รถยนต์คันหรูที่แล่นเข้ามาเทียบที่อพาร์ตเมนต์เรียกสายตาของใครหลายๆ คน เหมือนแพรที่ถือกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ใบเดียวที่เก็บข้าวของส่วนตัวที่มารดาเลี้ยงยอมให้เอาออกมาจากบ้านได้เพราะกระเป๋าใบนี้ทั้งแตกและเก่าคร่ำเป็นของที่ไม่ต้องการแล้ว...
ศรัณย์ก้าวลงมาจากรถ ช่วยเธอยกกระเป๋าที่ไม่หนักเท่าไหร่เพราะมีเพียงเสื้อผ้าและหนังสือนิดหน่อยขึ้นไว้ที่ท้ายรถของเขา
หญิงสาวเดินขึ้นมานั่งข้างๆ เขาที่ด้านหน้าคนขับ ทอดสายตามองคนที่ออกรถและขับอย่างนิ่มนวล
เขาอาจจะมองงานที่เธอเลือกทำให้เขาว่าเป็นงานที่เธอไม่ควรทำ แต่เธอรู้ดีว่า เป็นเขานั้นดีที่สุดแล้ว เมื่อวานเจ้าของหอบอกว่าไอ้สามีใหม่ของแม่เลี้ยงเธอมาป้วนเปี้ยนที่หอพักให้ระวังตัวเพราะสองผัวเมียนั่นตามมาอาละวาดหึงหวงเธอรอบหนึ่งแล้ว ตอนนั้นคนเป็นสามีพยายามมาในฐานะพ่อเลี้ยงและเรียกเธอกลับบ้าน ส่วนแม่เลี้ยงเธอก็ตามมาหึง เธอหนีไปนอนที่ห้องพักพนักงานของผับจนกลับมาเก็บของนี่ล่ะยังต้องมารู้เห็นเรื่องของสองคนนั้นอีก...
การที่เธอไปอยู่กับศรัณย์ จะต้องจบปัญหาทุกอย่าง เพราะเธออ้างกับแม่เลี้ยงและผู้ชายคนนั้นว่าศรัณย์เป็นแฟนของเธอ เขาคือทายาทของบีเจซีที่รวยและมีอิทธิพล เธอจำเป็นต้องโกหกและขู่สองคนนั้นว่าอย่ามายุ่งกับชีวิตของเธออีก... และแน่นอนว่ากับน้องชายเธอก็บอกว่าศรัณย์เป็นแฟน และเขารับรู้ปัญหาของครอบครัวเธอดี หญิงสาวโกหกน้องชายตัวเองว่าศรัณย์จะให้ทุนเรียนแบบให้ยืมก่อน เพราะเขาอยากสนับสนุนการศึกษาของน้องชายเธอที่เรียนคณะแพทย์เหมือนเขา น้องชายเธอเลยยอมรับเงินที่เธอให้เป็นค่าเทอมและค่าใช้จ่าย โดยเลือกที่จะไม่ดร็อปเรียนตามความตั้งใจแรก...
ตอนนี้เธอโล่งใจที่ทุกอย่างลงตัว...มันเป็นเพราะมีศรัณย์เข้ามา เธอทั้งขอบคุณและขอโทษเขาอยู่ในใจที่เอาเขามาแอบอ้าง
แต่เธอสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ทำให้เขาลำบากและทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดเพื่อตอบแทนเขา
"อ้าว นึกว่าหลับ" เขาพูดขึ้นมาในตอนที่รถติดไฟแดงแล้วหันมาเห็นว่าเธอไม่ได้หลับอย่างที่เขาคิด เห็นเงียบไปแท้ๆ ที่คิดอย่างนั้นเพราะเพื่อนของเขามักจะอยู่ในวงการแพทย์ และเป็นพวกนิ่งเป็นหลับเพราะพักผ่อนน้อย ดังนั้นเขาถึงไม่ค่อยชอบชวนใครคุยบนรถเพราะรับเพื่อนขึ้นมาก็เฝ้าพระอินทร์กันโดยไม่เกรงใจเขาเลยว่าคนขับก็อยากหลับด้วยบ้าง...
