วันเวลาเคลื่อนคล้อยลอยผ่านไป จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี จนกระทั่งวันนี้ วันที่หล่อนรอคอยได้เดินทางมาถึง วันที่จะได้มีโอกาสได้พบหน้า ได้สวมกอดพี่ชายที่ตัวเองแสนจะคิดถึงอีกครั้ง
อัญชัน เกิดลาภ ในวัยยี่สิบปีเต็มหมุนตัวอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ภายในห้องนอนของตัวเอง ดวงตากลมโตสวยราวกับดวงตาของตุ๊กตาแย้มยิ้มเต็มไปด้วยความพึงพอใจกับภาพของตัวเองที่สะท้อนออกมาจากกระจกเงา
หล่อนเฟ้นหาชุดที่จะใส่ไปรับเคียร์สที่สนามบินมาหลายวันเลยทีเดียว กว่าจะได้ชุดที่ตัวเองคิดว่าเหมาะ และมั่นใจว่าพี่ชายสุดที่รักจะชื่นชอบ
ชุดเดรสน่ารักสีชมพูหวานซึ่งเป็นสีโปรดของหล่อน แขนกุด คอลูกไม้ ด้านหลังเป็นโบว์ผูกเอาไว้น่ารักมาก กระโปรงสั้นเหนือเข่าขึ้นมาเล็กน้อย ชุดนี้เข้ารูปจนทำให้มองเห็นรูปร่างสลักเสลาของคนใส่ได้อย่างชัดเจน มันสวยมาก และหล่อนก็คิดว่าเคียร์สจะต้องชอบมากเช่นกัน
รอยยิ้มหวานระบายบนดวงหน้ารูปไข่สวยราวกับตุ๊กตา เส้นผมหยักศกม้วนงอเป็นลอนสลายอยู่เต็มแผ่นหลัง สีดำขลับของมันสะท้อนกับแสงแดดทำให้น่ามองยิ่งนัก
นี่มันกี่ปีแล้วนะที่เคียร์สไม่ได้เดินทางกลับมาเมืองไทย พี่ชายของหล่อนไปเรียนที่ประเทศอังกฤษ พักอาศัยอยู่กับญาติของคุณลุงแฮรี่ซึ่งเป็นบิดาแท้ๆ ของเขาเอง นับนิ้วแล้วก็หลายปีเลยทีเดียว ที่เขากับหล่อนไม่ได้เจอหน้ากัน
“พี่ชาย... หนูอัญรอพี่ชายมานานเหลือเกิน”
หล่อนยังคงระบายยิ้ม ก่อนที่จะเดินไปเปิดลิ้นชักหัวเตียง หยิบกล่องของขวัญเล็กๆ สีชมพูหวานออกมาถือเอาไว้ ของขวัญในนี้ หล่อนเตรียมเอาไว้ให้กับเคียร์ส พี่ชายที่หล่อนแสนรัก
“คุณหนูอัญคะ คุณท่านให้มาเชิญไปที่รถค่ะ”
เสียงเรียกของป้าสมใจดังขึ้นที่หน้าประตู หญิงสาวกระชับกล่องของขวัญในมือแน่น ก่อนจะรีบขานออกไป
“หนูอัญจะไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ”
หญิงสาวรีบเดินไปเปิดประตู ป้าสมใจยืนรออยู่ ก่อนจะทักด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
“วันนี้คุณหนูอัญแต่งตัวสวยจังเลยนะคะ”
แก้มนวลของสาวน้อยเป็นสีระเรื่อ ก่อนจะอ้อมแอ้มตอบออกไป
“หนูอัญอยากให้พี่ชายดีใจน่ะค่ะ”
ป้าสมใจเข้าใจความรู้สึกของอัญชันเป็นอย่างดี เพราะหล่อนเป็นคนเลี้ยงเด็กสาวคนนี้มาตั้งแต่เล็ก รู้ดีว่าในหัวใจของอัญชันไม่มีที่ว่างเอาไว้ให้ผู้ชายหน้าไหนเลย นอกจากเคียร์ส เบนด์เนอร์ เพียงคนเดียวเท่านั้น
“แต่ก็ไม่รู้ว่าพี่ชายจะชอบที่หนูอัญแต่งตัวแบบนี้หรือเปล่า”
