ตอนนี้ฉันกับสกายและเพื่อน ๆ อีกสองคนของฉันกำลังยืนหมดความหวังกันอยู่ที่หน้าห้องซ้อมดนตรีอย่างคนที่ไร้ซึ่งจุดหมาย และได้แต่มองไปที่ห้องซ้อมนั้นตาปริบ ๆ อย่างที่ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี
“เอาไงอ่ะ...”
“นั่นดิ เอาไงดีอ่ะ”
ร้านปิด 3 วัน ขอกลับบ้านไปหาลูกเมีย
นี่คือป้ายติดประกาศที่อยู่หน้าร้าน ก็พอจะรู้อยู่บ้างว่าเฮียที่เป็นเจ้าของห้องซ้อมแกเป็นคนติสท์ ๆ ที่อยากทำอะไรก็ทำโดยไม่สนโลก แต่เมื่อวานฉันก็อยู่ซ้อมจนเย็นจะบอกกล่าวกันสักคำก็ไม่ได้เลยหรือไง...
“อยากไปซ้อมที่อื่นไหมล่ะ หรือว่า 3 วันนี้จะงดไปก่อน” ฉันถามออกมาอย่างหาข้อเสนอแนะ
“แต่ห้องซ้อมแถวนี้มันก็ไม่มีแล้วอ่ะดิ ฝั่งตรงข้ามนั่นก็แพงหูฉีก มีแต่วงของพวกเด็กกางเกงน้ำเงินไปซ้อม” เก่งเอ่ยบอกออกมาพาให้เราทั้งสามต้องหันกลับไปสบมอง
เป็นจังหวะเดียวกับที่พวกเด็กผู้ชายกางเกงน้ำเงินที่ห้อยกระเป๋ากีต้าร์กับเบสกำลังจะเดินเข้าไปในร้านพอดิบพอดี
“งั้นก็แยกย้ายกันไปก่อนแล้วกัน อีก 3 วันค่อยว่ากันอีกที” และสกายก็เสนอออกมาให้เราทั้งหมดต่างพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “อย่าลืมไปทวนเพลงกันด้วยล่ะ ได้ข่าวจากวงในมาว่างานอดิชั่นจะมีเร็ว ๆ นี้แล้ว”
“รับทราบค้าบหัวหน้า” เก่งยกมือตะเบ๊ะราวกับว่าเป็นตำรวจก่อนจะยกยิ้มออกมาอย่างคนมีอารมณ์ขัน “งั้นแยกกันตรงนี้เลยนะ เจอกันครับผม”
“โอเคเจอกัน” และทั้งสองคนต่างก็เดินแยกกันไปอีกทางหนึ่ง เหลือตรงนี้ให้ฉันกับสกายยืนกันอยู่สองคนเนื่องจากว่าบ้านของเราไปทางเดียวกัน
“แล้วแกเอาไง? จะกลับบ้านเลยปะ” ฉันหันมองดูท้องฟ้าที่ยังสว่างโร่อยู่อย่างรู้สึกไม่ชินเท่าไหร่ ฉันไม่ได้กลับบ้านก่อนค่ำมานานขนาดไหนกันแล้วนะ...
“แล้วแกอ่ะ จะกลับเลยไหม?” ฉันเอ่ยถามมันกลับบ้าง ซึ่งมันก็ส่ายหัวเป็นพัลวันให้ฉันรู้สึกสนใจขึ้นมาทันควัน “แล้วจะไปไหนอ่ะ?”