"ไม่ได้หลับหรอกค่ะ แต่ไม่กล้าชวนคุยกลัวว่าคุณจะต้องใช้สมาธิ"
"ชวนเหอะ นี่เพิ่งลงเวรดึก ง่วงจะเเย่" บอกเธอแล้วก็หาวโชว์ไปทีหนึ่ง
"นี่ง่วงจริงหรือเปล่า ให้ขับรถให้ไหมคะ" เธอถามอย่างเป็นห่วง เพิ่งกล้ามองเขาอย่างจริงจัง... เขาดูเหมือนง่วงนอนจริงนั่นแหละ
"ขับให้ได้จริงเหรอ" เขาหันมาถาม ก่อนจะพูดต่อ "ก็น่าจะขับเป็นนี่นา วัยทำงานแล้ว" เขาพึมพำ โชคดีที่เขาไม่หันมามอง ไม่อย่างนั้นคงไม่เห็นท่าทางกระวนกระวาย และแอบเบนสายตาไปมองด้านนอกหน้าต่างอย่างมีพิรุธของเธอแน่ๆ
อย่าบอกหมอแซมว่าเราเป็นนักศึกษา ไม่ว่ายังไงก็อย่าบอกนะ ไม่อย่างนั้นชวดงานแน่... พี่ยอมโกหกช่วยเราเพราะอยากให้เราได้งานนี้ อีกอย่างหมอแซมเขาต้องการเด็กแค่สองสามเดือน มันใกล้ช่วงเราปิดเทอมพอดี เพราะงั้นอย่าเผลอหลุดบอกเขาไปล่ะ ไม่งั้นคอขาดกันทั้งพี่ทั้งแกแน่ยายแพร
นั่นคือสิ่งที่พี่เอ้บอกเธอ และช่วยเธอปกปิด อันที่จริงเธอเองอายุยี่สิบสามปี ซึ่งวัยเธอควรเรียนจบและทำงานแล้วหากเรียนตามเกณฑ์ แต่เธอเคยดร็อปเรียนไปสองปี ในช่วงที่พ่อป่วย เพิ่งกลับเข้ามาเรียนปีนี้นี่เอง ตอนแรกที่เลือกที่เข้าเรียนเพราะว่าบิดาเสียแล้วไม่ต้องดูแลเต็มเวลา อีกอย่างเธอไม่นึกว่าแม่เลี้ยงจะฮุบเงินประกันและฮุบเงินส่วนที่บิดาแบ่งไว้ส่งเสียค่าเล่าเรียนของเธอกับน้อง การกลับมาเรียนของเธอจึงเป็นเรื่องลำบาก แม้จะทำงานพิเศษแล้วแต่ก็ไม่พอ เพราะน้องชายเริ่มเอ่ยปากเรื่อง ดร็อปเรียนของเขา เธอถึงรีบมารับงานนี้ เพราะไม่อย่างนั้นค่าใช้จ่ายคงไม่พอจนน้องของเธอดร็อปเรียนและเสียอนาคตไปแน่ๆ
เรื่องปกปิดสถานะที่เธอแพลนไว้คือเอาชุดนักศึกษาซ่อนไว้ แล้วทำเป็นว่าออกไปทำงานร้านกาแฟ เพราะศรัณย์สั่งให้หล่อนเลิกทำงานที่ผับในช่วงที่เป็นปิ่นโตของเขา และงานที่ทำที่ร้านกาแฟยอมให้ทำได้ เพราะส่วนใหญ่เขาขึ้นเวรเช้าต่างคนต่างทำงานได้... เวลาเขาพูดถึงเรื่องทำงานเธอเลยเสียวสันหลังอย่างที่เห็นนี่ล่ะ
พอรถของเขาเลี้ยวเข้าข้างทางเพราะมีพื้นที่ที่จอดได้พอดี เธอถึงหันกลับมาหาเขา
"ย้ายที่กัน" เขาบอก แล้วก็ปลดเข็มขัดลุกเดินอ้อมมาฝั่งเธอ หญิงสาวก็เลยทำแบบเดียวกัน...
พอมานั่งที่รถเขาแล้วก็อดตื่นตานิดๆ ไม่ได้ เธอขับรถเป็นก็จริง แต่ว่าเคยขับรถบิดาที่เป็นรถญี่ปุ่นคันเก่า รถยุโรปสัญชาติเยอรมันราคาแพงที่ดูไฮเทคไปหมดแบบนี้ทำให้เอาเธอเหงื่อซึมที่มือนิดๆ ไม่น่าออกปากเลยว่าจะช่วยขับ รถเขาเเพงขนาดนี้เธอรับผิดชอบไม่ไหวแน่หากเกิดอะไรขึ้น
"เดี๋ยวหาโลเกชันให้ ขับตามระบบบอกทางของรถไปแล้วกันนะ เพราะผมจะหลับ ถึงคอนโดแล้วค่อยปลุก"
ปลายนิ้วเรียวๆ ขาวสะอาดของเขาจิ้มหน้าจอ คนที่กังวลอยู่นั้นดูเพลินจนลืมความกังวลใจก่อนหน้าพอจิ้มพิกัดเรียบร้อยก็เอนไปนอน ปรับเบาะให้ราบไปแล้วยิ้มให้เธอนิดๆ ก่อนจะหลับตาลง
เขาไว้เนื้อเชื่อใจขนาดนี้ เธอเลยมีความมั่นใจ และออกรถได้อย่างไร้กังวล ช่วงที่จอดรถ เธอแอบหันไปมองเห็นเขาหลับสนิท เสียงลมหายใจเบาๆ ของเขาที่ได้ยินนั้นทำให้เธอ ใจสั่นขึ้นมาอย่างน่าแปลกใจ...
