาทางหนุ่มกลัดมัน ก่ายกอดแล้วพูด “ฉันเป็นคู่นอนของคุณมาเกือบสองเดือน ทำไมจะไม่รู้ว่าเซ็กส์ของคุณเป็นยังไง” ตลอดสองเดือนที่ปารีสเป็นคู่นอนของคาร์เตอร์ เธออาจจะไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของเขามากนัก แต่มีเรื่องหนึ่งที่ปารีสรู้ดีก็คือ บทสวาทบนเตียง ยามที่เขามีอารมณ์ปกติคือไม่มีความโกรธ ไม่มีความเครียด บทรักของเขาจะเร่าร้อนและรุนแรงในระดับหนึ่ง หากเขาตกอยู่อาการข้างต้นบทรักของคาร์เตอร์จะเพิ่มความเร่าร้อน รุนแรง ดุดัน และเพิ่มเติมมาคือ ซาดิสต์
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม