ภายในรถเงียบกริบจนได้ยินแม้กระทั่งลมหายใจของตัวเอง อัญชันนั่งบิดมือบนตักของตัวเองไปมา ในอกเต็มไปด้วยความอึดอัด ประหม่าและหวาดหวั่น หลายต่อหลายครั้งที่หล่อนทำใจกล้าลอบมองคนข้างกาย และก็ได้เห็นว่าเขากำลังจดจ่ออยู่กับการขับรถมากแค่ไหน
หล่อนเม้มปากแน่น ลอบถอนใจแผ่วเบา แต่กระนั้นคนตัวโตข้างกายก็ยังได้ยินจนได้ หล่อนสะดุ้งน้อยๆ เมื่อเขาหันมาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ความจริงเธอน่าจะดีใจนะที่สามารถบังคับให้ฉันออกมาด้วยได้ ไม่ใช่มานั่งถอดถอนหายใจแบบนี้” เขาว่าแต่ยังไม่ได้ละสายตาจากท้องถนนเลยแม้แต่นิดเดียว
หล่อนปากสั่น มือสั่น และหัวใจก็สั่นเทา “คือ... พี่ชายหมายถึงอะไรเหรอคะ”
“ยังจะมีหน้ามาถามอีก ก็เพราะเธอไม่ใช่หรือ ฉันถึงต้องมาเป็นคนขับรถให้แบบนี้”
เขาหันมามอง ดวงตาคมกริบที่เคยมีแต่ความเอ็นดูให้มาตลอดยามนี้ดุดันและน่ากลัว เขาคงรำคาญหล่อนมาก หญิงสาวเต็มไปด้วยความน้อยใจนัก
“หนูอัญขอ... ขอโทษค่ะ”
“หึ ขอโทษ... ขอโทษเก่งอย่างเดียวนั่นแหละเธอน่ะ นี่ถามจริงๆ นะเคยทำอะไรแล้วไม่ต้องเดือดร้อนฉันบ้างหรือเปล่า”
น้ำตาที่ซ่อนเอาไว้ทะลักออกมาอาบแก้ม หล่อนกัดปากแน่นจนเจ็บระบม คาดไม่ถึงกับความคิดของผู้ชายข้างตัว หล่อนมองเขาผ่านม่านน้ำตา มองด้วยความเจ็บปวด และผิดหวัง
พี่ชายคนนี้... พี่ชายที่เคยรักหล่อนสุดหัวใจ ตอนนี้ได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว ไม่เหลือแม้แต่เศษเสี้ยวความเมตตาให้กับหล่อนอีกแล้ว อัญชันสะอื้นไห้ด้วยความทรมาน
“ถ้าหนูอัญทำให้พี่ชายไม่สบายใจ ทำให้พี่ชายต้องรำคาญใจ หนูอัญต้องขอโทษค่ะ” หล่อนพยายามที่จะพูดออกไปให้จบ “พี่ชาย... ช่วยจอดรถข้างทางหน่อยได้ไหมคะ” หล่อนวิงวอนเขาเสียงเจือสะอื้น
กรามแกร่งของเคียร์สขบแน่น เขาตวัดตามองคนที่น้ำตานองหน้าอย่างไม่พอใจ แต่ก็ยอมหักพวงมาลัยรถจอดข้างทางให้ตามที่ร้องขอ
“นี่ไง รถจอดข้างทางแล้ว” เขาหันมามองหล่อน ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกันที่หล่อนคว้าประตูรถ แล้วจะเปิดออกไปพอดี เคียร์สกระชากแขนเรียวเอาไว้ และขู่เสียงดัง
“อย่าแม้แต่จะคิดเลยนะ อัญชัน”
หล่อนหันมามองเขา มองคนใจร้าย และพยายามบิดแขนให้หลุด แต่เขาไม่ยอมปล่อย ความร้อนผ่าวอำมหิตจากฝ่ามือใหญ่ ทำให้หล่อนยิ่งทรมาน
“ปล่อยหนูอัญค่ะ”
“เธอจะไปไหน”
“ก็... พี่ชายรำคาญหนูอัญ...”
หล่อนสะอื้นไห้ด้วยความเสียใจ
“หนูอัญก็จะไปเองยังไงล่ะคะ”
แทนที่เขาจะเห็นความดีของหล่อนบ้าง แต่กลับหัวเราะเยาะ และมองหล่อนอย่างชิงชัง
“พอเธอลงรถไปแล้ว ก็จะโทรนัดคู่รักให้มารับ จากนั้นก็จะไปจบกันที่โรงแรม ส่วนฉันก็ต้องกลับบ้านไปคนเดียว และถูกคุณแม่เอ็ดตะโรเอา อย่างนั้นใช่ไหม”
นี่เขา... เขาคิดกับหล่อนแบบนี้ได้ยังไง พี่ชายคนดีคนเดิมหายไปไหนหมด
อัญชันมองผู้ชายข้างตัวอย่างไม่อยากเชื่อ
“พี่ชาย... คิดแบบนี้กับหนูอัญได้ยังไงคะ หนูอัญไม่ได้...”
