มื้อที่มีมือ

1981 คำ
ฉันยืนอยู่ที่หน้าห้างในเวลา 9 โมงเช้าด้วยอาการสั่นกลัวเพราะกำลังทำตัวไม่ถูก ฉันหันซ้ายแลขวาเพื่อรอใครบางคนแม้จะรู้ดีว่าฉันมาก่อนเวลานัดเป็นชั่วโมงและเธอคงจะไม่บ้าบอมาก่อนเวลานานขนาดนี้แน่ ๆ แต่จะให้ทำอย่างไรฉันนอนไม่หลับเลยทั้งคืนจนตื่นเช้ากว่าตอนไปโรงเรียนเสียอีกน่ะสิ! ฉันก้มมองที่พี่มือของตัวเองทั้งยังยกยิ้มออกมาเพราะฉันกำลังมีความสุขที่ตอนนี้เพลงของฉันเสร็จสมบูรณ์แล้วเหลือเพียงอย่างเดียวคือให้เธอได้เปิดฟังมัน ฉันตั้งใจว่าในวันนี้หลังจากที่ทุกอย่างจบลงฉันจะมอบมันให้กับเธอและรอลุ้นกันว่าในวันจันทร์ที่จะถึงต่อจากนี้เธอจะให้คำตอบกับฉันอย่างไร ฉันจะมีโอกาสได้พัฒนาความสัมพันธ์กับเธอหรือเปล่า... “บีม...” ฉันเงยหน้าขึ้นสบก่อนจะรีบยัดตลับแผ่นซีดีที่อยู่ในมือของตัวเองลงกระเป๋าอย่างตกใจ เธอเหมือนจะยังไม่ทันได้สังเกตและกำลังเดินมุ่งหน้าเข้ามาหาฉันทั้งรอยยิ้มให้ฉันที่สบมองอยู่แล้วรู้สึกราวกับตกอยู่ในห้วงภวังค์แห่งความสวยและน่ารักของเธอจนไม่อาจจะหลีกหนี คนตัวเล็กอยู่ในชุดเสื้อยืดเข้ารูปกับกางเกงขาม้า รองเท้าแตะส้นตึกที่กำลังฮ๊อตฮิตอยู่ในตอนนี้เสริมความสูงให้กับเธอจนความยาวระหว่างกางเกงของเธอมันพอดิบพอดีราวกับว่าของสิ่งนี้มันเกิดมาเพื่อเธอโดยเฉพาะ เธอเดินอย่างสง่างามเข้ามาหาฉันพร้อมกับกระเป๋ายี่ห้อหรูที่ดูเข้าชุดเหมาะสมกับบุคลิกการแต่งตัวของเธอให้ดูราวกับว่าเป็นผู้ใหญ่ ไหนจะผ้าโพกหัวสีสดใสตามแฟชั่นในยุคสมัยนี้อีกยิ่งทำให้ฉันที่สบมองดูอยู่ราวกับหลุดไปอยู่ในห้วงภวังค์เพราะเธอสวยมากเกินกว่าที่ใจของฉันจะทนได้ไหว “บีม!” แต่แล้วเสียงเรียกของเธอพร้อมกับการเขย่าตัวแรง ๆ ก็ทำให้ฉันตื่นขึ้นมาจากภวังค์และสบมองเธอด้วยใบหน้าเหลอหลา “หะ ห้ะ?” “เราเรียกนานแล้ว เหม่ออะไรอยู่” เธอถามใบหน้าฉงนให้ฉันได้แต่ยืนอ้ำอึ้งแต่ก็ไม่อยากจะปฏิเสธเลยว่าเธอสวยดูดีมาก ๆ เหมือนความสูงของเธอจะเพิ่มขึ้นด้วยนะ ปกติศีรษะของเธอจะอยู่ในระดับสายตาของฉัน แต่ตอนนี้เธอสูงเกือบจะเท่าฉันอยู่แล้ว และมันก็ไม่ดีต่อใจเอาเสียเลยที่เธอหันหน้ามาแล้วสายตาอยู่ตรงกับฉันพอดิบพอดีแบบนี้ “เอ่อ...คิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะ” ฉันตอบออกไปพลางก้มหน้าหงุดอย่างเขินอาย “แต่วันนี้มายด์แต่งตัวสวยมากเลยนะ” ปกติแค่ชุดนักเรียนฉันก็จะลงไปดิ้นตายอยู่แล้ว เธอมาลุคสาวแซ่บแบบนี้แล้วฉันจะไม่ตายทั้งที่ยังไม่ได้ดิ้นเลยหรือไง “ชมเกินไปแล้ว...บีมเองก็น่ารักมากเลยนะ” ฉันก้มหน้าหงุดลงกับชุดของตัวเองอีกครั้งเพราะนี่มันก็เป็นแค่เอี๊ยมยีนธรรมดา ๆ กับรองเท้าผ้าใบเท่านั้นเองนะ มันเป็นชุดที่ฉันเลือกนานมากว่าจะใส่อะไรเพราะส่วนมากฉันก็จะใส่แต่เสื้อยืดกับกางเกงขายาวเท่านั้น ฉันไม่ค่อยมีเสื้อผ้ามากเท่าไหร่เพราะเงินเก็บส่วนมากก็เอามาเช่าห้องซ้อมดนตรีเสียส่วนใหญ่ “ก็คงน่ารักไม่เท่าเธอ...” “หืม? ว่าไงนะ?” “อ๋อเปล่าไม่มีอะไร” ฉันรีบปฏิเสธออกไปทันควันเมื่อปากของฉันดันไวพูดมันออกไปตามที่ใจคิดเสียได้ “ว่าแต่มาเช้าจัง...” ก่อนจะรีบเบี่ยงเบนประเด็นความสนใจตามฉบับคนขี้อายอย่างฉันในทันทีเพราะกลัวการถูกคาดคั้น “ว่าแต่บีมเถอะ ตัวเองมายืนรอก่อนเค้าอีกนะ...” ตึกตัก ตึกตัก ฉันหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันใดเมื่อสรรพนามในการแทนตัวเองของเธอเปลี่ยนไปจนหัวใจฉันราวกับจะหยุดเต้นเสียให้ได้ ยามปกติเธอจะแทนทั้งตัวเองว่าฉันและเราตามอารมณ์ของเธอหรือเปล่าอันนี้ฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจ แต่ตอนนี้เธอกำลังแทนตัวเองว่าเค้าและมันกำลังทำให้ฉันรู้สึกราวกับว่าเราเป็นคู่รักข้าวใหม่ปลามันไปเสียอย่างนั้น... “ตอนนี้ห้างยังไม่เปิดเลย ไปหาอะไรกินกันดีกว่าไหม?” มายด์ชี้ไปที่ฝั่งตรงข้ามที่เป็นตลาดนัดให้ฉันเงยหน้าขึ้นสบมองก่อนจะพยักหน้าอย่างเห็นด้วยเพราะตั้งแต่เช้าฉันก็เอาแต่ตื่นเต้นและยังไม่ได้ทานอะไรเหมือนกัน “งั้นไปกัน...” !!! หัวใจของฉันยิ่งเต้นแรงมากยิ่งขึ้นไปอีกเพราะเจ้าตัวดันยกมือขึ้นมาควงแขนของฉันเอาไว้ก่อนจะลากออกไปให้ฉันได้แต่เดินตามไปด้วยหัวใจที่กำลังสั่นหวั่นไหวอย่างหนัก วันนี้เจ้าตัวดูจะอารมณ์ดีมากเป็นพิเศษจนฉันที่เดินตามหลังอยู่ไม่ห่างได้แต่มองภาพเธอเดินไปข้างหน้าด้วยรอยยิ้มที่ฉันไม่สามารถจะปิดกั้นมันไว้ได้อีกต่อไป ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงมีทั้งความน่ารักและรอยยิ้มที่เป็นเสน่ห์เสียจนฉันคนนี้ไม่อาจจะต้านทานตัวเองได้ไหวขนาดนี้ ถ้าฉันได้เธอมาเป็นแฟนมันคงจะดีไม่น้อยเลยนะเพราะเธอจะกลายเป็นพลังบวกของฉันแม้ว่าตอนนี้เธอจะเป็นอยู่แล้วก็ตามที “บีม อยากกินอันนี้!” เธอชี้ไปที่ขนมโตเกียวก่อนจะวิ่งดุ๊กดิ๊กอย่างน่ารักเข้าไปสั่งให้ฉันได้แต่มองด้วยความเอ็นดู ฉันพาตัวเองเดินไปอยู่เคียงข้างเธอและยกยิ้มออกมาจนเหงือกแห้งแล้งไปหมดแต่จะให้ทำอย่างไรก็เธอน่ารักมากจนฉันไม่อาจจะทนกลั้นยิ้มได้ไหว เธอเดินเข้าร้านนู้นออกร้านนี้จนตอนนี้ขนมนมเนยของเรามีอยู่เต็มมือ เราเลือกซื้อของกินกันจนเพลินก่อนที่ห้างจะเปิดให้เราตกลงกันว่าจะไปนั่งทานของพวกนี้กันที่ศูนย์อาหารก่อนแล้วจึงค่อยเข้าไปดูหนังด้วยกัน “โอ้ย...เหนื่อยเอาเรื่องเหมือนกันนะ” คนซุกซนเมื่อครู่ราวกับหมดพลังและทิ้งตัวนั่งลงกับเก้าอี้อย่างเหนื่อยล้าให้ฉันที่มีแต่รอยยิ้มกลับยิ่งมีรอยยิ้มมากยิ่งขึ้นไปอีกกับความน่ารักของเธอ “ซื้อแต่ของกิน...แต่ไม่มีน้ำเลยแฮะ” เธอบ่นออกมาเบา ๆ พลางใช้มือเลือกดูของที่ตัวเองซื้อมาก่อนที่ฉันจะเห็นว่ามันไม่มีเครื่องดื่มจริง ๆ “งั้นเดี๋ยวเราไปซื้อให้นะ นั่งรอคนเดียวก่อนได้ใช่ไหม?” ฉันถามอย่างเป็นห่วงเพราะแอบเห็นว่าตอนที่เราเดินเข้ามามีผู้ชายทรงแทรกกลางมองมาที่เธอตาไม่กะพริบ แล้วดูเหมือนว่าพวกนั้นเองก็ยังมองเราอยู่จากที่ไกล ๆ  “ได้สิ เราไม่ใช่เด็กแล้วนะบีม” และเธอก็เงยหน้าขึ้นสบมองฉันและยังยกยิ้มออกมาจนฉันต้องเบือนหน้าหนีเพราะไม่อาจจะต้านทานสายตาอันทรงเสน่ห์ของเธอได้ “งั้นรอเราเดี๋ยวเดียวนะ เดี๋ยวเรารีบมา” ก่อนที่ฉันจะเดินหันหลังเพื่อไปแลกคูปองอาหารที่อยู่ทางด้านหน้าในทันทีโดยไม่สนใจว่าเธอจะพูดอะไรต่อเพราะฉันจะกลับมาหาเธอให้ไวที่สุด ฉันกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาแลกคูปองอาหารทั้งสายตาก็ยังมองที่เธออยู่ไม่ห่างอย่างห่วง ๆ หลังจากที่ฉันแลกเสร็จแล้วก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่ร้านขายน้ำในทันทีแต่โชคไม่ดีหน่อยที่ตรงนี้มันทำให้ฉันไม่เห็นเธอ... บ้าจริง! จะมีใครเข้ามายุ่งกับเธอหรือยังน่ะ!” “น้ำมะพร้าวได้แล้วค่ะ...” “นี่เงินค่ะ” ฉันยื่นคูปองพลางชะโงกหน้ามองดูเธอแต่ว่ามันก็ยังไม่เห็นอยู่ดี ฉันสบมองไปที่พี่พนักงานก่อนจะเผลอเคาะเคาน์เตอร์ราวกับเอ่ยเร่งเพราะดูเหมือนว่าพี่พนักงานจะชักช้าจนไม่ได้ดั่งใจแล้วฉันก็ยังไม่ได้ไปจากตรงนี้! ฉันเริ่มกังวลราวกับคนบ้าคลั่งก่อนที่พี่พนักงานจะเดินกลับมายื่นคูปองเงินทอนคืนให้กับฉัน