ย้อนไปเมื่อเดือนที่แล้ว
ฉันได้รับโทรศัพท์ให้ไปรับสแตนดี้ ฉันเดินทางกลับบ้านโดยมือทั้งสองข้างอุ้มสแตนดี้ตัวใหญ่ เดินไปตามซอยเรื่อย มันเป็นสิ่งที่รู้สึกดีมากกับการตัดสินใจสั่งทำในสิ่งที่ตนเองชอบ เงินที่นำมาใช้จ่ายส่วนนี้มาจากเงินเก็บของฉันทั้งหมด เป็นเงินส่วนตัวที่สะสมไว้ใช้ในสิ่งที่ตนเองอยากได้ ทว่า เหมือนฟ้ากำลังแกล้งฉัน จู่ๆ ก็มีผู้ชายสองคนท่าทางเอาเรื่องพอสมควรวิ่งมาชนฉันจนทำให้สแตนดี้หัก ส่วนฉันล้มลงบนพื้นเจ็บแสบเพราะแผลที่ได้ แต่เขากลับไม่หันมาขอโทษ ไม่สนใจใยดีสักนิด ด้วยความโมโหฉันตัดสินใจวิ่งตามไป
“พวกหมาหมู่” พอวิ่งมาถึงกับหยุดชะงักหลบอยู่ข้างตนไม้ต้นใหญ่
ตุ๊บ ผลัวะ
ผู้ชายสองคนที่กำลังรุมกระทืบผู้ชายแค่คนเดียว ซึ่งจะเป็นใครไม่ได้นอกจากผู้ชายสองคนนั้นที่ทำสแตนดี้ฉันพัง ที่แท้ก็เป็นพวกอันธพาลยกพวกตีกันนี่เอง
ไม่รอช้ามือล้วงหามือถือแต่กลับไม่ได้ติดมา ด้วยความจะโทรแจ้งตำรวจก็ไม่มีมือถือแถมแถวนี้ก็ไม่มีคนผ่านมาเลยสักคน แต่สายตากลับเหลือบไปเห็นท่อนเหล็กอันหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจหยิบมันขึ้นมา
เกลียดที่สุดพวกหมาหมู่
แต่ขณะนั้นฉันก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อผู้ชายที่ถูกรุมกำลังจะถูกแทงด้วยมีด ฉึก ผลัวะ ผลัวะ เคร้ง ฉันฟาดเข้าที่ด้านหลังของผู้ชายสองคนก่อนจะวิ่งไปพยุงผู้ชายคนนั้นวิ่งหนี
“นายไหวมั้ย” แผลที่ถูกมีดแทงยังคงมีเลือดไหลไม่หยุด
“พอไหว เธอป็นใคร”
“เป็นคนดี กดไหวก่อน” ผ้าเช็ดหน้าที่ฉันซื้อมาจากตลาดเคป๊อปที่ผูกติดมากับคอถูกใช้ปิดที่แผลเพื่อห้ามเลือด ว่าแต่ทำไมฉันต้องช่วยเขาด้วยเนี่ย ถามว่ารู้จักไหม ก็ไม่ แต่เห็นว่าถูกรุมขนาดนี้มันก็ต้องช่วยคนที่เป็นฝ่ายเสียเปรียบ
“เธอไม่กลัวฉันเหรอ”
“จริงๆก็กลัว แต่ใกล้ตายอย่างนายคงลุกมาทำอะไรฉันไม่ได้” สแตนดี้ก็หักแถมยังมาวิ่งหนีใครก็ไม่รู้
“เธอจะทำอะไร” ฉันล้วงกางเกงของเขาก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แต่ต้องชะงักเมื่อมีมือหนามาแย่ง