“ไม่มีใครยอมรับความจริงที่น่าสะอิดสะเอียนได้หรอก แม้แต่เด็กผู้หญิงที่ฉันเคยคิดว่าแสนดีอย่างเธอ อัญชัน”
หล่อนเผยอปากค้าง มองเขาอย่างสับสน
“พี่ชาย... หมายความว่ายังไงคะ หนูอัญไม่เข้าใจ”
“อย่ามาทำเป็นไร้เดียงสา ปิดประตูรถ เราจะไปดูหนังกัน”
เขาสั่งเสียงเฉียบ และน้องน้อยที่ไม่เคยขัดใจพี่ชายเลยสักครั้งอย่างหล่อนก็จำต้องทำตาม
“แต่... พี่ชายไม่อยากพาหนูอัญไปนี่คะ”
“ใช่ ฉันไม่เคยอยากอยู่ใกล้กับเด็กนิสัยไม่ดีอย่างเธอ”
เขาคำรามรดใบหน้าของหล่อน ดวงตาของเขาที่มองมาไม่เหลือเยื่อใยแห่งความเมตตาอยู่อีกแล้ว หล่อนมองด้วยความปวดใจ
“แต่ฉันขัดคำสั่งของคุณแม่ไม่ได้”
“งั้น... หนูอัญจะเรียนคุณป้าเองว่าหนูอัญเป็นคนปฏิเสธไม่อยากดูหนังกับพี่ชายเอง...”
หล่อนฝืนใจเค้นเสียงราบเรียบออกมา
“คุณป้าจะได้ไม่ต้องต่อว่าพี่ชาย...”
“อย่ามาทำเป็นอวดเก่งหน่อยเลย คุณแม่ไม่มีทางเชื่อหรอกว่าเธอเป็นคนปฏิเสธ”
เขายังคงจ้องหน้าหล่อนเขม็ง ใบหน้าที่ก้มต่ำลงมาหาทำให้หล่อนหัวใจกระตุกไหว
“เพราะท่านรู้ดีว่าเธอกระตือรือร้นอยากอยู่ใกล้ฉันมากแค่ไหน”
“พี่ชาย... หนูอัญไม่ได้...”
“หุบปาก คาดเบลล์ซะ ฉันจะออกรถแล้ว”
เขายืดตัวตรง และดึงตัวกลับไปนั่งนิ่งบนเบาะของตัวเองเช่นเดิม หล่อนเม้มปากแน่น ลอบมองเขาทั้งน้ำตา
‘ทำไมพี่ชายถึงได้ใจร้ายกับหนูอัญนักคะ’
หล่อนตัดพ้อแผ่วเบาในอก ก่อนจะรีบคาดเข็มขัดนิรภัยที่เพิ่งปลดออกไปบนร่างอีกครั้ง วินาทีถัดมารถคันงามก็แล่นกลับขึ้นมาบนท้องถนน และมันก็พุ่งทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง
ห้างหรูใจกลางเมืองยามสายแก่ๆ ยังไม่ค่อยมีผู้คนมากนัก อาจเป็นเพราะวันนี้เป็นวันหยุด หลายคนจึงเลือกที่จะนอนตื่นสาย อัญชันคิดในใจ ขณะก้าวตามร่างสูงใหญ่ของเคียร์สต้อยๆ
เคียร์สเป็นผู้ชายตัวสูงมาก อาจจะเป็นเพราะครึ่งหนึ่งในตัวของชายหนุ่มคือชาวตะวันตก ทำให้เขาได้ความสูงสมบูรณ์แบบนี้มาจากบิดา เขาสูงขนาดที่หล่อนเขย่งปลายเท้าขึ้นแล้วยังไม่ถึงปลายจมูกของเขาเลย
เพราะมัวแต่มองร่างของเขา มองแผ่นหลังของเขาเพลิน ทำให้ยามที่เขาหยุดเดินจึงเบรกไม่ทัน ร่างอรชรชนเข้ากับแผ่นหลังกว้างใหญ่เต็มแรง ก่อนจะรีบถอยออกมา พวงแก้มนวลแดงก่ำ
“ขอ... ขอโทษค่ะพี่ชาย”
เขาหมุนตัวกลับมา กรามแกร่งขบกันแน่นด้วยความไม่พอใจ แต่ภายในความหงุดหงิดนั้นกลับมีความรู้สึกบางอย่างที่ซ่อนเอาไว้จนลึกผุดขึ้นมาทีละนิด
ร่างเล็กของอัญชันที่ชนกับแผ่นหลังของเขาช่างนุ่มนิ่มเหลือเกิน หล่อนเปราะบางและน่าทะนุถนอมยิ่งนัก
ชายหนุ่มรีบสลัดศีรษะขับไล่ความรู้สึกอ่อนแอพวกนั้นออกไปจากสมอง และทำหน้ายักษ์ใส่ทันที
“มัวแต่เดินอ่อยผู้ชายอยู่หรือไง ถึงได้ไม่เห็นว่าฉันหยุดเดินน่ะ”
แต่ละคำพูดของเขาทำให้หล่อนเจ็บช้ำยิ่งนัก หล่อนไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเคียร์สถึงได้มองหล่อนในแง่ลบแบบนี้เสมอ ทั้งๆ ที่มันไม่ใช่ตัวตนของหล่อนเลยสักนิด
“หนูอัญ... ไม่ได้...”
