ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายมองหน้ากันอย่างหนักใจ
“แต่งงานกันแล้ว ก็ควรจดจะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมาย” แม่แก้วอยากจะต่อว่าลูกชายที่พูดจาไม่ดีในวันแต่งงาน แต่เพราะเกรงใจฝ่ายเจ้าสาว ท่านจึงพยายามพูดกับลูกชายดี ๆ
“จะจดทำไมครับ ยังไงผมกับมุกก็ต้องเลิกกันอยู่ดี”
“เจ้ากร !” พ่อภวัตเรียกลูกชายเสียงดังด้วยความโมโห ท่านจ้องหน้าลูกชายด้วยสายตาดุไม่พอใจ
“ไม่จดก็ได้ค่ะ มุกไม่มีปัญหาอะไร เวลาติดต่อราชการหรือทำธุรกรรมจะได้ไม่ยุ่งยากต้องแนบเอกสารใบทะเบียนสมรสเพิ่ม”
“งั้นก็ตามนี้ ไม่จดทะเบียนสมรส ทุกคนมีเรื่องจะคุยกับผมแค่นี้ใช่ไหมครับ ผมขอตัวออกไปดื่มกับเพื่อน ๆ ต่อนะครับ”
ร่างสูงของเจ้าบ่าวเดินออกจากห้องไปโดยไม่เหลียวหลัง เขาไม่สนใจสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหนักใจของผู้ใหญ่ทั้งสี่คน ส่วนเจ้าสาวนั้นพยายามฝืนยิ้มให้ทุกคน สองมือที่ประสานอยู่บนตักบีบแน่น
“เอาไว้มุกเรียนจบแล้ว แม่จะบอกให้พี่เขาพาหนูไปจดทะเบียนสมรสนะ” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใยของแม่แก้ว ทำให้ไข่มุกยิ้มกว้างขึ้น หญิงสาวพยักหน้ารับฟังคำบอกของท่าน
เมื่อทุกคนเห็นพ้องกันกับแม่แก้วว่า รอให้ไข่มุกเรียนจบ แล้วค่อยจดทะเบียนสมรสก็ได้ ผู้ใหญ่ทั้งสี่คนจึงออกไปจากห้อง ปล่อยให้พี่สาวและน้องสาวได้อยู่กันตามลำพัง ตามคำขอร้องของมรกตที่เธอบอกว่า มีบางอย่างอยากจะคุยกับน้อง
พอประตูห้องปิดลง ในห้องมีเพียงเธอกับน้องสาว มรกตก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ เธอเดินไปนั่งลงข้างคนที่สวมชุดเจ้าสาวของเธอ
“มุก...” มรกตจับสองมือของน้องสาวมากุมไว้ในสองมือของตน เธอรอจนน้องสาวเงยหน้าขึ้นมามองสบตาแล้วจึงยิ้มให้
“พี่ขอให้มุกมีความสุขในชีวิตคู่ ขอให้พี่กรเปลี่ยนใจไปรักมุกเร็ว ๆ นะ”
ไข่มุกยอมรับความจริงที่ว่า เจ้าบ่าวของเธอรักพี่สาวของเธอ พวกเขาคบกันมาตั้งแต่พี่สาวของเธอเรียนอยู่ปีสี่ และตกลงว่าจะแต่งงานกันหลังจากพี่กตเรียนจบปริญญาโท
ทว่าพอพี่สาวของเธอเรียนจบปริญญาโท พี่กตก็บอกกับเธอว่า เพิ่งรู้ตัวว่าไม่ได้รักพี่กร ที่ผ่านมาเป็นเพราะบ้านอยู่เคียงกัน เลยสนิทกันเท่านั้นเอง เธอคิดกับพี่กรแค่พี่ชาย แต่เพราะงานแต่งงานได้ถูกกำหนดไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว ก่อนเธอจะเรียนจบ มรกตจึงไม่กล้าบอกยกเลิก ไม่กล้าบอกคนอื่นว่าตัวเองคบผู้ชายคนใหม่ พี่สาวของเธอปล่อยให้ทุกอย่างยืดเยื้อมาจนถึงคืนสุดท้ายก่อนเข้าพิธีแต่งงาน และเลือกที่จะจัดการให้ตัวเองพ้นจากพิธีแต่งงานด้วยวิธีที่เห็นแก่ตัว