สีหน้าของเด็กสาวเป็นกังวลขึ้นมา ป้าสมใจจึงต้องให้กำลังใจ
“ต้องชอบสิคะคุณหนูอัญ รู้ไหมว่าวันนี้คุณหนูอัญสวยมาก สวยหวานราวกับตุ๊กตาบาร์บี้เลยนะคะ”
“จริงเหรอคะป้าสมใจ”
“จริงสิคะ ป้าจะโกหกคุณหนูอัญทำไมล่ะ แล้วนี่แต่งหน้าด้วยใช่ไหมคะ”
เด็กสาวพยักหน้ารับน้อยๆ “ค่ะ หนูอัญกลัวว่าหน้าจะซีดเกินไป ก็เลยแต่งเสียหน่อย”
ป้าสมใจหัวเราะเบาๆ มองเด็กสาวตรงหน้าอย่างเอ็นดู “ปกติป้าเห็นไม่เคยแต่งหน้าเลย พอมาเห็นเข้าก็แปลกตาไปอีกแบบน่ะค่ะ”
“ป้าสมใจว่าพี่เคียร์สจะชอบไหมคะ”
“ชอบอยู่แล้วล่ะค่ะ” ป้าสมใจระบายยิ้ม คว้ามือชุ่มเหงื่อของอัญชันมากุมเอาไว้ “ในสายตาของคุณเคียร์ส คุณหนูอัญชันสวยเสมอนั่นแหละค่ะ”
หล่อนก็อยากคิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่ลางสังหรณ์บางอย่างร้องเตือนว่าทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิม
“แต่บางที... หนูอัญก็กลัว...”
“กลัวอะไรเหรอคะคุณหนูอัญ” ป้าสมใจมองอย่างสงสัย
อัญชันยิ้มบางๆ ดวงตาสวยราวกับตุ๊กตามีความหวาดกลัวอัดแน่นอยู่ในนั้น “กลัวว่าพี่เคียร์สจะเปลี่ยนไป”
“โธ่ คุณหนูอัญขา คุณเคียร์สไม่เปลี่ยนไปหรอกค่ะ คุณเคียร์สก็คือคุณเคียร์ส พี่ชายที่รักคุณหนูอัญสุดหัวใจ”
“แต่ปีหลังๆ มานี่พี่ชายไม่ยอมเดินทางกลับมาเมืองไทยเลยนะคะป้าสมใจ ไม่เหมือนช่วงปีแรกๆ ที่พี่ชายเดินทางไปอังกฤษ”
“คุณเคียร์สเธอเรียนหนักน่ะค่ะ แถมยังจะต้องเรียนรู้งานจากคุณฮัตสันพี่ชายของคุณท่านอีกน่ะค่ะ เธอก็เลยไม่มีเวลาว่างกลับมา ป้าจำได้ว่าคุณ เคียร์สเธอเคยบอกคุณหนูอัญแล้วนี่คะ”
ใช่ เคียร์สเคยบอกว่าที่ไม่ได้เดินทางกลับมาในช่วงปีหลังๆ เพราะว่าเรียนหนัก และยุ่งกับงานมาก ซึ่งหล่อนก็ควรจะเชื่อฟังคำพูดนั้นของพี่ชาย แต่มันเหมือนมีอะไรบางอย่างที่ทำให้หล่อนรู้สึกว่ามันไม่เหมือนเดิม
“หนูอัญคงคิดมากไปเอง”
“ทำใจให้สบายนะคะคุณหนูอัญของป้า อีกไม่ถึงชั่วโมงก็จะได้พบหน้าคุณเคียร์สแล้ว”
“ค่ะป้าสมใจ”
ป้าสมใจระบายยิ้ม พลางรั้งร่างอรชรของอัญชันให้เดินลงไปยังชั้นล่างที่มีดารินกับแฮรี่รออยู่
“ว้าว... วันนี้หนูอัญสวยที่สุดเลยลูก” แฮรี่อุทานชื่นชม ซึ่งดารินเองก็เช่นกัน
“ตาเคียร์สเห็นเข้าคงต้องตะลึงแน่ๆ เลย”
ดารินและแฮรี่ต่างดีกับหล่อนเหลือเกิน เลี้ยงหล่อนราวกับลูกแท้ๆ ทั้งที่เพียงแค่รับมาอุปการะเท่านั้น
“ขอบคุณคุณลุงคุณป้ามากค่ะ” อัญชันยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อม พวงแก้มนวลเป็นสีระเรื่อ