“เอามานี่นะ นายอยากตายอยู่ที่นี่หรือไง สองคนนั้นจะตามมาตอนไหนก็ไม่รู้”
“ไม่ต้อง เดี๋ยวก็มีคนมาช่วย”
“ตามหามันให้ทั่ว เอาหัวมันไปให้หัวหน้าให้ได้” ยกมือปิดปากตัวเองก่อนจะมองผู้ชายข้างกาย ต้องเอาหัวกันเลยเหรอเนี่ย
“นายคงไม่ได้เป็นมาเฟียหรอกใช่มั้ย” คนข้าง ๆ เงียบไม่พูดอะไร ก่อนที่หัวจะล้มลงที่ไหล่ฉัน
“นี่ นายอย่าพึ่งตายนะ ถ้าสองคนนั้นมาเจอฉัน ถ้าพวกนั้นฆ่าฉันล่ะ ฉันก็ไม่ได้เจอไอดอลในดวงใจอีกนะสิ แล้วบัตรคอนเสิร์ตที่ฉันกดได้วันนี้ล่ะ ฉันก็เสียเงินฟรีเพราะไม่ได้ไป
“ถ้าเธอไม่หยุดพูดเธอได้ตาสมจริงแน่ ยัยติ่งเพี้ยน”
พรึบ!! ฉันยกมือขึ้นเหนือศีรษะเมื่อมีผู้ชายชุดดำห้าคนยืนถือปืนอยู่ตรงหน้า “นายน้อย” เสียงดังขึ้นก่อนที่ร่างสูงจะถูกพยุงด้วยชายชุดดำ ส่วนฉันก็ยังนั่งจ้องปืนที่จ่อมาที่ฉันด้วยเนื้อตัวสั่นไปหมด
“เธอช่วยชีวิตฉัน แคก แคก”
ปัจจุบัน
หลังจากนั้นฉันก็ใช้ชีวิตปกติ ปกติที่ไหนล่ะ นอนเป็นไข้ตั้งสามวัน ฉันคงหมดเว้นหมดกรรมจากเขาแต่ แต่ไม่ ฉันกลับเจอเขาวันนี้อีกครั้ง
“เย็นนี้ฉันเลี้ยงข้าวเป็นการตอบแทน”
“ไม่ต้อง” เข้าใจไหมว่าอยากใช้ชีวิตแบบสงบสุข อยู่ใกล้นายเจเคอันตรายจะตาย
“นี่ ยัยติ่ง”
“ฉันชื่อแมวน้ำ แล้วอย่า..” ต้องกลืนคำพูดยามมือหนาของใครคนหนึ่งกุมมือฉันในขณะที่ฉันกำลังชี้หน้าด่านายเจเค
“วันนี้ต้องทำรายงานไม่ใช่เหรอ” พี่หมอคินที์ที่โผล่มาอยู่ตรงนี้ตอนไหนไม่รู้ แต่กลับจ้องฉันด้วยสายตาเย็นชาแถมรอยยิ้มนั้นมันแปลกด้วย
“เอ่อ..” ใบ้กินตามเคย วันนี้ฉันมีรายงานต้องทำงั้นเหรอ แล้ว…
“มาสิ เดี๋ยวเล่าประวัติฮิลฟาราให้ฟัง”
“ชะ ใช่ วันนี้ฉันต้องทำรายงาน เราคงไม่ต้องเจอกันอีกนะ ” พูดจบฉันก็ดึงมือหนาให้เดินตามก่อนจะมาหยุดอยู่ที่รถของลูกปลา ทว่าสายตายังคงสอดส่องหานายเจเค
“แฟนสินะ มองไม่หยุด”
“ไม่ใช่แฟนค่ะ มาเฟียอย่างนายเจเค อยู่ใกล้ก็ขนลุกแล้ว ถ้าจะเป็นแฟนคงไม่มีทาง” อีกอย่างฉันชอบผู้ชายอบอุ่น พูดแล้วเขินชะมัด ฉันปล่อยมือหนาที่ถูกจับด้วยมือฉัน