ไข่มุกมองสบตาพี่สาว ถอนหายใจบางเบา เธอดึงมือตัวเองออกจากมือของพี่สาว แล้วเปลี่ยนมากุมมือของพี่สาวไว้แทน
“พี่กตจะไปจริง ๆ เหรอ”
เมื่อเช้านี้ก่อนไข่มุกเข้าพิธีแต่งงาน มรกตเพิ่งบอกกับครอบครัวว่า จะไปทำงานกับเพื่อนที่ออสเตรเลีย เหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นทำให้พ่อกับแม่เห็นใจลูกสาวคนโต พวกท่านจึงไม่ขัด แต่ไข่มุกรู้ว่า พี่สาวไม่ได้จะไปทำงานกับเพื่อน เธอจะไปทำงานและอยู่กับผู้ชายอีกคนที่คบกันตอนเรียนปริญญาโท
พี่สาวของเธอคบซ้อน และสุดท้ายก็ตัดสินใจเลือกผู้ชายคนใหม่ เลือกอนาคตที่แตกต่างไปจากเดิม
ไข่มุกเคยเตือนพี่สาวแล้ว แต่พี่กตไม่เคยฟังเธอเลย พี่สาวของเธอเลือกทำทุกอย่างตามใจตัวเอง แต่คนที่ใส่ใจความรู้สึกของคนอื่น และขี้สงสารอย่างไข่มุก ไม่อาจเมินเฉยกับสิ่งที่พี่สาวทำได้ และยิ่งผู้ที่ถูกกระทำเป็นพี่กร เธอก็ไม่อาจทนนิ่งดูดายได้ ไข่มุกจึงพาตัวเองเข้ามามีส่วนในการจัดการปัญหาแบบเห็นแก่ตัวของพี่สาว เพราะถ้าเธอไม่ทำแบบนี้ พี่สาวของเธอมีแผนที่จะให้ผู้หญิงคนอื่นมานอนกับพี่กรแทน ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น เรื่องมันจะวุ่นวายไปมากกว่านี้แน่นอน
“ไม่ไปแล้วจะอยู่กันยังไง พี่กรคงไม่กล้ามองหน้าพี่หรอก”
ทั้งที่ตัวเองเป็นคนจัดการวางแผนทั้งหมด เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามที่ต้องการ เธอกลับลอยตัวเหนือปัญหา ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร เธอไม่ต้องแต่งงานกับภากร และเธอจะได้ไปอยู่กับคนรักคนใหม่
คนที่ต้องแบกรับทุกอย่างไว้ถอนหายใจเบาบาง
“อย่างน้อยเรื่องนี้ก็มีคนที่สมหวัง ได้แต่งงานกับคนที่แอบรัก” มรกตพูดยิ้ม ๆ มองน้องสาวอย่างรู้ทัน ที่ผ่านมาในขณะที่เธอเริ่มพาตัวเองออกห่างจากภากร แต่น้องสาวของเธอก็เอาแต่บอกว่าให้เธอเห็นใจพี่กร เข้าข้างเขาทุกอย่าง จนเธอเริ่มรู้สึกว่า ไข่มุกน่าจะคิดอะไรกับพี่กรมากกว่าแค่พี่ชายข้างบ้าน และนั่นทำให้เธอมีทางออกให้ตัวเองโดยที่ตัวเองไม่ผิด แผนหนีการแต่งงานของเธอจึงเป็นไปอย่างราบรื่น เพราะน้องสาวยินยอมพร้อมใจเอง