“คุณชายเจ้าคะ เลยเวลารับประทานอาหารและดื่มยาบำรุงแล้วเจ้าค่ะ”
เสี่ยวถิง ขยับตัวอย่างคล่องแคล่ว ขัดกับรูปร่างอวบหนาของนางอย่างไม่น่าเชื่อ หลายวันก่อนนางถูกคุณชายดุเพราะคนสวนที่รับเข้าใหม่ จึงยังรู้สึกผูกใจเจ็บอยู่มาก และหากมีโอกาส นางก็ตั้งใจว่าจะเอาคืนให้สาสม
“เสี่ยวถิง มารยาทของเจ้าอยู่ที่ใด มิเห็นหรือว่าข้ากำลังคุยธุระอยู่” โจวเล่อเทียนไม่ค่อยชอบหน้าสาวใช้ที่ส่งมาคอยสอดแนม เขาจึงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาที่สุดเท่าที่จะทำได้
“แต่นี่ก็เลยเวลามาได้สักพักแล้วนะเจ้าคะ”
เสี่ยวถิงเถียงพลางจ้องมองหน้าคนงานใหม่ของแปลงผัก แม้นางจะเปื้อนดินโคลนตลอดทั้งตัว แต่ก็ยังพอมองออกว่ามิใช่คนขี้ริ้วขี้เหร่ และเรื่องนี้จำเป็นต้องรายงานต่อคุณหนูของนางโดยด่วน
“เข้าใจหรือยังว่าเหตุใดข้าจึงต้องดุนางอยู่เรื่อย ๆ”
คุณชายหันมายิ้มเจื่อนให้กับหลี่ซินเหมย พร้อมกับโบกมือเป็นเชิงอนุญาต เมื่อนางขอตัวกลับออกไปกินข้าวที่โรงอาหารร่วมกับลูกจ้างของแปลงผัก
โฉมงามหนึ่งเดียวของแปลงผักหลวงนั่งลงข้างอาเหยียน ก่อนจะกินข้าวที่เขาตักแบ่งเอาไว้อย่างรวดเร็ว กลิ่นหอมของอาหารในบ้านคุณชายโจว กระตุ้นนางให้รู้สึกหิวจนตาลาย หากอาเหยียนมิได้ตักอาหารเอาไว้เผื่อ ก็ไม่แน่ว่านางคงจะเป็นลมล้มพับไปก่อนที่จะเดินเข้าไปตักอาหารได้ทัน หลังจากเคี้ยวข้าวไปได้สักพักหนึ่ง หลี่ซินเหมยก็ถึงกับสะอึก เมื่อนึกถึงเรื่องที่เป็นไปได้เรื่องหนึ่ง
“น้องสาวระวังด้วย”
หนึ่งในคนสวนรีบยื่นน้ำให้กับสาวงามที่กำลังสำลัก ส่วนอาเหยียนนั้นทุบหลังช่วยนางเต็มแรง
“คิดอะไรอยู่ เหตุใดจึงมิระวังจนข้าวเกือบจะติดคอตาย” ผู้ที่อาวุโสกว่าถึงกับเผลอตัวดุเสียงดัง
“เรื่องของเสี่ยวถิงกวนใจข้าอยู่มาก นางดูหึงหวงคุณชาย และไม่พอใจที่ข้าเข้าไปในบ้าน” หลี่ซินเหมยกระซิบ ด้วยทราบดีว่าไม่ควรเอ่ยเรื่องของเจ้านาย ท่ามกลางลูกจ้างจำนวนมาก
“เย็นนี้เลิกงานแล้ว ข้าจะไปส่งเจ้าที่บ้าน ระหว่างทางเราค่อยสนทนาเรื่องนี้กันต่อ”
พอเห็นว่ามือของหลี่ซินเหมยมีผ้าสะอาดพันอยู่ อาเหยียนจึงพอเดาได้ว่าคุณชาย เรียกนางเข้าบ้านไปเพราะเหตุใด และเพื่อมิให้ความพยายามของคุณชายต้องสูญเปล่า เขาจึงสั่งให้นางไปคัดเมล็ดพันธุ์ผักในโรงเรือนแทนการทำงานในสวน
โฉมงามประจำแปลงผักทราบดีว่า หัวหน้าคนสวนมีธุระที่จะต้องจัดการค่อนข้างเยอะ เพราะคนสวนเกินกว่าครึ่งยังมิค่อยชำนาญงาน อาเหยียนเล่าให้ฟังว่าเมื่อหลายเดือนก่อน คนสวนกว่ายี่สิบชีวิตประมาทเลินเล่อ ไม่ดูแลแปลงมะเขือให้ดี ปล่อยให้แมลงลงจนเกิดความเสียหาย และนั่นทำให้นายท่านโจวหงเหลียงไล่ผู้ที่ดูแลแปลงมะเขือออกจนหมด
ความจริงแล้วคนสวนทั้งหมดควรจะต้องถูกไล่ออก ทว่าคุณชายโจวเล่อเทียนกลับขอร้องบิดามิให้ทำเช่นนั้น เขาทำเพียงปรับลดค่าจ้างของผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแปลงมะเขือเป็นเวลาสามเดือนแทนการไล่ออก และนั่นทำให้คนสวนเก่าแก่เคารพคุณชายมากขึ้นอีกหลายเท่าตัว
ส่วนผู้ที่มาใหม่และยังไม่รู้ถึงความใจกว้างของคุณชายก็มักจะซุบซิบนินทาลับหลัง หากมิใช่เรื่องที่คุณชายทำตัวเป็นลูกแหง่เจ้าสำอาง ก็เป็นเรื่องที่คุณชายนิยมชมชอบในบุรุษเพศ เพราะนอกจากอาเหยียนแล้ว โจวเล่อเทียนก็มิค่อยได้สนทนากับใครอื่น กระทั่งคุณหนูรูปโฉมงดงามแวะมาเยี่ยมเยียน เขาก็ยังทำหน้าตาบึ้งตึงไม่ต้อนรับ
หากมิเกรงใจว่าคุณชายโจวเล่อเทียนคือผู้ตัดสินอนาคตว่าจะได้อยู่ต่อหรือถูกเลิกจ้าง บุรุษคึกคะนองเหล่านั้นก็คงจะกล่าวเสียงดังแล้วว่าคุณชายเป็นพวกต้วนซิ่ว หรือบุรุษที่นิยมในเรื่องการรักร่วมเพศ แต่หากหูยังไม่พิการหรือสมองยังทำงานดีอยู่ แค่การเปรียบเปรยลอย ๆ ว่าเจ้าสำอางไม่ต่างจากสตรีก็ทำให้ผู้ที่ได้รับฟังเข้าใจไปในทางนั้นได้แล้ว
หลี่ซินเหมยได้สัมผัสถึงความเห็นใจที่คุณชายมีต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันแล้วก็ให้รู้สึกมิค่อยสบายใจ หากเขาทราบว่าตนถูกกล่าวล้อในแง่ที่ไม่น่าฟังก็คงจะเสียใจอยู่ไม่น้อย และต่อให้คำเล่าลือเรื่องรสนิยมของคุณชายเป็นเรื่องจริง แต่นั่นก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเขามิใช่หรือ
“ไม่ใช่เรื่องของเจ้าสักหน่อย!”