“หึ...” เขาแค่นยิ้มหยัน และพูดต่อ “ไอ้ผู้ชายคนไหนล่ะที่เธอทอดสะพานอ่อยมันน่ะ คนนู้น หรือว่าคนนั้น หรือว่าผู้ชายอ้วนๆ ที่อยู่ตรงบันไดเลื่อนล่ะ”
ทำไม... ทำไมพี่ชายถึงได้มองหล่อนเลวร้ายแบบนี้
อัญชันน้ำตาร่วง แต่ก็รีบยกมือขึ้นป้ายทิ้ง
“พี่ชาย... หนูอัญไม่ได้ให้ท่าผู้ชายคนไหนนะคะ หนูอัญ...”
หล่อนร้องไห้ อยากจะบอกออกไปนักว่าที่หล่อนหยุดเท้าไม่ทันก็เพราะมัวแต่มองแผ่นหลังของเขานั่นแหละ แต่ก็รู้ดีว่าถ้าบอกออกไป คงถูกเอ็ดตะโรหนักกว่านี้
“ถ้าเธอไม่ได้ส่งสายตายั่วยวนผู้ชายพวกนั้น แล้วมันจะพร้อมใจจ้องมองเธอกันแบบนี้หรือ”
เขาเกลียด... เกลียดที่เห็นผู้ชายคนอื่นมองอัญชัน
“หนูอัญไม่รู้...”
หล่อนส่ายหน้าทั้งน้ำตา มองเขาอย่างวิงวอน
“งั้นหนูอัญ... กลับบ้านก็ได้ค่ะ”
เพราะน้อยใจ ทำให้หมุนตัวจะเดินหนี แต่แขนเรียวถูกคว้าเอาไว้
“กลับไม่ได้ ลืมไปแล้วหรือไงว่าเราต้องดูหนังด้วยกัน”
เขาเค้นเสียงดุกระด้างออกมา และกระชากหล่อนให้ถลาเข้ามาหยุดตรงหน้า หล่อนช้อนตาขึ้นมองเขา มองด้วยความน้อยใจ
“พี่ชายดูคนเดียวเถอะค่ะ หนูอัญ... อยากกลับบ้านแล้ว”
“อย่ามาสร้างปัญหา ยังไงก็ต้องดูด้วยกัน”
เขาเปลี่ยนจากการบีบต้นแขนมาเป็นกุมข้อมือเล็กเอาไว้แทน จากนั้นก็รั้งให้ออกเดิน
“พี่ชาย... ปล่อยมือหนูอัญเถอะค่ะ”
“ทำไม หรือกลัวว่าผู้ชายตามรายทางที่เธอจะอ่อยมันจะไม่ติดกับเพราะเห็นเธอมากับฉัน”
นี่เขาคิดแบบนี้ได้ยังไงกัน
หล่อนเม้มปากเป็นเส้นตรง เจ็บช้ำจนภายในหัวใจชอกช้ำร้าวราน
“หนูอัญไม่เคยคิดแบบนั้นนะคะ”
“แล้วทำไมฉันจะจับมือเธอไม่ได้”
พวงแก้มนวลซีดเผือดสลับแดงระเรื่อ นี่เขาจะรู้บ้างไหมนะว่าสัมผัสจากเขาทำให้หล่อนรู้สึกวาบหวามในหัวใจแค่ไหน แม้เขาจะปากร้าย ใจร้ายเหลือเกิน แต่ความภักดีที่หล่อนมีต่อเขาไม่เคยลดน้อยลงเลย มันเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยซ้ำ
“หนูอัญก็แค่... กลัวพี่ชายรำคาญ...”
หล่อนบอกเสียงอ่อย และก้มหน้าหลบสายตาคมกล้า
“ฉันยอมรำคาญนิดหน่อย ดีกว่าทนเห็นเธออ่อยผู้ชายไปทั่ว”
แล้วเขาก็กระชากหล่อนให้ก้าวขึ้นบันไดเลื่อน พอหล่อนขยับหนี ก็ตวัดมือรวบเอวคอดเอาไว้ และถึงเข้ามาหา
“พี่ชาย...”
หล่อนหน้าแดงก่ำ หัวใจไหวระทึก แต่เขากับนิ่งเฉย ไม่มีความรู้สึกใดๆ เลยบนใบหน้าหล่อลากดินของเขา
ก็คงมีแต่หล่อนคนเดียวสินะที่หวั่นไหวมากมายขนาดนี้...