"คุณ ถึงคอนโดแล้วค่ะ"
เธอก้มลงไปเรียกคนที่หลับสนิท แบบสนิทจริงๆ เพราะนิ่งมาตลอดทาง พอเรียกก็ลืมตาพรึ่บขึ้นมาทันที
"อ้อ... ถึงแล้วเหรอ" เขาก็ตื่นง่ายกว่าที่คิด คงเพราะเป็นหมอต้องโดนปลุกไปทำงานเวลานอนบ่อยเลยชินและตื่นไวไม่งัวเงีย ถ้าเป็นเธอล่ะก็ตื่นมาใหม่คงไม่สติเต็มร้อยแบบนี้แน่ ศรัณย์ปรับเบาะนั่งทอดสายตามองว่าเธอจอดรถที่ใต้ตึกฝั่งใกล้ลิฟต์เรียบร้อย เพราะรถมีสติกเกอร์เธอเลยผ่านด่านเข้ามาที่ลานจอดได้
ห้องของศรัณย์เป็นห้องชุดที่มีสองห้องนอนสามห้องน้ำและหนึ่งห้องนั่งเล่น ขนาดของห้องกว้างขวาง และตรงห้องนั่งเล่นมีระเบียงกว้าง และสวนลอยฟ้า ตรงส่วนของห้องครัวก็กว้างขวาง... ก่อนนี้เธอแอบเอาชื่อเขาไปค้นหาในคอมพิวเตอร์รู้ว่าเขาเป็นทายาทคนเดียวของผู้บริหารบีเจซี ไม่แปลกที่เขาจะอยู่ในที่ทำเลทอง และห้องดูแสนแพงแบบนี้
เทียบกับอพาร์ตเมนต์ที่เขาเพิ่งไปรับเธอมา เหมือนแพรคิดว่าเธอต่างหากที่อยู่แปลกที่แปลกทาง
"ฉันต้องอยู่ห้องไหนคะ" เธอเอ่ยปากถามคนที่มีน้ำใจช่วยยกกระเป๋ามาให้ เขาเลิกคิ้วนิดหนึ่งแล้วก็เอ่ยออกมา...
"ก็นอนห้องใหญ่ด้วยกัน" เขาบอกแค่นั้นแล้วก็ลากกระเป๋าเดินนำเข้าไปก่อน
ทำไมแค่คำพูดไม่กี่คำของเขาถึงทำให้คอเธอแห้งผากมือชื้นเหงื่อได้ขนาดนี้นะ เขายังดูเฉยๆ ด้วยซ้ำไป...
ครืดดดด
เสียงโทรศัพท์ของศรัณย์สั่นขึ้นมา เมื่อเขาและเธออยู่กลางห้องนอนขนาดใหญ่ เขาล้วงมือถือขึ้นมารับสาย โดยที่เธอยืนหันรีหันขวางไม่รู้จะทำอะไรดีกว่านี้
"ครับอลิน..." เสียงเข้มๆ ของเขารับสาย เธอถึงหูผึ่ง...
เขาคุยกับผู้หญิงคนนั้น คนที่เขาหลงรัก...
"พี่อยู่ใกล้ๆ โรงพยาบาลพอดี ว่างด้วยเดี๋ยวเข้าไปจ้ะ ไว้เจอกันนะ"
พอวางสายแล้ว เขาก็หันมาหาเธอ
"เดี๋ยวผมจะต้องออกไปโรงพยาบาล คุณเก็บข้าวของเข้าตู้รอแล้วกัน อ้อ... รหัสเข้าออกตึกกับเข้าห้องคือ 161097 นะ เผื่อว่าผมกลับมาช้า คุณใช้ทุกอย่างในห้องนี้ได้ตามสบาย" เขาสั่งการไว้แล้วก็เดินเผ่นออกไป...
เหลือแต่เธอที่ยืนอยู่ข้างหลัง... พร้อมกับพึมพำในใจ
ไหนบอกว่าจะตัดใจจากผู้หญิงคนนั้น ดูเหมือนเขาจะพูดได้ แต่ทำไม่ได้
เพราะอย่างนั้นเขาถึงกับจ้างเธอมาเพื่ออยู่ข้างตัว เพื่อให้ลืมผู้หญิงคนนั้น แต่จะมีประโยชน์อะไร เมื่อมีเธออยู่แล้ว แต่เขาก็ไปหาผู้หญิงคนนั้นอยู่ดี...
เฮ้อ เธอก็ได้แต่คิดล่ะ เธอทำอะไรได้ที่ไหน ศรัณย์เป็นเจ้าของหัวใจ เขาจะรักใครก็เป็นเรื่องของหัวใจเขา
เธอไม่เกี่ยวเสียหน่อย?