ฉันรีบรับมันมาอย่างรวดเร็วก่อนจะเห็นหลังไว ๆ ของผู้ชายประมาณ 4-5 คนกำลังเดินออกมาจากโต๊ะของเธอให้ฉันที่ได้เห็นหัวร้อนผ่าวจนต้องรีบวิ่งกลับไปหาเธอในทันที “วิ่งทำไม เดี๋ยวก็ล้มหรอก” ฉันยื่นแก้วน้ำให้กับเธอพลางสบมองใบหน้าเธอราวกับคนที่มีคำถาม ก่อนที่ฉันจะนึกขึ้นมาได้ว่าฉันมีสิทธิ์อะไรที่จะไปโกรธเธอกัน แค่จะบอกกับเธอว่าฉันรู้สึกอย่างไรหรือแม้แต่ชวนเธอมาดูหนังฉันยังไม่กล้าจนเป็นฝ่ายเธอที่เอ่ยปากชวนฉันเอง “เปล่า...กลัวมายด์หิวน้ำน่ะ รีบทานแล้วรีบไปดูหนังเถอะ” ฉันนั่งลงฝั่งตรงข้ามด้วยความรู้สึกเซ็ง ๆ ก่อนจะเขี่ยของกินเล่นราวกับว่าไม่มีกระจิตกระใจจะกินมันอีกแล้ว “หืม?” แต่แล้วฉันก็ต้องเงยหน้าขึ้นสบ เพราะเธอดันยื่นขนมโตเกียวมาหยุดอยู่ที่ตรงหน้าของฉัน “อ้าปากเร็ว...เมื่อยแล้วนะ” ตึกตัก ตึกตัก ใบหน้าของฉันร้อนผ่าวจนคิดว่ามันน่าจะลามไปถึงใบหูแล้วเพราะเธอช่างแสนน่ารักโดยที่ฉันคิดว่าเธอก็ไม่ทันจะได้รู้สึกตัวหรอกว่าเธอกำลังทำให้ฉันตกหลุมรักเธอจนโงหัวไม่ขึ้น ฉันอ้าปากและงับเข้าไปที่ขนมเบา ๆ โดยเว้นระยะไม่ให้โดนที่นิ้วของเธอเพราะฉันกำลังรู้สึกเขินอายอย่างน่าประหลาด พึ่งสังเกตจากตรงนี้เลยว่ามายด์ทาเล็บด้วย...สีชมพูน่ารักช่างเหมาะกับเธออะไรขนาดนี้กันนะ “อร่อยไหม?” ฉันเงยหน้ามองเธออีกครั้งก่อนจะสังเกตเห็นว่าตอนนี้ใบหูของเธอก็กำลังขึ้นสีแดงเหมือนกัน และมันกำลังทำให้ฉันมีความหวังว่าเรื่องนี้...ฉันอาจจะไม่ได้คิดไปเองอยู่เพียงฝ่ายเดียว “อื้ม...อร่อยมากเลย” นี่เป็นครั้งแรกที่มายด์สบตาของฉันแล้วฉันเลือกที่จะสบตาเธอกลับโดยไม่มีความเขินอายใด ๆ คนที่ฉันเป็นฝ่ายที่มักจะผ่ายแพ้เสมอกลับเบนหน้าหลบสายตาของฉัน เธอยกมือขึ้นมาเอาผมหนวดปลาดุกของเธอไปทัดเอาไว้ที่หูจนฉันได้แต่แก้มแดงเขินอายจนทำอะไรไม่ถูก เธอน่ารักจัง...บ้าจริง! “รีบกินแล้วรีบไปดูหนังดีกว่า...เร็วเข้า” เธอก้มหน้าหงุดและหยิบขนมกินบ้างอย่างคนที่หาอะไรทำ และตลอดมื้อนั้นกลับตลบอบอวลไปด้วยความสุข เพราะมีมือของเธอคอยป้อนฉันอยู่ตลอดไม่ขาด ราวกับว่าเราเป็นคู่รักข้าวใหม่ปลามันเลยเนอะ...ว่าไหม?
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม