มือเรียวจัดการถอนสมุนไพรอย่างชำนาญ ทั้งรากและใบยังคงสภาพสมบูรณ์ดี สมกับความรู้ที่ได้รับการสั่งสอนจากบิดาผู้ล่วงลับ ความจริงหลี่ซินเหมยอยากจะเป็นหมอยาเช่นเดียวกันกับบิดา แต่ยังมิทันได้ฝึกฝนให้เชี่ยวชาญ ผู้ที่หมายใจว่าจะมอบวิชาความรู้ให้ก็ด่วนจากกันไปเสียก่อน
สาวน้อยในยามนั้นจึงเชี่ยวชาญเฉพาะการปลูกสมุนไพรและการปรุงยาอย่างง่าย ส่วนเรื่องวินิจฉัยโรคนั้นยังห่างไกลจากคำว่าชำนาญอยู่มาก
ทว่าเรื่องที่มั่นใจนักว่าชำนาญ วันนี้นางกลับทำมิได้ดีดังเดิม
หลี่ซินเหมยกระชากสมุนไพร จนรากของมันขาดคามือ...
“ซินเหมยดูคล้ายจะมีเรื่องไม่สบายใจ มีเรื่องอันใดอยากพูดสนทนากับย่าหรือไม่”
ท่านย่าหลี่ฉินเหยาเดินกระย่องกระแย่งออกมาจากตัวบ้าน เมื่อทราบความจากสาวใช้จ้าวจินอิ๋งว่าคุณหนูดูอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก
“ไม่มีเรื่องสำคัญอันใดหรอกเจ้าค่ะท่านย่า ซินเหมยแค่รู้สึกเพลียเพราะอากาศร้อนเท่านั้น” นางยังคงสวมชุดของคุณชายเจ้าสำอาง เพราะสะดวกต่อการทำสวนและปลูกสมุนไพร มากกว่าเสื้อผ้าราคาแพงที่ยังหลงเหลือเก็บไว้อยู่บ้าง
“โกหกคนแก่เสียจนเคยตัว” หญิงชราหย่อนตัวลงบนเก้าอี้ในสวน พลางนึกชื่นชมแปลงสมุนไพรที่เพิ่งจะปลูกได้แค่เพียงสองเดือนก็เจริญงอกงามอย่างมาก ทว่าก็เป็นแค่เพียงแปลงเล็ก ๆ เพราะบ้านที่เช่าอยู่มิได้มีพื้นที่กว้างขวางมากนัก
“ท่านย่าเจ้าคะ...”
“ซินเหมยก่อเรื่องทีไร ถอนต้นไม้ต้นหญ้าขาดหมดทุกที” หลี่ฉินเหยาส่ายหน้า นางรู้ทันว่าหลานสาวมิได้พูดความจริงอยู่หลายเรื่อง ทว่าก็แกล้งทำเป็นมองไม่เห็น เพื่อความสบายของทั้งสองฝ่าย
“หลานเพิ่งจะทะเลาะกับคุณหนูสกุลหวังมาเจ้าค่ะ และอาจจะทำให้คุณชายโจวเสียน้ำใจมากสักหน่อย”
โฉมงามเล่าว่าคุณชายมิค่อยชอบหน้าของสตรีนางนั้น จึงคิดช่วยเหลือด้วยการสร้างเรื่องใหญ่โต หลี่ซินเหมยกำจัดนางได้ก็จริง ทว่าคุณชายกลับต้องลำบากใจ เพราะความไม่รู้จักคิดของนาง
“ซินเหมยควงแขนเล่นละคร แสดงความเป็นเจ้าของคุณชายเพียงนิดเดียวเท่านั้น แต่คุณชายกลับบอกว่าอย่าล้อเล่นกับความรู้สึกของเขาให้มากจนเกินไปนัก”
หลี่ซินเหมยละความจริงเรื่องขโมยจูบแก้มของคุณชายเอาไว้กับตนเอง เพราะเกรงว่าท่านย่าจะเป็นลมสิ้นสติ เพราะความหน้าด้านของนางไปเสียก่อน
อย่างไรหลี่ซินเหมยก็คือคุณหนูสกุลดังที่คนเคยให้ความเคารพนับถืออยู่มาก
“หากพ่อของเจ้ายังอยู่ คงจะถูกฟาดหลังลายแล้วกระมัง”
หลี่ฉินเหยาบ่นพึมพำ นางเห็นโลกมามาก และมั่นใจว่าอากาศร้อนมิใช่สาเหตุของอารมณ์ที่ไม่ปกติ หลานสาวของนางกำลังกังวลเรื่องความรู้สึกของคุณชายโจว