“ว่าจะไปร้านซีดีสักหน่อย ช่วงนี้เหมือนหนังใหม่ ๆ จะออกเยอะเลย” ฉันตาลุกวาวขึ้นมาอย่างสนอกสนใจ จะว่าไปได้ดูหนังครั้งสุดท้ายกับพ่อเมื่อไหร่กันแล้วนะ
“ไปด้วย ๆ พอดีเลยว่าง ๆ หาไรทำ” ซึ่งมันก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนที่เราจะออกเดินเท้ากันไปอีกครั้งยังร้านขายซีดีที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกับที่ ๆ พวกเรายืนอยู่
เราเดินทางกันมาถึงร้านขายซีดีในเวลาอันสั้น ก่อนที่ฉันจะเดินปลีกตัวออกไปยังโซนหนังที่ฉันสนใจ ในร้านก็จะมีการเปิดเพลงที่อยู่ในซีดีไปด้วยพลาง ๆ เพื่อเรียกความสนใจให้กับลูกค้า ฉันไม่แปลกใจเลยที่เถ้าแก่เปิดเพลงแนวนี้เพราะเพลง TPOP แนวนี้กำลังเป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน
ในร้านก็จะแบ่งเป็นโซนต่าง ๆ เนื่องจากเป็นร้านใหญ่ มีทั้งโซนหนังบู๊ หนังรักโรแมนติก และโซนหนังยอดฮิตขายดี ทั้งบนผนังยังมีป้ายอัตราค่าเช่าบริการเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าขาจรเช่นฉัน ในร้านมีคนอยู่ทุกมุมทุกโซนส่วนมากก็เป็นวัยรุ่นที่มาหาเพลงฟังกันทั้งนั้น
“เฮีย ลองเปิดอันนี้ให้ฟังหน่อย” ฉันหันไปตามเสียงก่อนจะเห็นว่ามีเด็กผู้ชายกำลังยืนคุยกับเจ้าของร้านอยู่
เถ้าแก่รับซีดีไปถือเอาไว้ก่อนจะเปิดซีดีให้กับลูกค้าตามคำขอเพื่อลองฟังก่อนว่าเพลงแนวนี้เป็นแนวที่เขาชอบฟังหรือเปล่า
“ขอเพลงที่ 3” หลังจากนั้นเสียงเพลงสนุกสนานตามฉบับของค่ายคามิคาเจ้ก็ดังขึ้นมาให้ฉันที่ชอบฟังเพลงอยู่แล้วเป็นทุนเดิมก็ร้องตามออกมาได้ง่าย ๆ เพราะค่ายนี้เพลงเขาฮิตแล้วก็ดังทุกเพลง
“ไอบีม เสร็จยัง” ฉันหันไปหาสกายอีกครั้งก็เห็นว่ามันหยิบหนังแนวบู๊มาประมาณ 2-3 เรื่อง ก่อนที่ฉันจะหยิบหนังและเพลงที่สนใจก่อนจะเดินออกไปหามันเพื่อที่จะจ่ายเงิน
“มีบัตรสมาชิกเปล่า?” เจ้าของร้านเงยหน้าถามพวกเราซึ่งสกายก็ส่ายหัวเป็นพัลวันเพราะตัวเองก็ไม่ได้มีเวลาว่างดูหนังบ่อยนัก “เช่ารายวันหรือซื้อเลย ราคาอยู่บนป้าย”
“เช่า 3 วันครับ”
“แยกกันนะคะ” ฉันบอกเจ้าของร้านก่อนเพราะไม่ได้ตั้งใจว่าจะคิดรวมกับมันแต่แรกอยู่แล้ว
“รสนิยมดีนี่หนุ่ม หยิบหนังออกใหม่ตั้ง 2 เรื่อง”
“ขอบคุณครับ” ก่อนที่เจ้าของร้านจะทำการคิดเงิน และบอกถึงอัตราค่าปรับหากไม่มาคืนในวันที่กำหนด ซึ่งพวกเราเองก็พยักหน้าเออออไปตามนั้นเพราะส่วนหนึ่งก็อ่านบนป้ายมาก่อนแล้ว
“เอ่อนี่หนุ่ม ลุงมีหนังแนะนำนะ เผื่อสนใจ” ฉันกับสกายที่กำลังจะเดินออกจากร้านพลางหันกลับไปหาลุงอีกครั้งอย่างสนอกสนใจ
ไม่นานเถ้าแก่ก็หยิบกล่องลังขึ้นมาจากทางใต้โต๊ะและเอามาวางที่เคาน์เตอร์ ก่อนจะยักคิ้วและหยิบขึ้นมาหนึ่งเรื่องราวกับแนะนำ
“คนนี้งานดีเลย หนังใหม่ ๆ พึ่งออกมาเมื่อวาน สนใจไหมหนุ่ม?”
