ฉันหลบออกมานั่งหน้าบ้านเพราะทนมองตาลุงนั่นทำร้ายแม่ต่อไม่ไหวแต่ในตอนนั้นฉันก็ได้ยินป้าข้างบ้านสองคนยืนคุยกันอยู่ตรงรั้วตำลึง
“ แกรู้ไหมนังนวลมันพาผู้ชายมานอนที่บ้านอีกแล้วนะ ”
“ ต๊ายย!จริงหรอจ๊ะป้า บัดศรีบัดเถลิงลูกมันก็อยู่ด้วยไม่ใช่หรอถ้าเ****นก็น่าจะออกไปเอากันที่อื่นสิ ”
“ แกจะไปรู้อะไรออกไปเอากันที่อื่นก็เสียเงินเปิดห้องสิวะเดี๋ยวนี้พวกเสี่ยแก่ๆมันฉลาดจะตายไปมีที่ให้เอาฟรีเป็นใครจะไม่มาล่ะจริงไหม ”
“ ที่ป้าพูดก็ถูกนะแต่นังนวลมันจะขายตัวไปจนถึงเมื่อไหร่นังคะนิ้งลูกสาวมันตอนนี้ก็อยู่ป.1แล้วไม่ใช่หรอ จะขายตัวเลี้ยงลูกจนลูกโตเป็นสาวเลยหรือไง ”
“ มันจะไปอายทำไมงานง่ายๆแค่นอนอ้าขาให้ผู้ชายก็ได้เงินมาใช้แล้ว ”
“ เออ จริงของป้า งั้นเราไปร้านเจ๊หอยดีกว่าจะได้ไปเมาส์เรื่องนี้กัน ”
“ เออไปสิไปฉันกำลังคันปากอยู่พอดี ”
ฉันนั่งลงฟังป้าสองคนนั้นคุยกันจนแกสองคนเดินออกไปแต่ฉันก็ยังไม่เข้าใจว่าแกคุยกันถึงเรื่องอะไร มือค่ำมื้อนี้ฉันเลยจะตัดสินใจถามแม่
“ แม่ขายตัวคืออะไรนิ้งอยากรู้ ”
เสียงช้อนที่กระทบขอบจานบวกกับสายตาดุๆของแม่ทำให้รู้ว่าแม่กำลังไม่พอใจฉันอยู่แน่ๆ
“ แกไปเอาคำพูดพวกนี้มาจากไหน ”
น้ำเสียงทุ้มต่ำทำให้ฉันเริ่มกินข้าวไม่อร่อย
“ หนูได้ยินป้าแจ๋วยืนคุยกับป้าสายใจแถมยังว่าให้แม่ตั้งหลายคำ ”
เพราะความเป็นเด็กไร้เดียงสาฉันเลยโกหกแม่ไม่เป็น
“ มันพูดว่าอะไรบ้าง ”
แม่จ้องหน้าฉันด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ ปกติแม่เป็นคนที่ไม่ชอบยุ่งกับใครแต่ถ้ามีใครมายุ่งด้วยแม่ก็ด่าเสียงดังไปสามบ้านแปดบ้าน
“ ป้าเขาบอกว่าแม่ขายตัว ”
ฉันก้มหน้าลงตอบทั้งที่ไม่รู้ว่าขายตัวคืออะไร
“ รอแม่อยู่นี่เดี๋ยวจะไปเฉ่งอิป้าปากหมานั่นก่อน ”
“ แม่อย่าไป ”
ฉันเรียกตามหลังแม่ที่ก้าวขาไวๆลงบ้านไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวและยังไม่ถึงนาทีฉันก็ได้ยินแม่ตะโกนด่ากับป้าแจ๋วที่บ้านอยู่ติดกัน ความจริงฉันไม่อยากให้แม่ทะเลาะกับใครเพราะว่าคุณครูสอนฉันว่าคนที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียงต้องรู้จักพึ่งพาอาศัยกันแต่ว่าตั้งแต่ที่พ่อทิ้งให้เราสองแม่ลูกอยู่กันตามลำพังแม่ก็เริ่มเปลี่ยนไป แต่ก่อนแม่เป็นคนยิ้มเก่งชอบทำกับข้าวให้ฉันกิน งานบ้านงานเรือนไม่เคยขาดตกบกพร่องแต่ตอนนี้แม่กลายเป็นอีกคนอารมณ์จะฉุนเฉียวง่าย จะดูอารมณ์ดีหน่อยก็ตอนที่มีผู้ชายมาหาที่บ้านแล้วเข้าไปทำอะไรกันในห้องก่อนกลับเขาก็ให้เงินแม่ใช้หลายบาท
หลายปีต่อมา
เพล้ง!!!