“เรื่องนี้คุณชายเริ่มเองนะเจ้าคะท่านย่า เขาบอกว่าชอบหลานเพื่อที่จะกำจัดนางไปให้พ้นทาง” หลี่ซินเหมยย้ำต่อไปอีกว่าที่ยอมเล่นละครมิใช่เพราะไม่ชอบหน้าคุณหนูสกุลหวังเพียงแค่อย่างเดียว ทว่าต้องทำเพราะต้องการตอบแทนบุญคุณของคุณชายด้วยอีกประการหนึ่ง
“ตอบแทนบุญคุณนั้นเป็นเรื่องดี แต่ไหนเจ้าบอกว่าคุณชายโจวร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ดูแลปกป้องผู้ใดไม่ได้ แล้วเหตุใดคุณหนูสกุลหวังจึงยังแวะเวียนไปหาอยู่เรื่อย ๆ เล่า”
“ท่านย่าเจ้าคะ ถึงคุณชายจะไม่ค่อยแข็งแรง ทว่าก็มีรูปร่างสูงโปร่งสมส่วน ดวงหน้างดงามไม่แพ้คุณชายบ้านใดที่ข้าเคยเห็น ทั้งยังร่ำรวยเป็นอันหนึ่งของเมืองเฉินหยาง ส่วนเรื่องของคุณหนูใจร้ายบ้านนั้น นางก็แค่อยากจะเอาชนะคุณชาย เพราะว่าคุณชายไม่ปรารถนาที่จะแต่งนางเข้าสกุลโจว เรื่องมันก็มีอยู่เท่านั้นเองเจ้าค่ะ”
นางดึงทึ้งสมุนไพรอย่างแรง จนกระทั่งต้นและใบขาดวิ่น
“แล้วซินเหมยชอบคุณชายหรือไม่”
คำกล่าวของท่านย่าทำให้มือเรียวชะงัก รีบตั้งสมาธิจัดของที่ได้ลงตะกร้าให้เป็นระเบียบ ตามที่เคยปฏิบัติมา
“ท่านย่าเจ้าคะ ซินเหมยเป็นแค่คนสวนธรรมดา ทราบเรื่องดีว่าสิ่งใดควรหรือไม่ควรทำ และหากมีครอบครัวใดทราบเรื่องราวในอดีตของเรา เขาก็คงจะตัดไมตรีจนขาดสะบั้น อาจถึงขั้นทำให้เราใช้ชีวิตอย่างสงบต่อไปไม่ได้อีก ซินเหมยจึงทราบดีว่าการอยู่เงียบ ๆ ไม่สุงสิงกับผู้ใด คือทางออกที่ดีที่สุดแล้ว”
“ซินเหมยเฉลียวฉลาดและจิตใจดีไม่ต่างจากบิดา คิดทำเรื่องใดล้วนตรึกตรองถี่ถ้วนดีอยู่เสมอ แต่ทว่าบางเรื่องไม่ควรใช้แค่เพียงสมอง ลองใช้หัวใจช่วยตัดสินด้วยอีกประการ อาจจะช่วยทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น”
“ซินเหมยมิได้ชอบคุณชาย เหตุใดจึงต้องให้หัวใจช่วยคิดด้วยล่ะเจ้าคะ” หลี่ซินเหมยรีบแย้ง
“ย่าก็ไม่ได้ว่าเจ้าชอบคุณชายสักหน่อย ก็แค่แนะนำให้ลองใช้ใจคิดดูด้วยเท่านั้นเอง” หลี่ฉินเหยาเรียกหาสาวใช้ เพื่อให้ช่วยประคองนางกลับเข้าห้องนอน
“ซินเหมย ย่ารู้ว่าเจ้าเจ็บมามาก ย่าเองก็รู้สึกคับแค้นใจไม่ต่างกัน แต่การปิดกั้นตนเอง มิยอมรับไมตรีจากผู้อื่นนั้นหาสมควรไม่ เจ้าควรเปิดใจคบหาสหาย หรือผูกมิตรกับผู้อื่นเอาไว้บ้าง หากมีปัญหาในอนาคตจะได้มีคนคอยช่วยเหลือดูแลตามสมควร”
“เจ้าค่ะท่านย่า” หลี่ซินเหมยรับคำ นางจัดการล้างมือ และช่วยสาวใช้ประคองญาติผู้ใหญ่เพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ กลับเข้าห้องไปพักผ่อนตามเดิม
พอได้อยู่ตามลำพังก็เริ่มคิดตามคำสอนของผู้ที่สูงวัยกว่ามาก ความจริงแล้วหลี่ซินเหมยก็มิได้ปิดกั้นตัวเองเฉกเช่นสองปีที่ผ่านมา ยังมีอาเหยียนที่นางให้ความสนิทสนมไว้ใจ