“ว่าแต่ที่พูดมาเมื่อกี้พี่หมอพูดจริงใช่มั้ยคะ” ร่างสูงเลิกคิ้วก่อนจะเผยยิ้มออกมา รอยยิ้มนั้นทำให้ฉันใจเต้นอีกแล้ว
“คุณหมอสุดหล่อ” เสียงอีทิวดังขึ้นก่อนที่นางจะหันมาส่งสายตาล้อเลียนฉัน
“ว่าแต่พี่โยไม่ได้มาด้วยเหรอคะ”
“ติดเข้าเวร น่าจะกลับดึก” ลูกปลาพยักหน้าก่อนจะทำหน้าร้ายๆแบบฉบับมัน แล้วไอ้หน้าแบบนี้ก็ไม่พ้นแผนชั่วๆของมัน
“ลืมไปเลยว่ามีธุระต้องไปทำ ฉันคงไปส่งแกไม่ได้แล้วอะแมวน้ำ” ว่าแล้วเชียว
“เฮ้อ แย่จัง ฉันก็ดันมีนัดกับแฟนด้วยสิ” อีทิว ฉันรู้ว่าแกไม่มีแฟน
“งั้นฉันกลับรถเมล์ก็ได้”
“ไม่ได้ ถ้าแกถูกนายเจเคนั่นฉุดล่ะทำไง” ฉันทำหน้าเหวอทันที นายนั่นจะฉุดฉันทำไม
“เดี๋ยวแมวน้ำกลับกับพี่ บ้านเราก็อยู่ตรงข้ามกัน” ฉันหันไปมองร่างสูงข้างๆที่มีสีหน้าเรียบนิ่ง
“งั้นดีเลย งั้นลูกปลาฝากแมวน้ำด้วยนะคะ” พูดจบพวกมันสองคนก็เดินขึ้นรถทันที ปล่อยให้ฉันยืนอยู่กับพี่หมอคินทร์สองคน เฮ้ ทิ้งกันแบบนี้เลยเหรอ
20:00 น.
“ขนมค่ะ” ป้าแม่บ้านวางขนมตรงหน้า
“ขอบคุณค่ะ” มือเอื้อมไปหยิบโนตบุ๊คมาเปิดเพลงเคลอเบาๆ เพื่อรอเจ้าของบ้าน
พูดแล้วดีใจที่สุดที่พี่คินทร์ยอมช่วย ฉันจะไม่ต้องกิน F แล้วใช่ไหม
“พี่โย เลิกเวรแล้วเหรอคะ” พี่โยกับพี่คินทร์อยู่บ้านเดียวกันเพราะทั้งสองเป็นคนฮิลฟารา แต่พี่โยไม่ใช่ลูกครึ่งเพราะฉะนั้นพี่โยจะหน้าตาไปทางคนยุโรปเสียมากกว่า
“ครับ แล้วเรามาทำรายงานสินะ”
“ค่ะ” ฉันวิ่งไปจูงมือพี่โยมานั่ง เป็นจังหวะที่พี่คินทร์เดินลงมา พี่โยสะดุ้งตกใจก่อนจะดึงมืออกจากการเกาะกุมของฉัน
“เอ่อ พี่ขึ้นไปอาบน้ำก่อนดีกว่า” ฉันพยักหน้าแบบงุนงงมองพี่โยขึ้นไปบนห้อง โถ่ แค่อยากจะถามสเปกสาวพี่โยแค่นั้นเอง เผื่อเพื่อนรักอย่างลูกปลามีโอกาสได้พี่โยเป็นแฟน
“งั้นเรามาเริ่มกันเลยดีกว่า เริ่มจากประวัติฮิลฟารานะ” พี่คินทร์เดินมานั่งบนโซฟา ส่วนฉันนั่งอยู่กับพื้นเพื่อพิมพ์รายงาน
