ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง!!
ฉันยืนอยู่ที่หน้าสถาบันเรียนพิเศษของมายด์มาเกือบ 10 นาทีแล้ว และฉันก็เอาแต่จิกเสาอยู่อย่างนั้นเพราะฉันกำลังรอการปรากฏตัวของเธออยู่
เมื่อวันก่อนที่มายด์บอกว่าอยากจะไปดูซ้อมทำเอาฉันนอนไม่หลับเรียนไม่รู้เรื่องไปกว่าหนึ่งวันเต็ม ๆ จนเมื่อวานฉันตัดสินใจที่จะกลับบ้านแล้วไม่มาดักรอเจอเธอที่นี่ แต่ผลสุดท้ายแล้วกลับเป็นฉันเสียเองที่นอนไม่หลับเพราะเอาแต่คิดถึงเธอ
ว่าไปแล้วจริง ๆ ก็น่าเสียดายที่ฉันพลาดโอกาสในการขอเมล์เธอไปก่อนหน้านั้น แต่ในเมื่อวันนี้โอกาสมันมาถึงอีกครั้งแล้วและฉันก็จะต้องไม่ทำพลาดอีก!
ฉันหันมองไปที่เข็มนาฬิกาบนผนังก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ อย่างให้กำลังใจตัวเอง ถ้าฉันเดินออกไปตอนนี้ฉันก็จะบังเอิญเจอกับมายด์พอดีให้ดูแบบว่าฉันบังเอิญและไม่ได้ตั้งใจที่จะมา คิด ๆ แล้วฉันก็เดินออกไปในทันทีเพราะคิดว่าอีกไม่นานมายด์จะต้องมาแน่ ๆ
ฉันก้าวขาเดินออกมาจากมุมเสาและเดินเอื่อย ๆ อย่างไม่เร่งรีบนัก ฉันสวมหูฟังเอาไว้ไม่ให้มันดูจงใจเกินไปก่อนจะเดินผ่านหน้าสถาบันเรียนพิเศษของมายด์แต่แล้วสิ่งที่ฉันคิดมันผิดคาด
“ทำไมยังไม่มา...” ฉันพึมพำกับตัวเองและเดินวนกลับมาอีกครั้งอย่างเชื่องช้าเพราะรอให้เจอเธอแต่ผลสุดท้ายแล้วมายด์ก็ยังไม่มา
ฉันเดินวนอีกหนึ่งรอบทำทีท่าสบาย ๆ เดินผ่านเลยไปแต่แล้วมายด์ก็ยังไม่มาอยู่ดี เข็มนาฬิกาชี้ไปที่เลขหกแล้วและถ้าฉันยังมัวชักช้าลีลาอยู่แบบนี้จะต้องโดนเพื่อน ๆ ว่าเอาแน่ ๆ
แล้วยัยคนนั้นมองอะไรฉันน่ะ ฉันแค่เดินเล่น ๆ หน้าสถาบันเรียนพิเศษสองสามรอบเองไม่เห็นว่ามันจะแปลกตรงไหน!
“ไว้คราวหน้าก็ได้วะ!” ฉันบ่นพึมพำกับตัวเองและกำลังจะเดินจากออกไปเพื่อไปยังห้องซ้อมดนตรี
“บีม!” แต่แล้วเสียงหวานสดใสที่ฉันคุ้นเคยก็ดังขึ้นมาให้ฉันที่ใส่หูฟังแต่ไม่ได้เปิดเพลงเอาไว้ต้องรีบหันกลับไปสบมองอย่างรวดเร็วด้วยหัวใจที่มีความหวัง
“อ้าวมายด์...” ฉันยกยิ้มและทำทีเป็นหยิบหูฟังออกจากหูทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริงแล้วฉันไม่ได้เปิดเพลงเพราะกลัวว่าถ้าเธอเรียกแล้วฉันจะไม่ได้ยิน “บังเอิญเจอกันอีกแล้ว...”
บังเอิญกับผีสิไอบีม ได้ข่าวว่าแกเดินวนไปวนมาสามล้านรอบจนคนมองแล้ว!
“นั่นสิ บังเอิญจัง” เธอยกยิ้มหวานด้วยใบหน้าสดใสให้ฉันที่สบมองดูอยู่ได้แต่หัวใจสั่นไหว พลันร่างกายก็รู้สึกไร้เรี่ยวแรงจนอยากจะลงไปนอนชักดิ้นชักงออยู่ที่พื้น “แล้วนี่ไม่ไปซ้อมเหรอ?”
“อ๋อ...นี่เรากำลังจะเดินไปซ้อมน่ะ” ฉันกลืนน้ำลายและกำลังคิดคำที่จะเอ่ยชวนเธอให้มาด้วยกัน “มายด์อยากจะ...”
“มายด์!” แต่แล้วเสียงของใครบางคนก็ดังขึ้นมาให้ฉันต้องหันกลับไปสบมอง ก่อนจะเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นมายด์ของสกาย ฉันขอเรียกหล่อนแบบนั้นเพราะกันตัวเองสับสนก็แล้วกัน
“ออกมาพอดีเลย เราจะไปกันเลยไหม?” ราวกับรอบตัวของฉันมีเมฆฝนและเหมือนกับฟ้ากำลังจะผ่าลงมาที่กลางใจเพราะเธอดันมีนัดก่อนเสียแล้ว
ฉันอุตส่าห์ซ้อมบทชวนเธอทั้งคืนจนไม่ได้นอนเลยนะ บ้าจริง...
“ไป ๆ ปะบีม...ไปกัน” แต่แล้วมายด์ของสกายก็เดินเข้ามาคล้องแขนของฉันก่อนที่เจ้าหล่อนจะเดินมุ่งหน้าออกไปให้ฉันได้แต่เดินตามด้วยความมึนงง
จังหวะที่ฉันกำลังจะหันหลังแอบเห็นด้วยว่ามายด์ของฉันกำลังยิ้มหัวเราะกับอะไรบางอย่างซึ่งฉันเองก็ไม่ค่อยแน่ใจนัก
“เดี๋ยว ๆ จะพาเราไปไหน?”
“อ้าว...ก็ไปซ้อมดนตรีไง เธอจะไปซ้อมดนตรีไม่ใช่เหรอ?”
“!!!” เดี๋ยวนะ นี่มันเรื่องอะไรกัน ฉันงงไปหมดแล้วบ้าจริง
“น้องที่นั่งอยู่หน้าที่เรียนพิเศษคุยกันเสียงดังเลยว่ามีผู้หญิงจากโรงเรียนรัฐบาลมาเดินผ่านไปผ่านมาอยู่นานแล้ว ฉันเดินออกมาเข้าห้องน้ำพอดีแล้วได้ยินเข้าเลยเรียกมายด์ออกมาดูน่ะ”
“!!!” อะไรนะ! บ้าจริง! นี่ฉันกำลังจะถูกมองว่าเป็นโรคจิตหรือเปล่าเนี้ย!
“เป็นบีมจริง ๆ ด้วยสินะ หลาย ๆ วันที่ผ่านมาเธอก็มักจะมาเดินอยู่หน้าสถาบันเรียนพิเศษของเรานี่หน่า…” บ้าเอ้ย! บ้าจริง! ที่ผ่านมาฉันไม่เนียนเลยว่างั้นสิ “เธออยากหาที่เรียนพิเศษเหมือนกันเหรอ เป็นเพื่อนของสกายก็น่าจะอยู่ม.5 เหมือนพวกเราใช่ไหม?”
“เอ่อ...” โล่งใจไปที่เธอคิดแบบนั้น “ใช่ ๆ คิดว่าม.6 คงเรียนหนักน่าดูเลยอยากเรียนเสริมน่ะ” ฉันแก้ตัวไปพลางหันไปสบมองมายด์ที่เดินอยู่ข้าง ๆ มายด์เพื่อดูปฏิกิริยาว่าฉันเนียนหรือเปล่า
แต่เจ้าตัวก็เอาแต่ยกมือปิดปากที่ราวกับกลั้นขำ ไม่ต่างจากมายด์ของสกายที่เดินอยู่ข้าง ๆ ฉัน แต่รายนี้เขาหัวเราะออกมาอย่างเปิดเผยจนฉันต้องยิ้มแหย่เพราะไม่รู้ว่าพวกเธอกำลังหัวเราะเรื่องอะไร
“อยากเรียนก็เข้ามาถามดี ๆ ก็ได้นี่หน่า ไม่เห็นจะต้องทำตัวเหมือนโรคจิตแอบมารอใครเลย...”
จึก!
อยู่ ๆ ก็ได้ยินเหมือนเสียงมีดปักลงที่กลางอกให้ฉันรู้สึกเจ็บใจขึ้นมากับคำว่าโรคจิต
“หรือจริง ๆ แล้วมาแอบรอใครจริง ๆ”
“เอ่อ...”