“ดีใจไหมลูก พี่เคียร์สจะกลับมาแล้ว” ดารินถามขึ้นขณะพากันเดินออกมายังลานจอดรถ
“ดีใจค่ะคุณป้า หนูอัญคิดถึงพี่เคียร์สจะแย่อยู่แล้ว”
“เดี๋ยวก็ได้เจอกันแล้วล่ะ หนูอัญ” แฮรี่พูดขึ้น
“ค่ะคุณลุง”
ทุกคนก้าวขึ้นรถกันไปหมดแล้ว เหลือแต่หล่อนที่กำลังจะก้าวตามขึ้นไป แต่แล้วก็ต้องชะงัก”
“ขอพวกเราไปด้วยคนค่ะ”
หล่อนหันไปมองตามต้นเสียง ก็เห็นว่าเป็นจารุวรรณและชัชชุอรวิ่งหน้าเลิ่กลั่กตามมา
จารุวรรณคือแม่เลี้ยงของหล่อน ในขณะที่ชัชชุอรคือน้องสาวต่างมารดาของหล่อน ซึ่งหล่อนกับชัชชุอรมีอายุต่างกันแค่ปีกว่าๆ เท่านั้น เพราะหลังจากแม่ของหล่อนตายไป ชัดชัยผู้เป็นพ่อก็พาเมียใหม่เข้ามาในบ้าน และตอนนั้นเมียใหม่ของพ่อก็กำลังตั้งท้องอ่อนๆ ด้วยเหตุนี้ไง ดารินที่เป็นเพื่อนรักกับมารดาของหล่อนจึงได้ยื่นมือมาขอหล่อนไปอุปการะ
“สวัสดีค่ะคุณน้า”
หล่อนจำใจต้องยกมือไหว้จารุวรรณ แต่จารุวรรณเชิดหน้าใส่ และเบียดหล่อนจนกระเด็นพ้นทาง จากนั้นก็พาชัชชุอรขึ้นไปนั่งบนรถตู้
“สวัสดีค่ะคุณพี่ทั้งสอง”
“สวัสดีคุณวรรณ”
แฮรี่กล่าวทักทายกลับ แต่ดารินเมินหน้าหนีเพราะเกลียดสองแม่ลูกนี่จับหัวใจ
จารุวรรณไม่สนใจท่าทางของดาริน หล่อนรีบสาธยายต่อ “สวัสดีคุณลุงคุณป้าเสียสิยายอร”
“สวัสดีค่ะคุณลุงคุณป้า”
แฮรี่รับไหว้ แต่ดารินรับไหว้อย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะรีบตะโกนเรียกอัญชันให้รีบขึ้นมาบนรถ
“หนูอัญขึ้นมาสิจ๊ะ เดี๋ยวไปรับพี่เคียร์สไม่ทันนะ”
“ที่เต็มแล้วมั้งคะคุณพี่ดาริน ให้นัง... เอ่อ หนูอัญเฝ้าบ้านก็ได้มั้งคะ เพราะยังไงซะคุณเคียร์สก็ต้องกลับมาบ้านอยู่ดี เจอกันตอนนั้นก็ยังไม่สายหรอก”
คำพูดของจารุวรรณทำให้อัญชันหน้าซีดเผือด และก็ทำให้ดารินหน้าบูด
“ถ้าคุณวรรณกับหนูอรไม่มา รถก็คงไม่แน่นน่าอึดอัดแบบนี้มั้งคะ”
“นี่คุณพี่ดารินว่าน้องกับลูกอรทำรถตู้เต็มอย่างนั้นเหรอคะ”
จารุวรรณหันไปทำหน้ายักษ์ใส่ แต่ดารินไม่สนใจกำลังจะโต้แย้งกลับไป แต่แฮรี่ผู้ไม่อยากมีเรื่องราวอะไรจึงพูดตัดบทขึ้น
“แบ่งๆ กันนั่งเถอะ”
จารุวรรณหันไปมองหน้าชัชชุอรอย่างผิดแผน ก่อนจะขยับตัวเลื่อนไปข้างในเพื่อให้อัญชันขึ้นมานั่งด้วย
อัญชันก้าวขึ้นมานั่งข้างๆ จารุวรรณ และพยายามนั่งให้เงียบงันที่สุด เพราะรู้ดีว่าจารุวรรณกับชัชชุอรมีความประสงค์อะไรซ่อนอยู่ เพราะหลายครั้งที่หล่อนถูกชัชชุอรหาเรื่องที่มหาวิทยาลัยเรื่องเคียร์ส
“แต่งตัวเสียสวยเชียวนะหนูอัญ คงคิดว่าคุณเคียร์สจะชอบสินะ”
“เอ่อ...”