“!!!” ฉันเบิกตาโพล่งก่อนจะหันหน้าหนีเพราะหนังที่เถ้าแก่เอามาเสนอมันคือหนังอย่างว่าสำหรับผู้ใหญ่
ฉันที่ไม่ได้สนใจอะไรปนเขินอายก็เดินปลีกตัวออกมาที่มุมหนึ่งแต่ไอสกายกลับยืนดูกับเถ้าแก่ต่อตามประสาเด็กผู้ชายที่อยากรู้อยากเห็น
ฉันได้แต่ใบหน้าร้อนผะผ่าวขึ้นมาเพราะบังเอิญได้ไปเห็นหน้าปกที่ดูแล้วชวนสยิวขึ้นมาชอบกล ก่อนจะมองนั่นมองนี่เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจก่อนในที่สุดก็ราวกับสวรรค์เข้าข้างฉันอีกครั้ง
มายด์กำลังเดินเข้ามาที่ร้านแผ่นซีดีกับเพื่อนของเธอที่ฉันบังเอิญได้เห็นว่าเจ้าหล่อนอยู่ด้วยกันที่ร้านไอศกรีมเมื่อตอนเย็นวันนี้
เธอกำลังเดินพูดคุยกับเพื่อนอยากออกรสและเหมือนกับว่ารอบ ๆ กายของมายด์มีแสงสว่างส่องอยู่รอบ ๆ ตัวแทบจะตลอดเวลา และมันก็เป็นอีกครั้งแล้วที่มายด์เงยหน้าขึ้นมาสบตากับฉันที่กำลังยืนมองอย่างคนเพ้อเจ้ออยู่ แต่ผิดกันที่ครั้งนี้ฉันเลือกที่จะสบตาและไม่ได้คิดที่จะหลบหน้าของมายด์อีกแล้วต่อไป
ฉันอยากรู้จักเธอให้มากกว่านี้...
เกิดเป็นประโยคนี้ที่แล่นเข้ามาในหัวสมองของฉันอีกครั้ง ฉันยืนจิกกระเป๋าตัวเองเอาไว้จนรู้สึกเจ็บเล็บขึ้นมาแต่ฉันก็ยังคงทำอยู่ ฉันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อที่จะเรียกความมั่นใจ ก่อนท้ายที่สุดแล้วฉันจะเดินหน้าเข้าไปหาเธอเพื่อหวังที่จะทักทาย
“มายด์...” แต่แล้วขาของฉันก็ต้องหยุดชะงักเพราะเสียงของเพื่อนตัวดีดันเอ่ยเรียกชื่อของใครบางคนเอาไว้เสียก่อน
ฉันหันหน้าไปมองที่สกายก่อนจะเห็นว่ามันกำลังยกยิ้มออกมาราวกับได้เจอนางฟ้านางสวรรค์และกำลังจะเดินมุ่งหน้าเข้าไปหาคนทั้งสองคนให้ฉันที่ยืนเหลอหลาต้องพาตัวเองเดินไปด้วยอย่างคนอยากรู้อยากเห็น
“อ้าวสกาย...” แต่คนที่ทักทายสกายกลับไม่ใช่ยัยหางม้าที่ฉันหมายปอง แต่กลับเป็นเพื่อนที่อยู่ข้าง ๆ ของเธอและกำลังยกยิ้มให้กับสกายด้วยยิ้มเขิน ๆ
แต่เมื่อครู่เหมือนฉันได้ยินสกายเรียกเธอว่ามายด์ แล้วเธอที่ฉันหมายปองไม่ได้ชื่อมายด์หรอกหรือ? หรือว่าฉันจะเข้าใจผิดและคิดไปเองอยู่ฝ่ายเดียว
“มาหาซื้อหนังดูเหรอ?” สกายถามและยกยิ้มจนฉันรู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมาชอบกล จะใช่เพื่อนคนนี้หรือเปล่าที่ทำให้มันหน้าแดงหูแดงได้กับเรื่องที่ฉันล้อมันวันนั้น
“ใช่ ๆ ว่าจะมาหาหนังใหม่ ๆ ไปดูที่บ้านอ่ะ” เธอคนนั้นตอบอย่างฉะฉานและมองเลยไปยังถุงที่อยู่ในมือของสกาย “สกายก็มาหาหนังดูเหรอ ได้เรื่องอะไรมาบ้างล่ะ” ฉันแทบจะหลุดขำพรืดเพราะมันเอาถุงที่ถืออยู่ดี ๆ รีบยัดใส่กระเป๋า และทำหน้าเลิ่กลั่กจนฉันต้องหันหน้าหนีมันไปขำอย่างคนที่กลั้นต่อไปไม่ไหวแล้ว