“ชอบหนุ่มคนไหนในที่เรียนพิเศษชี้บอกฉันได้เลยนะ ฉันนี่รู้จักทุกคนเลย” มายด์ของสกายยืดอกภูมิใจกับคำพูดของตัวเองเสียจนฉันต้องหัวเราะกลบเกลื่อนออกไป
ก่อนฉันจะมองเลยไปที่มายด์ของฉันที่เดินอย่างสงบเสงี่ยมอย่างน่ารักน่าชังให้ฉันหัวใจพองโตขึ้นมาได้อย่างน่าประหลาด
“ว่าแต่ห้องซ้อมของเธออยู่ที่ไหนน่ะ เดินกันมาสักพักแล้วฉันก็ไม่ใช่รู้ทางนะ” ฉันหยุดชะงักก่อนจะหันมองรอบกาย และก็พึ่งจะรู้สึกตัวเหมือนกันว่าทางที่เราต้องไปมันไม่ใช่ทางนี้ และเหมือนว่าเราเองก็เดินกันมาไกลมากอยู่พอสมควร
“จริง ๆ แล้วมันต้องไปทางนั้น...”
“จิ๊! มายด์นะมายด์ มัวแต่ชวนบีมคุยจนเดินผิดทางเลย” เจ้าหล่อนหันไปโวยใส่คนที่ยังไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำให้ฉันเผลอยิ้มขัน
ก่อนที่ครั้งนี้ฉันจะเห็นใบหน้าของเธอที่แปรเปลี่ยนไป เธอกำลังอมลมเอาไว้ในแก้ม และยกมือท้าวสะเอวอย่างน่ารักเสียจนฉันอยากจะเก็บภาพนี้เอาไว้แต่ติดตรงที่ฉันไม่มีมือถือ...
“มายด์เป็นคนพาบีมเดินมาทางนี้เองไม่ใช่เหรอ จะมาโทษมายด์แบบนี้ได้อย่างไง!” เสียงเล็ก ๆ เวลาโกรธของเธอยังน่ารักไม่หยอกเลย แล้วแบบนี้ฉันจะทำอย่างไรให้ไม่ละลายลงไปกับพื้นเวลาที่เธอน่ารักขนาดนี้ล่ะเนี้ย!
“ฉันล้อเล่นเองหน่า ถือว่าเดินเล่นก่อนละกันเนอะ!” และเจ้าหล่อนก็ดูจะกลัวเจ้าคนตัวเล็กไม่หยอกเหมือนกัน “ไปกันเถอะบีม ป่านนี้เพื่อน ๆ รอแย่แล้ว”
“เพื่อนที่ว่านี่หมายถึงสกายหรือเปล่า?” ได้จังหวะแล้วฉันก็เอาคืนบ้างจนเจ้าหล่อนหันหน้าหนีฉันด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ
“บีมบ้า!” และพวกเราก็พากันเดินมุ่งหน้าไปที่ห้องซ้อมในทันที พร้อมกับมายด์อีกคนหนึ่งที่เสียอาการเพราะความเขินอายไปแล้ว
“โอ้โห้ ช้าขนาดนี้ไม่มา...อ้าวมายด์” สกายที่กำลังจะเปิดปากด่าฉันรีบเปลี่ยนเสียงไปในทันใดเมื่อมีสาวอีกสองคนเดินเข้ามาภายในห้อง
สกายรีบยกเบสออกจากตัวและวิ่งตรงไปหามายด์ในทันทีให้ฉันได้แต่ทำหน้าพะอืดพะอมอยู่ด้านหลังเพราะไม่อยากขัดจังหวะ
“วันนี้ขอรบกวนด้วยนะคะทุกคน หวังว่าเราจะไม่เกะกะนะ”
“ไม่รบกวนเลยครับ ยินดีมาก ๆ เลยถ้าจะมีสาวน่ารัก ๆ มานั่งดูพวกเราซ้อมทุกวัน” เก่งทำตาหวานและยกยิ้มออกมาจนฉันต้องรีบหันไปทำตาขวางใส่เพราะผู้หญิงที่อยู่ข้างหลังน่ะ...ของฉัน!
“เบา ๆ หน่อยครับเพื่อนเก่ง คนนี้ไม่ได้นะของผม” สกายพูดออกมาอย่างไม่อายปากก่อนจะหันหน้าหนีมายด์ที่กำลังสบมองมาที่เขาอย่างเขิน ๆ
“แล้วคนด้านหลังล่ะครับ ได้...”