หลี่ซินเหมยดุตนเองที่ปล่อยให้ปัญหาของผู้อื่นมารบกวนจิตใจ ทั้ง ๆ ที่ตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่าจะไม่แยแสผู้ใด นอกจากท่านย่าและสาวใช้ที่ติดตามนางมาด้วยเท่านั้น
หลี่ซินเหมยเจ็บมามากพอแล้ว...
อากาศในโรงเรือนมิได้ร้อนดั่งยามก้มหลังทำสวนอยู่กลางแจ้ง หลี่ซินเหมยปลดผ้าคลุมหน้าของตนออก ลงมือคัดเลือกเมล็ดพันธุ์อย่างขยันขันแข็ง แปลงผักของสกุลโจวมิใช่แปลงผักธรรมดา ทว่าคือแปลงผักหลวง ทุกกระบวนการย่อมจะต้องได้รับการดูแลโดยละเอียด
เมล็ดพันธุ์จะถูกคัดเอาเฉพาะเมล็ดที่อวบสมบูรณ์ดี หากมีตำหนิเพียงเล็กน้อยก็จะถูกนำไปทิ้ง
หลี่ซินเหมยคัดเลือกเรียบร้อยแล้ว และเตรียมเมล็ดพันธุ์คุณภาพดีเอาไว้สำหรับลงแปลงผักในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ส่วนที่ใช้ไม่ได้ คนสวนใหม่ประจำแปลงผักก็ทิ้งมันไปโดยไม่เหลียวแล ส่วนที่ดูแล้วมีคุณภาพปานกลาง นางได้แยกเอาไว้ต่างหาก เผื่อว่ามีผู้ใดต้องการนำไปใช้ในภายหลัง
‘ถ้ายังพอมีโอกาสเติบโตได้อยู่บ้าง เราก็ไม่จำเป็นต้องทิ้งมันไป ลองรดน้ำพรวนดิน ดูแลให้มากหน่อย ก็ไม่น่าว่าจะออกมาอุดมสมบูรณ์ดีเช่นต้นอื่น ๆ’
คำสอนของบิดายามแนะแนววิธีการปลูกสมุนไพรให้ ยังคงฝังลึกอยู่ในความทรงจำ สมุนไพรชนิดใดใช้น้ำน้อยหรือมาก รดน้ำวันละสามครั้งหรือสามวันครั้งหนึ่ง หลี่ซินเหมยล้วนจำได้ดี ทั้งยังทราบชัดว่าต้นใดหรือเถาใดไร้ซึ่งความหวังที่จะออกมาสมบูรณ์แบบ
นางเคยโอดครวญและจำต้องโค่นตัดสมุนไพรที่ปลูกด้วยสองมือทิ้งอย่างเสียมิได้อยู่หลายครั้ง แต่หลังจากศึกษาเรียนรู้อยู่หลายปี ก็ไม่มีสมุนไพรประเภทใดที่นางปลูกแล้วไม่งอกงามตามลักษณะที่ดีอีก
ขอเพียงเมล็ดพันธุ์ยังไม่แห้งตายไปเสียก่อน การคืนชีวิตให้กับสมุนไพรเหล่านั้น ย่อมไม่เกินความสามารถของหลี่ซินเหมย
แม้ประกาศชัดเจนแล้วว่าจะหันหลังให้กับหนทางที่เคยเลือก ทว่าสุดท้าย โฉมงามสกุลหลี่กลับไปไหนมิรอด นางจำต้องใช้ความสามารถที่มี เพาะปลูกและขายสมุนไพรเพื่อยังชีพของตนและครอบครัวที่เหลืออยู่
โชคร้ายที่บ้านเกิดเมืองนอนรังเกียจคนของสกุลหลี่ถึงขั้นมิยอมรับซื้อสมุนไพรของสาวน้อย ร้านขายยาเมืองใกล้เคียงที่เคยทำการค้าร่วมกันก็มิยอมเปิดประตูรับดังเดิม และเมื่อความลำบากเล่นงานหนักเข้า สาวน้อยมือเย็นจึงจำต้องย้ายถิ่นฐานมาตั้งรกรากในเมืองอื่น
นางหวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดีในเมืองเฉินหยาง