อิงฟ้าทำกับแกล้มให้พี่ชายทั้งสองเสร็จ มีคุณอาเดินไปส่งถึงห้องรับแขก ทำหน้าที่เสิร์ฟอาหารพร้อมกับแกล้มหลายจาน วางลงบนโต๊ะกลางบ้านให้แทน ด้วยความอดทนต่อสายตาของบรรดาช่างยนต์ทั้งหลายไม่ไหว ถึงวันนี้ไม่มีใครกล้าส่งเสียงแซวน้องสาวคนสวย แม้แต่จะส่งเสียงโห่ร้องเฮฮาอย่างคนในวงเหล้าทำกัน
“อาอย่าบอกพ่อน่ะ”
“ไม่บอกอยู่แล้ว แต่ขอพาน้องสาวไปนะครับ เพื่อความปลอดภัย จะได้เมากันให้เต็มที่...”
หนุ่มช่างน้อยใหญ่ได้กับแกล้มแล้วคงไม่สนใจ ยิ่งคุณอาท่าทางเอาเรื่องเอาราวขนาดว่ามารับสาวน้อยไป แม้ตัวคนเดียวก็ไม่ได้กลัวเกรงใคร
อิงฟ้ามองเลิ่กลั่ก แน่ล่ะว่าเธอคงไม่อยู่เป็นแม่ครัวคอยหากับแกล้มให้คนเมา รีบคว้ากระเป๋าสะพายเดินตามตามคุณอาไปอย่างรวดเร็ว
อิงฟ้าไม่ชอบสายตาละลาบละล้วงของบรรดาเพื่อนพี่ชาย พวกเขามองเธอเหมือนไม่เคยเห็นสาว ๆ นั่นทำให้เธอรู้สึกกลัว ด้วยความเป็นผู้หญิงคนเดียวในบ้าน บางคราวเธอถึงขั้นขยะแขยงจนอยากอาเจียน แต่เพราะว่าเธอมีนิสัยหัวอ่อนยอมคนในครอบครัว แม้ดื้อเงียบอยู่สักหน่อย แต่เวลาพี่ชายขอเงิน ขอให้ทำกับข้าวให้ ทำกับแกล้มให้เพื่อนของเขา เธอก็ทำให้พวกเขากิน ไม่บ่ายเบี่ยงมาตั้งแต่สมัยไหน
หากว่ารู้ล่วงหน้าว่าพี่ภูพิงพี่ภูผาจะพาเพื่อนมาเต็มบ้าน เธอคงรีบโทรบอกนังเปรี้ยวไปขอนอนค้างที่คอนโดฯ ด้วย
อิงฟ้าก้มหน้าก้มตาเดินตามคุณอามาถึงบ้านหลังสุดท้ายในซอยฝั่งตรงกันข้าม หยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพายใบโปรดโทรหาน้องสาวที่นอนอยู่อีกบ้านหลังหนึ่งซึ่งเป็นบ้านแฝดติดกัน กำชับหนักแน่นให้ปิดประตูลงกลอนดี ๆ มีอะไรให้โทรหาพี่สาว ให้โทรหาคุณป้าคุณลุง แต่หน้าบ้านก็ล็อกดีแล้วคงวางใจได้ว่าไม่มีอะไร
เธอถอดรองเท้าไว้หน้าบ้านหรูหราโอ่อ่า เจ้าของบ้านก็ให้การต้อนรับ พาเธอเดินขึ้นบันไดไปชั้นสอง
“รู้ว่าเกรงใจหนุ่ม ๆ ในวงเหล้า แหม... ทำสับยำให้เขาหน้าตาเฉย”
“ฟ้าแค่วางตัวไม่ถูก อึดอัดใจอยู่หน่อย ๆ ถึงพวกเขาจะเป็นคนรู้จักกัน มีลูกเมียกันหมดแล้ว...”
“ไว้ใจใครไม่ได้หรอก คนกันเองนี่แหละตัวดี ไม่ติดตามข่าวสารบ้านเมืองเลยหรือ?” เสียงเข้มสั่งสอนตักเตือนหญิงสาวอายุอ่อนกว่า สีหน้าพะว้าพะวังของเธอยังถูกจับจ้องอย่างไม่พอใจ เป็นกังวลไม่ต่างไปจากเธอ ก็แน่ล่ะ ไม่ใช่ในฐานะเพื่อนบ้าน พีระพงษ์ทั้งหวงห่วงสาวน้อยไม่รู้จะห่วงยังไง
โดยเฉพาะเธอเป็นผู้หญิงที่รู้จักแต่งหน้าแต่งตัว พิถีพิถันแม้กระทั่งเครื่องประดับ สร้อยคอเล็กจิ๋วรูปดาวเข้ากับต่างหูสีเงิน เดรสแหวกข้างของเธอเผยให้เห็นเรียวขาขาวเนียน
ดูบอบบาง... ทว่าหน้าอกหน้าใจแม่ให้มาไม่ใช่ย่อย ปากนิดจมูกหน่อย ตรงไหนก็น่ามอง หนุ่ม ๆ คงอยากเป็นเจ้าของเธอทั้งนั้น
“หัดกลัวไว้บ้าง ขึ้นชื่อว่าผู้ชายน่ะ ไว้ใจไม่ได้สักคนยกเว้นพ่อ จำไว้นะอิงฟ้า”
“ฟ้าว่าอาพีน่าจะน่ากลัวมากกว่า...”