“ไม่ได้!” ฉันรีบโพล่งตอบออกไปจนตอนนี้ทั้งห้องเงียบสงบและกำลังสบมองมาที่ฉัน
ฉันที่ราวกับคนพึ่งรู้สึกตัวก็รีบหันหน้าหนีอย่างเลิ่กลั่กพลางคิดข้อแก้ตัวไปด้วยเพราะตัวเองกำลังทำตัวไม่ถูก ยิ่งมายด์มองฉันแบบนั้นฉันก็ยิ่งอยากจะยกพื้นขึ้นแล้วมุดเข้าไปในดินเสียให้รู้แล้วรู้รอดกันไป
“ก็...ก็แกไปพูดแบบนั้นผู้หญิงเขาก็กลัวไหม ขนาดฉันสนิทกับแกยังขนลุกเลย” ฉันพูดพลางยกมือลูบแขนของตัวเองราวกับว่ากำลังขนลุกจริง ๆ
ฉันลอบมองปฏิกิริยาของคนอื่นแล้วก็เหมือนว่าจะคล้อยตามไปกับคำพูดของฉัน เว้นเสียแต่มายด์...ที่กำลังยิ้มขันอย่างน่ารักอีกแล้ว
“มา ๆ เริ่มกันเลยดีกว่าเดี๋ยวเสียเวลา” สกายว่าซึ่งฉันก็เห็นด้วย “มายด์ไปนั่งรอเราก่อนนะ เดี๋ยวเย็นนี้เราไปส่ง”
“อื้ม...” ก่อนที่เธอทั้งสองจะจับเก้าอี้มานั่งอยู่ตรงหน้าของเรา ให้ฉันที่เดินไปจับไมค์และพอมองไปที่เธอทั้งสองต้องเผลอใจสั่นขึ้นมาเพราะมายด์กำลังยกยิ้มและสบมองมาที่ฉัน
“เพลงขอใจรักก่อนนะ เพลงที่ไอบีมแต่งล่าสุด”
“จัดไปเลยครับเพื่อน!” มือกลองรับปาก และเคาะจังหวะก่อนที่ดนตรีจะเริ่มต้นขึ้น
เพลงนี้เป็นเพลงที่ฉันแต่งได้ล่าสุด มันเป็นเพลงที่เกี่ยวกับการแอบชอบของคน ๆ หนึ่ง ดนตรีเริ่มเล่นต่อไปเรื่อย ๆ ฉันที่ตั้งสติได้ดีแล้วก็ยกมือขึ้นไปกำไมค์เอาไว้ก่อนในที่สุดฉันก็ใจกล้าและเงยหน้าขึ้นสบตากับเธอตรง ๆ
ฉันร้องเพลงออกมาโดยที่ฉันไม่ละสายตาออกไปจากมายด์เลยราวกับว่าฉันอยากที่จะสื่อเพลงนี้ให้ส่งถึงเธอ ถึงแม้ฉันจะรู้สึกว่าโน้ตเพลงนี้มันไม่สมบูรณ์มาก่อน แต่มันก็น่าประหลาดใจที่พอมีมายด์มานั่งอยู่ตรงนี้แล้วฉันรู้สึกว่าเพลงมันน่าร้องมากกว่าเดิมเป็นไหน ๆ
มายด์สบมองมาที่ฉันเช่นกัน แววตาของเธอก็ไม่ได้ละหนีไปไหนราวกับว่าเธอกำลังซึมซับในบทเพลงของฉัน รอยยิ้มน้อย ๆ ที่ประดับอยู่บนมุมปากกำลังทำให้ฉันหัวใจพองโต และฉันกำลังมองว่าตอนนี้รอบกายของเธอราวกับมีผีเสื้อมาโบยบินอยู่เคียงข้าง และสถานที่แห่งนี้มีเพียงเราสองคนไม่มีใครอื่น
แป๊ะ ๆ ๆ
“เสียงบีมเพราะมากเลย” แต่แล้วเสียงปรบมือจากมายด์ของสกายก็ทำให้ฉันตื่นขึ้นมาจากห้วงภวังค์ ทั้งเธอและคนเคียงข้างกำลังปรบมือให้กับฉันจนฉันที่ละความประหม่าไปแล้วกลับมาประหม่าอีกครั้ง “ว่าไหมมายด์ เสียงบีมดีมากเลยเนอะ”
ฉันสบมองไปที่มายด์อีกครั้งด้วยดวงใจที่สุกใส และกำลังลุ้นว่าเธอจะตอบอย่างไร เธอจะชอบเพลงที่ฉันร้องหรือเปล่า
“อื้ม...ถ้าได้ฟังเสียงหวาน ๆ แบบนี้ก่อนนอนทุกคืนก็ดีสิ ฉันคงนอนหลับฝันดีจนไม่อยากจะตื่นแน่ ๆ” ฉันสบมองไปที่คนพูดด้วยหัวใจที่ยิ่งสั่นไหว มันแทบจะทะลุออกมาจากอกอยู่แล้ว แต่ฉันก็ต้องเก็บอาการเอาไว้ก่อน “ใครได้บีมเป็นแฟน...บีมคงร้องเพลงให้เขาฟังทุกวันเลยเนอะ น่าอิจฉาจัง”
อ่า...แล้วเธอล่ะอยากฟังเสียงของฉันทุกวันเลยไหม? ฉันยินดีร้องให้เธอฟังได้ทุกวันเลยนะ...ยัยหางม้า