“อิลฟาราเป็นราชอาณาจักรปกครองด้วยกษัตริย์ที่ชื่อริชาร์ท เมื่อสิบห้าปีที่แล้วเกิดสงครามภายในราชวงศ์จึงทำให้ต้องปิดราชอาณาจักรคนในห้ามออกคนนอกห้ามเข้า” ฉันกดพิมพ์อย่างมุ่งมั่น ไม่ใช่อะไรหรอกจากกลับไปนอนอ่านนิยายจะแย่อยู่แล้ว
“หลังจากจับกบฏได้สงครามภายในราชวงศ์ก็กลับมาสงบอีกครั้ง”
“ฮิลฟารามีภูมิประเทศแบบไหนเหรอคะ”
“มีร้อนมีหนาวมีฝน มีการทำเกษตรของชาวบ้าน”
“เล่าเรื่องเจ้าชายวัลดัสให้ฟังได้ไหมคะ ย่าเคยบอกว่าไม่เคยมีใครเห็นเจ้าชายเลย แบบนี้พี่คินทร์จะรู้หรือเปล่าว่าเจ้าชายมีรูปร่างหน้าตายังไง”
“อืม เจ้าชายมีใบหน้าคล้ายพระมารดาที่เป็นชาวเอเชียเป็นส่วนมาก ส่วนเรื่องนิสัยใจคอรอไว้แมวน้ำศึกษาเองก็แล้วกัน” ฉันขมวดคิ้วทันที
“แมวน้ำจะรู้ได้ไง แมวน้ำไม่ได้อยู่กับเจ้าชายเสียหน่อย”
“วัฒนธรรมของฮิลฟาราจะแตกต่างกับไทยมาก ผู้ชายจะต้องมีภรรยาแค่คนเดียว ถ้ามีผู้หญิงอื่นที่ไม่ใช่ภรรยาของตัวเองจะถูกตัดสินโดยการประหาร” น่ากลัวจัง
“ส่วนผู้หญิงถ้านอกใจสามีตนเองก็จะถูกทำเช่นเดียวกัน” โชคดีที่ฉันเกิดเป็นคนไทย ทำไงได้ตอนนี้มีสามีเป็นร้อยค่ะ เป็นคนที่อยู่หลายด้อม ด้อมไหนถูกใจก็จะวิ่งไปอยู่ด้อมนั้น แบบนี้เรียกว่าหลายใจมั้ยนะ
“แล้วพี่คินทร์ล่ะ ไม่มีผู้หญิงที่ถูกใจเลยเหรอคะ สาว ๆ ที่ฮิลฟาราคงจะสวยน่าดู” ร่างสูงเงียบก่อนจะจ้องหน้าฉัน
“สวยแต่ก็เทียบไม่ได้กับสาวไทย พูดเก่งแถมเพี้ยนอีก” รู้สึกเหมือนพี่คินทร์กำลังพูดว่าฉันเพี้ยนยังไงไม่รู้
“แล้วมันดีกว่ายังไงล่ะ”
“ชาวฮิลฟาราจะทักทายกันด้วยการจูบ แต่ถ้าเป็นราชวงศ์จะทักทายกันแค่กับคนรักของตัวเองเท่านั้น” แปลว่าผู้หญิงที่เป็นชาวฮิลฟาราต้องจูบทักทายกันสินะ ต่างจากคนไทยที่ทำเพียงยกมือไหว้ แบบนี้พี่คินทร์ก็ต้องจูบกับผู้หญิงฮิลฟราเยอะอะดิ แล้วฉันจะคิดมากทำไมเนี่ย
“แต่ถ้าเป็นเชื้อสายราชวงค์ถ้าจูบกับหญิงสาวคนใดแล้ว จะต้องมั่นใจว่าหญิงสาวคนนั้นคือคนที่จะอยู่ข้างกายตลอดชีวิต” โชคดีที่พี่คินทร์ไม่ใช่เชื้อพระวงศ์ ไม่งั้นแมวน้ำแกอาจได้คอขาดที่บังอาจไปจูบเจ้าชาย
“แล้วเรื่องที่เจ้าชายไม่ออกมาพบปะประชาชน มันคือเรื่องจริงหรือเปล่าคะ”
