1 เจ้าสาวที่ไม่ได้เลือก
วันวิวาห์ควรเป็นวันที่เจ้าสาวมีความสุข เธอควรยิ้มหวานสดใส ใบหน้าควรอิ่มเอิบ แววตาควรเปล่งประกายยินดี ทว่าสำหรับไข่มุกแล้ว วันวิวาห์ในวันนี้เป็นวันที่แสนขมขื่น ใบหน้าของเธอจึงหม่นเศร้า ในใจมีแต่ความรู้สึกผิด หวาดหวั่นและขลาดกลัว เพราะเธอเป็นเจ้าสาวที่เจ้าบ่าวไม่ได้เลือก เธอเป็นเจ้าสาวที่เขาจำใจแต่งงานด้วยเพราะความผิดพลาดเพียงชั่วข้ามคืน
จริง ๆ แล้ว เจ้าสาวในวันนี้ควรเป็นมรกต...พี่สาววัย 24 ปีของเธอ แต่เพราะเหตุการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องต้องกันว่าต้องเปลี่ยนตัวเจ้าสาวเป็นเธอ ในขณะที่เจ้าบ่าวยังคงเป็นภากร...พี่ชายข้างบ้านที่อายุมากกว่าเธอแปดปีคนเดิม แม้ไม่เต็มใจแต่ง แต่เขาก็ยอมแต่งกับเธอเพราะพ่อกับแม่ของเขาบีบบังคับให้เขารับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
งานแต่งงานในวันนี้ถูกจัดเตรียมไว้อย่างดี ถึงจะเป็นงานเล็ก ๆ ที่จัดขึ้นภายในบริเวณบ้านเจ้าสาว แต่ก็มีการเชิญแขกคนสำคัญและญาติสนิทของทั้งสองฝ่ายมาร่วมด้วย รวมถึงเพื่อนเจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าสาว...ซึ่งเป็นเพื่อนของพี่สาวของเธอ เพราะเธอไม่ได้เตรียมตัวว่าจะต้องเข้าพิธีแต่งงาน งานนี้จึงไม่มีเพื่อนของเธอสักคน
ไข่มุกเป็นเจ้าสาววัย 18 ปีที่เพิ่งเรียนจบมัธยมปลาย และเธอกำลังจะเข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัยที่เธอสอบคัดเลือกผ่านในเดือนหน้า เธอไม่ได้ตั้งรับการเปลี่ยนแปลงสถานะในครั้งนี้มาก่อน แต่เธอคิดว่าการทำแบบนี้ดีที่สุดสำหรับทุกคนแล้ว
ไข่มุกสวมชุดเจ้าสาวที่สั่งตัดมาเพื่อพี่สาวของเธอได้พอดี ทั้งชุดไทยประยุกต์ และชุดสำหรับงานเลี้ยงหลังเสร็จพิธี เพราะสัดส่วนของเธอกับพี่ใกล้เคียงกัน แต่ขนาดเท้าของเธอใหญ่กว่าพี่สาวหนึ่งเบอร์ เธอจึงสวมรองเท้าผ้าใบสีขาวแทนรองเท้าส้นสูงของพี่สาว ที่จริงไม่ว่าเธอจะสวมชุดอะไร หรือใส่รองเท้าคู่ไหนก็คงไม่สำคัญ เพราะเจ้าบ่าวไม่ได้สนใจที่จะมองเธอสักนิด
เมื่อพิธีตามประเพณีเสร็จสิ้นลง ไข่มุกจึงเปลี่ยนเป็นชุดเจ้าสาวเกาะอกสีขาวพองฟู เธอต้องเดินเคียงคู่กับเจ้าบ่าวซึ่งสวมชุดสูทสีดำผูกหูกระต่าย ทั้งสองเดินขอบคุณแขกที่มาร่วมงาน ซึ่งเจ้าบ่าวเดินนำหน้าเธอตลอดเวลา เดินไม่รอเธอ เขาไม่แม้จะเหลียวหลังมามองเจ้าสาวที่เดินตามหลังเลยด้วยซ้ำ เหมือนเขาทำทุกอย่างเพื่อให้มันผ่านพ้นและจบ ๆ ไป
สายตาเคลือบแคลงสงสัยของแขกที่มาร่วมงาน ทำให้ไข่มุกเอาแต่ก้มหน้าเดินตามเขาไปเรื่อย ๆ เมื่อเดินขอบคุณครบทุกโต๊ะแล้ว เจ้าบ่าวก็แยกไปนั่งดื่มกับเพื่อนของเขา ปล่อยให้เจ้าสาวยืนเก้กังไม่รู้จะไปทางไหนดี