“อย่างมากอาก็แค่จูบ สาวสวยขนาดฟ้ามานัวเนีย จะปล้ำอาคืนนั้น อายังไม่ยอมฟ้าเลยรู้ไหม”
อิงฟ้าเบิกตากว้างมองเขาอย่างไม่เชื่อหู เพราะว่าเขาน่ะพูดเกินจริง!
“ฟ้าไม่ยักกะจำได้ ฟ้าว่าฟ้าเมารู้เรื่องอยู่นะ”
“รู้เรื่อง... จำได้ พูดออกมาเองนะ” ใบหน้าหล่อเหลาเปิดเผยรอยยิ้มมีชัย ในที่สุดเขาสามารถทำให้เธอยอมรับว่าจดจำเรื่องราวระหว่างกัน พาคนตัวเล็กมาถึงห้องนอนห้องเล็กสำหรับรับรองแขก ในบ้านทาวน์โฮมสามชั้นซึ่งมีถึงสี่ห้องนอน สองห้องในชั้นสามถูกทำเป็นห้องทำงานและห้องหนังสือ
หกโมงเย็นแล้วหญิงสาวไม่กินข้าวเย็นเพราะรักษาหุ่น เธอคงนั่งเล่นโทรศัพท์ทำงานนิดหน่อยค่อยกลับบ้านไปนอน คุณอาหนุ่มหยิบโน้ตบุ๊คบนโต๊ะทำงานติดมือมาด้วย นั่งทำงานบนโซฟาตัวเล็กหน้าโต๊ะกาแฟ
“คืนนี้ฟ้านอนบ้านอานะครับ...”
คำชักชวนแกมบังคับทำให้เธอชะงัก ก่อนจะตอบ “ขอบคุณนะคะอาพีที่เป็นห่วง แต่ฟ้าว่าอีกสักพักพอลุงกลับบ้านมา ฟ้ากลับบ้านไปนอนกับน้องสาวดีกว่า”
“นอนที่นี่แหละ อาจะไปนอนอีกห้อง...”
พีระพงษ์คิดว่าเธอเปิดใจให้เขาพอสมควร ถึงได้ยอมตามเขามา และก็จริง ร่างบางในเดรสตัวสวยลุกจากที่นอน ดึงโซฟากลมในห้องมานั่งใกล้เขา
“แล้ว... อาพีไม่มีอารมณ์กับฟ้าหรือคะ?”
“มี... แต่รับปากว่าไม่ทำก็ไม่ทำ โดยเฉพาะผู้หญิงเมา ไม่เต็มใจ อาถือ...” ปลายเสียงพร่าทำให้หญิงสาวเกิดความรู้สึกไรขนลุกชูชัน แววตาคู่คมฉายประกายเร่าร้อนต้องการ
“คนสองคนควรมีสติเวลาทำเรื่องสำคัญ อาพีเป็นคนใส่ใจทุกรายละเอียด”
ใบหน้างามก้มงุด ๆ มองปลายเท้าหลังจากนั้น เธอทำตัวไม่ถูกกับคำพูดประหลาดของคุณอา ไม่อยากจินตนาการต่อหากเธอและเขาไม่จบที่กอดหอม สบตาใต้แสงนวลสลัวจากโคมไฟ ในห้องนอนห้องใหญ่ ติดกับห้องนี้
พีระพงษ์รู้ว่ายากต่อการหักห้ามใจไม่ให้เอาเปรียบสาวน้อย ที่ผ่านมานับว่าเขาอดทนสุด ๆ แล้วในการพบหน้ากันแต่ละครั้ง เขาจึงหันไปก้มหน้าทำงาน เปิดดูข้อความในโทรศัพท์ พูดคุยกับเธอเรื่องบริษัทของเขาที่ลงหุ้นกับพี่ชาย
อิงฟ้าเคยเล่าให้เขาฟังก่อนที่เธอจะเมาแอ๋ในค่ำคืนนั้น ว่าทำงานอยู่บริษัทกึ่งรัฐวิสาหกิจ ตำแหน่งนักวิเคราะห์นโยบายเเละเเผนจัดการงานทั่วไป นั่นทำให้เธอสามารถสนทนากับเขาได้อย่างถูกคอ