“เพราะเจ้าชายต้องมีพระฉายาข้างกายถึงจะออกมาพบปะชาวฮิลฟาราได้ มันเป็นสิ่งที่เชื้อสายราชวงศ์ต้องทำ” ฉันพยักหน้าเก็บโนตบุ๊คหลังที่ได้ข้อมูลหลากหลาย มันทำให้ฉันได้รู้จักฮิลฟารามากขึ้น
“วันนี้ได้ข้อมูลไปเยอะเลย ขอบคุณพี่คินทร์มากนะคะ”
“พี่ยินดีครับ” ฉันละสายตาจากพี่คินทร์ก่อนที่ใจจะเต้นแรงไปมากกว่านี้ เฮ้อ คนหล่อมันมีดาเมจรุนแรงแบบนี้นี่เอง
“ถ้าไม่ได้พี่คินทร์ป่านนี้แมวน้ำคงได้นั่งกิน F แน่ ๆ ”
“น่ารักขนาดนี้พี่ไม่ปล่อยให้ติด F หรอกครับ”
มือหนายื่นมายีผมฉันจนยุ่งไปหมด รอยยิ้มจาง ๆ ของพี่คินทร์มันทำให้ฉันเผลอยิ้มตามทันที จะว่าไปเวลาอยู่ใกล้พี่คินทร์ก็รู้สึกแปลกเหมือนกันนะ ไม่รู้สิ มันรู้สึกเหมือนฉันกับพี่คินทร์อยูกันคนละโลกเลย
“ไม่คิดว่าพี่หมอคินทร์หนุ่มหล่อคณะแพทย์จะปากหวานแบบนี้ ไม่น่าละสาวสวยถึงต่อได้แถวกันอยากทำความรู้จัก”
“พี่ไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองปากหวาน แต่พี่ว่าแมวน้ำปากหวานกว่านะ” ทำไมรู้สึกว่ามันหวานคนละอย่าง
“ขะ.. ขนมอร่อยจัง พี่คินทร์ลองชิมดูสิคะ” ฉันชะงักค้างกลางอากาสเมื่อร่างสูงโน้มหน้าเข้ามากดทาบริมฝีปากฉันก่อนจะเลียครีมที่ติดอยู่ที่มุมปาก
“อืม อร่อยแถมหวานจริง ๆ ด้วย” เคร้ง!! ฉันวางช้อนลงก่อนจะเก็บโน้ตบุ๊คด้วยอาการทำอะไรไม่ถูก
“แมวน้ำบ้านกลับ ไม่ใช่ แมวน้ำกลับบ้านก่อนนะคะ” พูดจบฉันก็วิ่งกลับบ้านทันที ได้ยินแต่เสียงหัวเราะดังตามหลังมา
ปัง!!! ยกมือทาบอกตัวเองพร้อมกับเม้มปากแน่น “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับฉัน”
ไม่ได้การแล้ว ถ้าฉันยังใจเต้นแรงกับพี่หมอคินทร์อยู่แบบนี้ สักวันฉันต้องตกหลุมรักเขาแน่นอน ไม่ ถ้าแกชอบเขาแกก็ต้องเจ็บเพาะพี่หมอหล่อมาก เดี๋ยวนะ หล่อแล้วเกี่ยวอะไรกับเจ็บ ตอนนี้ร่างนางฟ้าแมวน้ำกับร่างนางมารแมวน้ำกำลังต่อเถียงกันไม่หยุด
“โอ้ย หยุดเลยนะ แกเป็นอะไรเนี่ย ใช่ แกต้องไปปั่นวิวให้ไอดอลในดวงใจ” ลืม ลืมในสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ซะแมวน้ำ