ขณะที่ฉันนั่งล้างจานอยู่หลังบ้านก็ได้ยินเสียงเหมือนมีของหล่นแตกฉันเลยรีบวิ่งไปดู
“ แม่!!! ”
ทันทีที่มาถึงฉันก็เห็นแม่นอนหมดสภาพอยู่ที่พื้นแล้ว วันนี้แม่ออกไปจากบ้านตั้งแต่ไก่ยังไม่ขันกว่าจะกลับก็มืดค่ำแถมแม่ยังเมามายกลับมาไม่รู้เรื่อง เมื่อเห็นว่าแม่เมาจนไม่มีสติฉันเลยหิ้วปีกแม่เข้าไปนอนในห้องก่อนจะเอาผ้าไปชุบน้ำเย็นๆมาเช็ดตัวให้เหมือนที่ทำทุกครั้งแต่พอถอดเสื้อผ้าแม่ออกฉันก็เห็นรอยแดงๆเต็มตัวแม่ไปหมด มันคงจะเป็นรอยที่เกิดผู้ชายพวกนั้นที่ชอบใช้ความรุนแรงและเชยชมร่างกายของแม่ฉัน
ฉันเช็ดตัวให้แม่ไปก็ร้องไห้ไปด้วยเพราะสงสารที่แม่ต้องออกไปทำงานที่คนอื่นเขาไม่ทำกันหนำซ้ำยังถูกตราหน้าว่าแม่เป็น “นังผู้หญิงขายตัว” ซึ่งฉันรู้แล้วว่า “ขายตัว” คืออะไรเพราะตอนนี้ฉันไม่ใช่เด็กไร้เดียงสาเหมือนเมื่อก่อน
ปีนี้ฉันอายุได้สิบห้าปีบรบูรณ์แต่ถึงฉันจะเริ่มโตเป็นสาวแม่ก็ยังไม่เลิกพาผู้ชายมานอนที่บ้านอยู่ดี ฉันไม่กล้าถามอะไรแม่มากเพราะทุกครั้งที่เอ่ยปากถามเรื่องนี้แม่ก็จะด่าฉันแล้วลามไปถึงพ่อ พอด่าฉันกับพ่อเสร็จแม่ก็แอบไปนั่งร้องไห้คนเดียวทั้งคืน ฉันเลยรู้ว่าแม่ไม่ได้อยากทำอาชีพที่ไม่มีศักดิ์ศรีแบบนี้แต่แม่คงมีความจำเป็นบางอย่างซึ่งหนึ่งในเหตุผลที่ฉันพอรู้ก็คือ แม่ต้องหาเงินเลี้ยงฉันและส่งให้ฉันเรียนสูงๆเท่าที่แม่คนหนึ่งจะทำได้ แม่เคยบอกฉันว่าแม่ไม่อยากให้ฉันเรียนน้อยเหมือนแม่เพราะถ้าเรียนมาน้อยแล้วจะกลายเป็นคนโง่จนโดนคนอื่นเขาหลอกและเอารัดเอาเปรียบ
วันนี้เป็นเช้าวันศุกร์ที่แสนสดใสและเป็นวันที่ฉันชอบที่สุดในหนึ่งสัปดาห์ ฉันเดินไปโรงเรียนด้วยความสบายใจเพราะเมื่อเช้าฉันขายน้ำเต้าหู้จนหมดเกลี้ยงหลังจากหักต้นทุนออกแล้วยังพอได้ค่าขนมมากินนิดๆหน่อยๆแต่ระหว่างทางฉันก็บังเอิญเจอกับเพื่อนผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังจะไปโรงเรียนเหมือนกันฉันเลยเข้าไปทัก
“ ไงนายทึ่มไปโรงเรียนด้วยกันไหม ”
ฉันเดินไปดักหน้านายแว่นจอมเฉื่มพร้อมกับส่งยิ้ม ที่จริงหมอนี่ไม่ได้ชื่อทึ่มหรอกแต่เพราะท่าทางที่ดูไม่ค่อยทันคนเท่าไหร่บวกกับแว่นตาหนาๆที่ใส่อยู่ตลอดเวลาฉันเลยเปลี่ยนชื่อจาก ทิมส์ เป็นทึ่มแทน