นับว่าเป็นเด็กเรียนดี จบการศึกษาด้วยเกรดเฉลี่ยสูงลิบพ่วงเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง สอบผ่านสัมภาษณ์สมัครงานมาทำงานในบริษัทใหญ่ รู้จักเพื่อนฝูงมากมาย เธอเป็นฝ่ายตรวจสอบเอกสารก่อนส่งต่อให้กับเจ้าหน้าที่สินเชื่อ ดูแลเรื่องการซื้อทรัพย์สินอสังหาฯ จากทั้งเอกชน และกับโครงการเอื้ออาทรต่าง ๆ
เหมือนอิงฟ้าพยายามขายของ นำเสนอภาพลักษณ์ที่ดีของบริษัท ให้กับคุณอาผู้บริหารไปด้วยอีกคน โดยไม่รู้ตัวเลยว่า แค่การนั่งจ้องมองริมฝีปากคู่อิ่มงามช่างฉอเลาะ หัวใจชายหนุ่มวัยสามสิบเก้าปี ไม่มีที่ว่างให้สาวคนไหนอีกแล้ว
“... ที่ตรงนี้มันราคาราว ๆ นี้หรือคะ? ฟ้าคิดว่าจะแพงกว่านั้นซะอีก”
“ราว ๆ นี้แหละครับ มันปรับราคาลงเมื่อตอนต้นปีเพราะดินทรุด มีตึกพาณิชย์สี่ชั้นอีกที่หนึ่งตรงนี้ด้วย...”
อิงฟ้าก้มหน้าลงมองตามภาพในจอสี่เหลี่ยมจนหน้าผากเกือบชนกัน คุณอาหนุ่มละสายตาจากงานตรงหน้ามาให้ความสนใจใบหน้าสวยหวาน ภายใต้แก้มแดงระเรื่อ
หญิงสาวพลันถอยตัวออกห่าง เว้นระยะจากคุณอาเหมือนเขาเป็นโรคติดต่อร้ายแรง ตะกุกตะกักพูดไปอีกเรื่อง “คือวันนั้นฟ้าเมา... แต่ฟ้า... ไม่ได้รังเกียจอาพีนะ แค่เป็นที่พึ่งทางใจตอนฟ้ากำลังสับสน แล้วอาพีทำงานสายเดียวกัน...”
“เมาแต่รู้เรื่อง...”
อิงฟ้าหลบแววตาแสนจริงใจไปอีกทางหนึ่ง มองผ้าม่านสีเทาเข้มทางหน้าต่าง อีกคนรีบย้ำเตือนจิตใจเธอ
“อาไม่ได้เข้ากับคนง่ายเหมือนฟ้า คนไหนคุยแล้วใช่ ถูกใจคือถูกใจสำหรับอาพี ฟ้าล่ะ... อาขอเหตุผลมากกว่าที่อาเป็นเพื่อนพ่อเพื่อนแม่ ไม่เอาเรื่องอายุมากด้วย ขอเหตุผลข้อเดียว อาจะไม่ยุ่งกับฟ้าอีกเลย”
“ไม่มีค่ะ...”
บทจะจริงจังก็จริงจังจนน่ากลัว หญิงสาวนั่งประสานมือเรียบร้อยบนหน้าตัก เจ้าของบ้านปิดพับคอมพิวเตอร์เครื่องเล็กของเขาลงแล้วลุกขึ้นยืนสุดความสูง
“อาบน้ำนอนได้แล้ว ใส่เสื้อผ้าอาก็ได้ พรุ่งนี้ค่อยเข้าไปเปลี่ยนชุดทำงานที่บ้าน แต่ถ้าไม่กลัวหนุ่ม ๆ ขี้เมา ออกจากบ้านอาแล้วล็อกประตูให้ด้วย”
‘อ้าว... ไปแล้วเหรอ?’
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองตามเขา ไม่กล้าถามว่าเพิ่งนั่งคุยกันมาสองชั่วโมงเอง จะรีบไปไหน
นั่นนับว่านานสำหรับชายหนุ่มที่มีงานต้องไปทำต่อ เขายังมองเห็นท่าทางเหงาหงอยหากว่าตนต้องเดินจากไป จึงโน้มตัวลง จูบขมับเนียนเบา ๆ ในน้ำเสียงอ่อนโยนบอกแม่สาวตาแป๋ว
“ฝันดีครับ สาวน้อย... อาขอไปทำงานก่อน อาต้องเข้านอนเร็วครับ พรุ่งนี้ประชุมเช้า”