“มุก...มานี่ มากับพี่ พี่จะแนะนำให้รู้จักญาติ ๆ ที่มาจากเมืองกาญจน์” ภริดา...พี่สาวของเจ้าบ่าวเดินมาจับมือน้องสะใภ้แล้วพาไปนั่งโต๊ะที่มีญาติ ๆ นั่งอยู่หลายคน
พอไข่มุกนั่งลงที่เก้าอี้ ภริดาก็ช่วยจัดกระโปรงไม่ให้เกะกะ หญิงสาวนั่งลงที่เก้าอี้ว่างข้างน้องสะใภ้ แล้วแนะนำให้ญาติฝ่ายแม่รู้จักกับไข่มุก ปิดท้ายด้วยการชื่นชมน้องสะใภ้ให้ญาติ ๆ ฟัง
“น้องมุกเป็นเด็กดี เรียบร้อย และน่ารักมากค่ะ เวลาแม่ไม่อยู่บ้าน ไม่มีคนทำกับข้าวให้กิน ดาก็ได้น้องมุกนี่แหละส่งข้าวส่งน้ำให้กินกันตาย”
ภริดาเป็นสาวสวยวัย 28 ปี และเธอหวงความโสดในตอนนี้มาก หญิงสาวเป็นเจ้าของร้านอาหารกึ่งผับ และมีกิจการอีกหลายอย่างที่ลงทุนทำกับเพื่อน เธอรักและเอ็นดูไข่มุกมาก รักเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง เพราะบ้านอยู่เคียงกัน เธอเห็นน้องมาตั้งแต่เล็ก และรู้ว่าลูกสาวสองคนของบ้านนี้ใครนิสัยเป็นอย่างไรบ้าง พอเปลี่ยนตัวน้องสะใภ้จากคนพี่เป็นคนน้อง เธอจึงยินดีมาก ๆ
“อย่าทำตัวเป็นพี่ผัวใจร้าย ใช้งานน้องสะใภ้จนน้องปีนรั้วหนีกลับบ้านล่ะ”
“คุณป้า ! ดาไม่ได้เป็นคนแบบนั้นสักหน่อย” ภริดามองค้อนคุณป้าซึ่งพี่สาวของแม่ ท่านเดินทางมาจากกาญจนบุรี เพื่อมาร่วมงานแต่งงานหลานชายกับหลานสะใภ้ที่เป็นละคนกับที่ระบุไว้ในการ์ดเชิญ
แม่แก้วไม่ได้บอกเล่าสาเหตุที่ต้องเปลี่ยนตัวเจ้าสาวกะทันหันให้ญาติ ๆ ฟัง แต่ภริดาซึ่งสนิทกับคุณป้า ได้แอบบอกถึงสาเหตุที่ต้องเปลี่ยนตัวเจ้าสาวแล้ว แม้จะแอบขัดใจกับเรื่องราววุ่นวายที่ไม่ควรเกิดขึ้น แต่พอได้เห็นหน้าและแววตาของไข่มุกแล้ว คุณป้ากลับรู้สึกถูกชะตาและเอ็นดู จนอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปกุมมือของไข่มุก พอหญิงสาวหันมามองสบตา คุณป้าก็ยิ้มให้กำลังใจ
“ขอให้หนูมุกมีความสุขมาก ๆ นะจ๊ะ”
“ขอบคุณมากค่ะ คุณป้า”
“ว่าง ๆ ก็ให้เจ้ากรพาไปเที่ยวที่บ้านป้านะ”
พอเอ่ยถึงเจ้าบ่าวของเธอ ไข่มุกก็ยิ้มเจื่อน แต่พอเห็นรอยยิ้มอ่อนโยน และสายตาอบอุ่นของคุณป้าและญาติคนอื่น หญิงสาวจึงยิ้มสดใส และพยักหน้า
“ค่ะ คุณป้า”
แม้เจ้าบ่าวของเธอจะไม่เต็มใจรับเธอเป็นภรรยา แต่ไข่มุกก็ใจชื้นขึ้นมาบ้างที่ญาติของเขาใจดีกับเธอ ทั้งพ่อกับแม่ และพี่สาวของเขาก็ยินดีรับเธอเข้ามาเป็นครอบครัวเดียวกัน
ไข่มุกนั่งพูดคุยกับญาติของเจ้าบ่าวครู่หนึ่ง แม่บุษราก็มาขอตัวเธอเข้าไปพูดคุยกันในบ้าน
แม่บุษราจับมือลูกสาว พาเข้าไปในห้องนั่งเล่นของบ้าน ในห้องมีพ่อแม่ของเจ้าบ่าว และเจ้าบ่าวนั่งรออยู่ก่อนแล้ว พ่อกวีและมรกตก็อยู่ในห้องด้วย
“มุกมานั่งตรงนี้กับแม่” แม่บุษราบอกพลางจับมือลูกสาวคนเล็กไปนั่งที่โซฟาตัวเดียวกับท่าน เธอกับแม่นั่งลงยังไม่ทันดีเลย เจ้าบ่าวของเธอก็โพล่งออกมาว่า
“ผมจะไม่จดทะเบียนสมรสกับมุกเด็ดขาด เวลาเลิกกันจะได้ไม่มีปัญหา ไม่ต้องเสียเวลาไปหย่า”