ฉันเอ่ยเสียงหวานพลางมองการกระทำของอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกที่ชอบเอามากๆ ตอนนี้ฉันเลยรู้แล้วว่าทำไมแม่ถึงชอบให้ผู้ชายพวกนั้น “ดูดนม” เพราะเวลาที่มีคนแบบนี้ให้มันรู้เสียวไปถึงท้องน้อยเลย
“ นมคะนิ้งพอดีกับมือเราเลย ”
อยู่ๆนายทึ่มก็พึมพำออกมาทั้งที่ยังหยอกเย้าหน้าอกกลมของฉันไปด้วย
“ แล้วชอบไหมล่ะ ”
ฉันถามออกไปด้วยความตื่นเต้นสุดๆแล้วฉันก็สังเกตเห็นว่านายทึ่มหน้าแดงมากก่อนจะพยักหน้าให้ฉันพอพูดแล้วก็ลงมือบีบหน้าอกฉันต่อ
“ อื้อออ~ …เสียว ”
เสียงหวานครางออกมาด้วยความทรมานมันเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่ได้นึกรังเกียจและยิ่งไปกว่านั้นฉันก็ชักจะชอบขึ้นมาแล้วด้วย
ตอนนี้ด้านนอกฝนพายุยังคงซัดลงมาไม่หยุดบวกกับลมแรงที่พัดเข้ามาภายในกระต๊อบหลังนี้ทำให้ฉันต้องการความอบอุ่นจากใครสักคน
“ คะนิ้งหนาวหรอ ”
นายทึ่มถามฉันขึ้นหลังจากที่หยุดทุกอย่างเอาไว้แล้วปล่อยให้ยอดอกของฉันแข็งเป็นตุ่มไตอยู่อย่างนั้น จะรู้บ้างไหมว่าฉันทรมานกับอาการนี้เหลือเกิน
“ อือ ”
ฉันพยักหน้าเบาๆพร้อมกับกระชับอ้อมกอดตัวเองเพื่อให้ร่างกายมันอบอุ่นขึ้นมาบ้าง ตอนนี้ฉันกับนายทึ่มนั่งเอาหลังชนฝาไม้เก่าๆโดยที่ต่างฝ่ายต่างรักษาระยะห่างของตัวเอง
“ ทำอะไรของนาย ”
ฉันเอ่ยขึ้นด้วยความตกใจเพราะอยู่ๆนายทึ่มก็ดึงฉันเข้าไปกอดโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว ฉันมองหน้าอึ้งๆเพราะไม่คิดว่าคนซื่อๆบื้อๆบทจะใจกล้าก็ทำเอาหัวใจเต้นแรงไม่หยุด
“ ก็คะนิ้งหนาวไม่ใช่หรอเราแค่อยากทำคะนิ้งอุ่นขึ้น ”
ฉันได้แต่นั่งตัวเกร็งแล้วปล่อยให้นายทึ่มกอดอยู่แบบนี้โดยที่ไม่ได้พูดอะไรอีกเพราะฉันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าอ้อมแขนเล็กๆของนายคนนี้ทำให้ฉันรู้สึกอุ่นขึ้นมามาก เราสองคนติดอยู่ในนี้นานเป็นครึ่งชั่วโมงกว่าที่ฝนจะหยุดและทันทีที่เม็ดฝนเริ่มซาลงฉันกับนายทึ่มก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
“ เดี๋ยวก่อนสิ ”
แต่ก่อนที่จะแยกย้ายกันฉันก็นึกอะไรขึ้นมาได้เลยเรียกนายนั่นเอาไว้
“ คะนิ้งมีอะไรหรอ ”
หมอนั่นก็หันมาหาฉันด้วยหน้าตาที่ซื่อๆบื้อๆตามแบบฉบับ
“ เรื่องวันนี้อย่าเอาไปบอกใครนะสัญญากับเราสิ ”
พอได้ฟังที่ฉันพูดนายทึ่มก็พยักหน้าเหมือนที่ชอบทำทุกครั้งแต่ฉันสังเกตุว่าแววตาคู่นั้นดูเศร้าๆยังไงก็ไม่รู้แต่มันอาจจะไม่ได้มีอะไรฉันอาจจะคิดไปเองเพราะคนบื้อๆและบ้าเรียนอย่างนายทึ่มนั่นนอกจากเรื่องที่เคยสอบได้เกรดเฉลี่ย 3.99 ตอนที่อยู่ ม.1 แล้วก็ไม่น่าจะไม่มีเรื่องอะไรทำให้นายนั่นเสียใจได้หรอก
หลายวันต่อมา
หลังจากวันนั้นฉันก็ไม่ได้ไปที่กระต๊อบปลายสวนของป้าอรอีกเลยแต่ฉันกับนายทึ่มก็ยังเจอกันที่โรงเรียนเพราะเราสองคนเรียนอยู่ห้องเดียวกัน เราสองคนทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
จนกระทั่ง......
“ การบ้านเสาร์อาทิตย์นี้ให้ทุกคนจับคู่กันไปเขียนรายงานมาแล้วก็ออกมาพรีเซ้นหน้าห้องชั่วโมงหน้าแล้วก็ส่งรายชื่อคู่ของตัวเองให้ครูตอนนี้เลยนะคนไหนไม่มาก็ให้ทำเดี่ยวไป ”
เจ้าของเสียงเมื่อครู่คือครูเดือนเพ็ญ ครูเพ็ญเป็นครูสอนวิชาสุขศึกษาแล้วยังเป็นครูที่ปรึกษาของห้องฉันด้วย
“ อ่าว คนไม่ครบทำไงดี ”
ยัยปุ๊กกี้เอ่ยขึ้นหลังจากที่ต้องมีคนใดคนหนึ่งในกลุ่มหาคู่ทำรายงาน เนื่องจากกลุ่มฉันมีด้วยกันสี่คนแต่เพราะเมื่อวานฝนตกหนักเพื่อนฉันคนหนึ่งไปตากฝนมาจนไม่สบายเลยไม่ได้มาเรียน
“ เออนั่นดิ แล้วทีนี้ใครจะเป็นคนเสียสละ ”
เราสามคนมองหน้ากันด้วยความลำบากใจเพราะรู้ๆกันอยู่ว่าเวลาทำงานส่งไม่มีใครอยากแยกไปทำกับเพื่อนกลุ่มอื่นแน่นอน
“ คะนิ้งคู่กับเราไหม ”
ในระหว่างที่พวกฉันกำลังจะเป่ายิงฉุบหาคนเสียสละน้ำเสียงเอื่อยเฉื่อยของใครบางคนก็ดังเข้ามา นายทึ่มขยับฐานแว่นตาเล็กน้อยหลังจากที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของฉันด้วยหน้าตาซื่อๆ
“ เอ่อ…… ”
“ จะเอ่ออ่าอะไรละคะนิ้งคู่กับทิมส์ดีจะตายไปมีหวังงานนี้แกต้องได้คะแนนเต็มแหงๆ ”
ยัยเหมยเพื่อนของฉันอีกคนเอ่ยอย่างเห็นด้วย ฉันก็เห็นด้วยนะเพราะคนที่เรียนเก่งที่สุดในห้องและเก่งที่สุดในระดับชั้นก็คือนายทึ่มคนนี้แหละแต่ว่าไม่รู้ทำไมฉันถึงได้รู้สึกแปลกๆ
“ งั้นวันเสาร์นี้เราไปรอที่กระต๊อบนะ ”
พูดแล้วนายทึ่มก็หันหลังให้ฉันโดยที่ไม่ฟังคำตอบ อ้าว! อะไรหว่า ฉันยังไม่ได้ตอบตกลงเลยนะนี่มันมัดมือชกกันชัดๆ แล้วทำไมต้องไปที่กระต๊อบนั่นด้วยเล่าหรือว่า…......
อย่าบอกนะว่านายทึ่มติดใจฉันขึ้นมา
หึ ...
ฉันแอบยิ้มอยู่คนเดียวและรู้สึกอยากให้ถึงวันเสาร์ไวๆ