“นี่คุณแม่ไม่รู้อะไรเหรอคะว่าพี่อัญน่ะคิดจะจับพี่เคียร์สมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว” ชัชชุอรพูดออกมาแล้วก็หัวเราะร่วน “แต่พี่เคียร์สคงรู้ทัน เลยรีบหนีไปเรียนต่อเสียก่อน”
อัญชันนั่งบีบมือตัวเองน้ำตาซึม ดารินสงสารอัญชันที่ถูกแม่เลี้ยงกับน้องสาวต่างแม่ด่าทอจึงห้ามปากไม่ได้
“คงไม่ต้องถึงขนาดจับหรอกมั้งคะ เพราะยังไงซะฉันก็คิดจะจับให้พ่อเคียร์สแต่งงานกับหนูอัญอยู่แล้ว”
“อะไรกันคะคุณพี่”
จารุวรรณหันมาถามเสียงดังลั่นรถ
“นี่คุณพี่คิดจะใช้วิธีคลุมถุงชนกับลูกชายตัวเองเหรอคะ”
“ใช่แล้วจะทำไมล่ะคุณวรรณ”
“ไม่ทำไมหรอกค่ะ แต่ยุคสมัยนี้มันน่าจะปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ได้แล้วนะคะ อย่าบีบบังคับเรื่องนี้กันเลย เพราะความรักมันบังคับใจกันไม่ได้ ฝืนไปก็มีแต่จะทุกข์เสียเปล่าๆ จริงไหมลูกอร”
“จริงค่ะคุณแม่ พี่เคียร์สน่ะคงไม่ชอบผู้หญิงหน้าตาจืดชืดอย่างพี่อัญหรอก...”
ชัชชุอรยังพูดไม่ทันจบ ดารินที่เต็มไปด้วยความหมั่นไส้สองแม่ลูกจึงแทรกขึ้นเสียก่อน “แล้วหนูอรคิดว่าพ่อเคียร์สชอบผู้หญิงแบบไหนล่ะ”
“ก็แบบหนูไงคะคุณป้าดาริน”
ดารินเบ้หน้า ก่อนจะพูดอย่างรังเกียจ
“ตายจริง นี่ขนาดป้าเป็นแม่ยังไม่รู้เลยนะว่าลูกชายของป้าจะมีรสนิยมเรื่องผู้หญิงต่ำตมขนาดนี้”
ชัชชุอรหน้าชาดิก ตวาดกลับไปอย่างไม่สบอารมณ์ “นี่คุณป้า... คุณป้าหลอกด่าอรเหรอคะ”
“เปล่านี้ ป้าไม่ได้ด่าไม่ได้ว่าหนูอรเลยนะ จริงๆ” ดารินพูดไปหัวเราะไปอย่างสะใจ
ชัชชุอรจะอาละวาดตามนิสัย แต่จารุวรรณกระซิบห้ามเอาไว้
“ใจเย็นๆ เดี๋ยวผิดแผนหมด ยายอร”
“แต่คุณป้าด่าอรนี่คะ”
“เอาน่า อดทนไว้ เพื่อชัยชนะข้างหน้า”
ชัชชุอรจำต้องสงบปากสงบคำลงทั้งๆ ที่แสนจะเกรี้ยวกราด ซึ่งนั่นก็ทำให้ความเกลียดที่มีต่ออัญชันเพิ่มพูนมากยิ่งขึ้น
อัญชันได้แต่นั่งก้มหน้า ไม่พูดไม่จาอะไร เพราะรู้ดีว่าศัตรูที่นั่งอยู่เคียงข้างกำลังจะหาวิธีเล่นงาน