ทว่าก็ยังไม่สนิทมากพอที่จะเล่าเรื่องส่วนตัวให้เขาได้รับทราบ หากบุรุษที่นางนับถือดั่งพี่ชายกลับมาจากต่างเมือง ก็สมควรแก่เวลาแล้วที่จะพามาแนะนำให้ท่านย่าได้รู้จักในฐานะสหาย
ส่วนคุณชายโจวเล่อเทียนกลับไม่ใช่หนึ่งในตัวเลือกที่นางคิดจะผูกไมตรีด้วยได้ เขาบอกชัดเจนแล้วว่า ร่างกายไม่แข็งแรงพอที่จะดูแลหรือให้ความสุขกับใคร ทั้งยังพึงพอใจกับการแอบชอบนางอยู่เงียบ ๆ เท่านั้น ทว่าเหตุการณ์ในช่วงบ่ายที่ผ่านมา อาจจะทำให้คุณชายเจ้าสำอางรู้สึกต่างไปจากเดิม
พอคิดต่อไปเรื่อย ๆ ก็ตระหนักได้ว่าการกระทำของนาง ดูคล้ายกับต้องการยั่วยุให้คุณชายรู้สึกมากกว่าคำว่าชื่นชอบ และนั่นไม่ยุติธรรมต่อหัวใจของเขาอย่างแท้จริง เพราะนอกจากอาเหยียนที่เอ็นดูนางดั่งน้องสาวแล้ว ก็มีเพียงคุณชายโจวเล่อเทียนเท่านั้นกระมังที่ยังเมตตาให้ความช่วยเหลือกันอยู่เรื่อย ๆ นางจึงไม่ควรทำตัวอกตัญญู ตอบแทบความเมตตาของคุณชายด้วยการล้อเล่นกับความรู้สึกของเขามิใช่หรือ
ยิ่งได้มีเวลาให้คิดหนักตลอดบ่าย หลี่ซินเหมยก็ยิ่งรู้สึกผิดท่วมท้นทวีคูณ นางสาบานกับตนเองว่าจะต้องแก้ไขเรื่องนี้โดยเร็ว คุณชายจะต้องมิเสียใจ เพราะการกระทำของสตรีไม่รู้จักคิดอีก ทว่าคิดอย่างไรก็คิดอันใดไม่ออก
“จินอิ๋ง หากเจ้าทำให้คนแอบชอบเจ้าอยู่เสียใจอย่างมาก เจ้าจะทำอย่างไรให้เขาหายโกรธได้บ้าง”
หลี่ซินเหมยสอบถามสาวใช้ที่เข้ามาช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้า หลังจากอาบน้ำเรียบร้อยดีแล้ว
“ก็คงจะง้อด้วยคำหวาน หรือไม่ก็หาข้าวของมอบให้แทนคำขอโทษกระมังเจ้าคะ”
“หากไม่สะดวกพูดคำหวานและคนผู้นั้นมีของที่ต้องการครบถ้วนแทบจะทุกอย่างแล้วเล่า” หลี่ซินเหมยมิใช่สตรีชอบพูดคำหวาน เรื่องออดอ้อนคุณชายจึงลืมไปได้เลย
“เช่นจินอิ๋งก็ไม่รู้จะแก้ไขอย่างไรเหมือนกันเจ้าค่ะ แล้วยามที่ฮูหยินโกรธนายท่านล่ะเจ้าคะคุณหนู นายท่านทำหรืออย่างไรเจ้าคะ” คำถามของซื่อ ๆ ของสาวใช้ ทำให้หลี่ซินเหมยยิ้มออกมาอย่างโล่งอก นางก่นด่าตนเองที่คิดหาทางออกเสียตั้งนาน ทว่าทุกอย่างกลับง่ายดายกว่าที่คิดไว้มาก
ใบไม้บังตา มองไม่เห็นเขาไท่ซานโดยแท้
‘คำขอโทษที่มาจากใจนั้นเพียงพอแล้ว’
หลี่ซินเหมยลืมคำสอนของบิดาได้อย่างไรกัน
พรุ่งนี้นางจึงตัดสินใจว่าจะตื่นตั้งแต่เช้า รีบเดินทางเข้าบ้านสกุลโจวเพื่อกล่าวคำขอโทษต่อคุณชาย และให้คำสัญญาว่าจะไม่แสดงกิริยาที่ทำให้เขาต้องลำบากใจอีก
โฉมงามนอนหลับสนิทจนกระทั่งเช้าวันใหม่มาเยือน อากาศค่อนข้างเย็นทำให้นางมิอยากขุดตัวออกจากเตียงนอน แต่พอนึกได้ว่ามีเรื่องสำคัญที่จะต้องทำ ร่างที่ยังมิค่อยได้สติดีก็รีบตรงไปยังโอ่งน้ำที่สาวใช้ตระเตรียมไว้ให้พร้อมเสมอ
น้ำที่สัมผัสกับใบหน้านั้นเย็นเฉียบมากกว่าทุกวันที่ผ่านมา
สารทฤดูได้มาเยือนเมืองเฉินหยางแล้ว