“ คะนิ้งอยากไปโรงเรียนพร้อมเราหรอ ”
ดวงตาใสซื่อมองมายังฉันผ่านกรอบแว่นจนน่าเอ็นดู ให้ตายสิ ชวนเล่นๆจะไปจริงด้วยแฮะ
“ ก็ได้นะดีกว่าเดินคนเดียว ”
ว่าแล้วฉันก็จับมือนายแว่นให้เดินตามไวๆเพราะตอนนี้มันใกล้จะถึงเวลาเข้าแถวเคารพธงชาติแล้ว ขืนมัวโอเอ้มีหวังโดนครูเวรทำโทษให้ยืนตากแดดอีกซึ่งฉันไม่ชอบเอาซะเลย ถ้าผิวสวยๆของฉันโดนแดดบ่อยๆเข้าได้ดำกันหมดพอดีแล้วผู้ชายที่ไหนจะมาชอบ
โชคดีที่บ้านกับโรงเรียนของเราอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนมากเดินไม่กี่นาทีก็ถึงแล้ว อ่อ ลืมบอกไปว่าบ้านฉันกับนายทึ่มนี่อยู่ติดกันนะ นายทึ่มอาศัยอยู่กับป้าคนหนึ่งที่หลายปีก่อนถูกพ่อแม่แท้ๆเอามาทิ้งไว้ให้คนอื่นเลี้ยง แม้ชีวิตจะดูมีปมด้อยแต่นายทึ่มนี่ก็ไม่ได้ดูเหมือนเด็กขาดความอบอุ่นอะไรตรงกันข้ามกลับขยันเรียนจนสอบได้ที่หนึ่งทุกเทอม ส่วนฉันน่ะหรอแค่สอบไม่ตกก็บุญหัวแล้ว
พอมาถึงโรงเรียนฉันก็เจอกลุ่มเพื่อนสนิทพอดี
“ คะนิ้ง ทำไมวันนี้แกมากับนายซื่อบื้อนี่ได้หรือว่า…. ”
“ หยุดเลยพวกแกแค่เดินมาด้วยกันย่ะ ”
ฉันชิงออกตัวก่อนที่จะถูกพวกนั้นแซวเสียๆหายๆ
“ จริงสิทิมส์นายทำการบ้านวิชาเลขเสร็จหรือยังเราขอลอกหน่อยสิ ”
ยัยแยมที่เอ่ยแซวฉันคนแรกหันไปคุยกับนายทึ่มที่ยืนทำหน้าเอ๋อๆอยู่
“ ลอกการบ้านมันไม่ดีนะให้เราสอนแก้โจทย์ให้ดีกว่า ”
นายทึ่มเอ่ยด้วยหน้าตาที่ซื่อๆ
“ ไม่เอาหรอกยากจะตายไปเอามาให้พวกเราลอกก็จบจริงไหมคะนิ้ง ”
ยัยเพื่อนตัวดีหันมาขอความเห็นจากฉันหน้าตาเฉยแต่จะว่าไปฉันก็ยังไม่ได้ทำการบ้านเหมือนกันนินาแถมวิชาเลขยังอยู่ชั่วโมงแรกแล้วครูที่สอนก็โหดซะด้วยสิ
“ ใช่ เอามาให้ลอกก็จบ ”
ฉันพูดโดยไม่ได้คิดว่านายนั่นจะยอมหรอก
“ งั้นรีบลอกนะครูทิพาพรเข้าห้องเร็ว ”
อยู่ๆนายทึ่มก็ล้วงสมุดวิชาเลขออกมาจากกระเป๋าสะพายแล้วส่งมาให้ฉันอย่างไม่น่าเชื่อ
“ โหไรวะทีเราขอไม่ให้แต่พอคะนิ้งขอกลับให้ ยังไงยังไง ”
พวกเพื่อนซี้ของฉันชี้หน้าล้อนายทึ่มสลับกับมองหน้าฉัน
“ ยังไงอะไรไปๆเลย ส่วนนายเข้าแถวเสร็จก็รอก่อนนะลอกเสร็จเดี๋ยวเอาไปคืนให้ ”
ฉันดันหลังกลุ่มเพื่อนให้เดินไปหาที่นั่งก่อนจะหันกลับมาคุยกับนายทึ่มที่ยังยืนทำหน้าเอ๋ออยู่เหมือนเดิม