เหมือนจะเห็นว่ามันหยิบหนังที่เถ้าแก่เสนอมา 2-3 เรื่องด้วยนะ อิอิ
“เอ่อ...ก็หนังบู๊ทั่ว ๆ ไปแหละ ช่วงนี้ว่าง ๆ น่ะ”
“อ๋อ...” เธอคนนั้นพยักหน้าอย่างเข้าใจ ซึ่งฉันเองที่เห็นว่าได้จังหวะแล้ว ก็หยิกหลังมันไปแรง ๆ หนึ่งทีเพื่อให้มันเข้าใจว่าควรที่จะแนะนำฉันได้แล้ว
“อ๋อ...นี่บีมนะ เพื่อนตั้งแต่สมัยเด็กของเรา ไอบีมนี่มายด์นะ” ได้แต่ขอบคุณสวรรค์ที่มันยังเข้าใจในการกระทำของฉัน
ก่อนที่ฉันจะยกยิ้มให้กับเธอคนนั้นและยกมือขึ้นมาราวกับสวัสดีให้เธอที่ชื่อมายด์ยกยิ้มออกมา ซึ่งฉันเองก็มองเลยไปข้าง ๆ ตัวของเธอ เพราะจริง ๆ แล้วคนที่ฉันอยากจะรู้จัก...คือยัยหางม้าที่อยู่ข้าง ๆ ต่างหาก
“อ๋อ นี่มายด์นะเป็นเพื่อนโรงเรียนเดียวกับเรา มายด์นี่สกาย”
“คนที่แกเล่าให้ฟังว่าเขามาขอเมล์วันนั้นใช่ไหม?”
“มายด์!!” หล่อนคนนั้นหันไปตีแขนเธอเบา ๆ ราวกับว่าขวยเขิน ก่อนที่ฉันจะเห็นปฏิกิริยาว่าลูกของลุงสมพงษ์เองก็มุดหน้าหนีอย่างคนเขินอายเหมือนกัน
แต่ประเด็นมันก็ไม่ได้อยู่ตรงนั้น เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินเสียงของเธอเต็ม ๆ และมันก็หวานหูมากยิ่งกว่าเมื่อตอนเย็นที่ฉันเคยได้ยินเสียอีก
ทั้งหน้าตา รูปร่าง ทรงผม หรือแม้กระทั่งเสียง ผู้หญิงคนนี้ช่างงดงามไร้ที่ติเตียน และมันกำลังทำให้ฉันมองเธออย่างคนที่ตกอยู่ในห้วงภวังค์
“ไอบีม!”
“อะไร เรียกทำไมเสียงดัง!” ฉันสะดุ้งโหยงที่อยู่ ๆ สกายก็เรียกฉันซะเสียงดัง ก่อนที่ฉันจะหันไปทำหน้ายักษ์แต่กลับได้ยินเสียงหัวเราะของมายด์และมายด์ที่กำลังยืนหัวเราะอย่างขบขัน
“ฉันเรียกแกเป็นสิบรอบ ตกใจอะไรกับความสวยของมายด์หรือไง?” และมันก็ทำให้ฉันหันหน้าหนีกับประโยคนั้นในทันที เพราะที่สกายพูดมา...มันไม่ได้เกินจริงอะไรเลย “เป็นเอามากนะ”
“งั้นเดี๋ยวเราขอเข้าไปด้านในก่อนนะ เดี๋ยวเราต้องไปเรียนพิเศษกันต่อ”
“อ๋อ ๆ ได้ ๆ” ก่อนที่ทั้งฉันและสกายจะหลีกทางให้กับดับเบิ้ลมายด์ได้เดินเข้าไปในร้าน “คืนนี้คุยกันนะ ฉันจะรอเธอออนไลน์นะ”
“อื้ม...ไว้คุยกันนะ” มายด์ของสกายยกยิ้มออกมาอีกครั้งโดยไม่วายเผื่อแผ่มาทางฉันด้วย “ยินดีที่ได้รู้จักนะบีม”
“เอ่อ ยินดีที่ได้รู้จักนะมายด์”
“มายด์ไหน มายด์คนนี้หรือมายด์คนนู้น?” เจ้าหล่อนชี้ไปที่ตัวเองและคนข้าง ๆ ราวกับว่าหยอกล้อ ซึ่งฉันเองก็ได้แต่มองอย่างทำตัวไม่ถูกและหล่อนทั้งสองคนก็เดินจากเข้าไปในร้าน ให้ฉันได้แต่ยืนเขินอายอยู่ตรงนั้นจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี
“ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการนะ...ยัยหางม้า”