ความโกลาหลย่อยๆ ในการจัดเตรียมงานต้อนรับการกลับมาจากอังกฤษของ ภัควัต โชติศิริวัชยา ที่คุณหญิงภาภรณ์ ผู้เป็นมารดาของภัควัตจัดขึ้นมา ทำเอาบ่าวไพร่ในคฤหาสน์ โชติศิริวัชยาต้องวิ่งวุ่นอย่างเหน็ดเหนื่อย เพราะต้องจัดงานที่หรูหราใหญ่โตให้สมเกียรติเจ้าของโชติศิริวัชยากรุ๊ป รวมทั้งฉลองที่เขาสามารถสำเร็จการศึกษาด้านบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัย ที่มีชื่อเสียงของโลก แขกเหรื่อในวงธุรกิจและวงสังคมชั้นสูง หลากหลายคนถูกเชื้อเชิญเข้ามาร่วมงาน งานนี้จึงต้องเตรียมการจัดการเป็นอย่างดี
คนที่เหนื่อยที่สุดในงานนี้คงหนีไม่พ้น ริตา ธนาเวชกุล ลูกเลี้ยงของคุณหญิงที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการจัดงานใหญ่ครั้งนี้ ตามที่ได้รับมอบหมายจากคุณหญิง ทั้งเรื่องอาหาร สถานที่ และดนตรีที่ต้องใช้ แม้ว่าจะเหนื่อยแต่ริตาก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้
เพราะวันนี้เป็นครั้งแรกที่เธอจะได้พบกับตัวจริงของลูกชายคนเดียวของคุณหญิงที่คุณหญิงรักและภูมิใจหนักหนา ซึ่งริตา เคยเห็นแค่ในรูปภาพเท่านั้น เนื่องจากริตาเข้ามาอยู่บ้านนี้หลังจากที่เขาไปเรียนที่อังกฤษแล้ว เมื่อถึงคราวที่มหาวิทยาลัยปิดเทอม เขาก็ไม่ได้กลับบ้าน เพราะมารดาไปเยี่ยมและไปทำธุรกิจ ในคราวเดียวกัน แต่ริตาไม่ได้ไปพร้อมท่านสักที เพราะต้องดูแลกิจการทางนี้แทนท่าน เธอและเขาจึงยังไม่ได้พบหน้ากันเลย
“ริตา งานไปถึงไหนแล้วลูก” คุณหญิงเดินเข้ามาถาม อย่างเอ็นดู
ริตาเป็นเด็กดีเสมอมา สามปีที่เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ ริตาเติมเต็มความสุขที่ขาดหายไปของคุณหญิงได้อย่างเพียงพอ ความใฝ่ฝันที่อยากมีลูกสาวเป็นจริง เมื่อเพื่อนสนิทที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย ได้ฝากฝังลูกสาวซึ่งในขณะนั้นกำลังเรียนมหาวิทยาลัยปีสุดท้ายให้เลี้ยงดูอุ้มชูต่อหากนางไม่มีชีวิตอยู่ คุณหญิงเองก็เต็มใจเนื่องจากเอ็นดูริตามานานแล้ว จึงทุ่มเทช่วยดูแลลูกสาวเพื่อน ทั้งเรื่องฐานะทางการเงินของเพื่อนที่ซวนเซ เพราะต้องใช้ค่าใช้จ่ายในการรักษาสูง หลังจากนั้นเพียงห้าเดือน เพื่อนผู้โชคร้ายของคุณหญิงก็จากโลกไปอย่างสงบ เพราะหมดห่วงเรื่องลูกสาว ตั้งแต่นั้นมาคุณหญิงก็เลี้ยงดูริตาประดุจลูกสาว คนหนึ่ง ริตาเองก็น่ารัก ช่วยเหลือดูแลกิจการและงานบ้าน งานเรือนอย่างไม่มีบกพร่อง
“เรียบร้อยเกือบหมดแล้วค่ะคุณแม่ เหลือแค่ทำน้ำพั้นซ์อย่างเดียวค่ะ” ริตาเรียกคุณหญิงว่าแม่ได้อย่างไม่เคอะเขิน เพราะเธอเคารพคุณหญิงเหมือนเป็นแม่อีกคนจริงๆ
“เมื่อครู่ตาวัตโทรมา เห็นบอกว่าจะถึงบ้านก่อนงานเริ่ม สองชั่วโมง และก็ต้องจัดห้องเพิ่มด้วย เพราะจะพาเพื่อนที่ชื่ออะไรน้า อ้อ เดรโก มาด้วย แม่สั่งยายน้อมจัดห้องแล้ว ถ้าเสร็จแล้วก็ขึ้นไปแต่งตัวด้านบนเถอะลูก เดี๋ยวทางนี้ให้คนอื่นจัดการต่อ”
“ค่ะ งั้นริตาขอตัวขึ้นไปบนห้องก่อนนะคะ”
“จ้ะ แต่งให้สวยที่สุดในงานเลยนะลูก” คุณหญิงบอกก่อนที่ ริตาจะแยกตัวไปบนห้อง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“คุณริตาขา คุณหญิงให้มาเรียนว่าคุณภัควัตมาถึงแล้วค่ะ”เสียงเจื้อยแจ้วของกานต์เด็กรับใช้เรียกขาน
“จ้า เดี๋ยวฉันลงไป” ริตาขานตอบ ก่อนจะส่องกระจกตรวจดูความเรียบร้อยก่อนจะก้าวออกมาจากห้องนอน
วันนี้ริตาใส่ชุดราตรีสั้นสีฟ้าน้ำทะเล ขับผิวขาวเนียนอมชมพูให้สวยเด่นชัด ร่างโปร่งสมส่วนดูสวยงามโดดเด่น ใบหน้าที่ตกแต่งด้วยเครื่องสำอางอ่อนๆ ตามสไตล์ของริตาเอง ทำให้สายตา ของผู้ที่มาใหม่สองคนที่ยืนคุยกับคุณหญิงภาภรณ์ในห้องรับแขกถึงกับละสายตาออกจากริตาไม่ได้ แม้ว่าริตาจะก้าวมายืนต่อหน้าพวกเขาได้สักพักแล้ว
“หนูริตานี่ตาวัต และก็นี่เดรโกเพื่อนของตาวัตจ้ะ”
ริตายกมือไหว้ชายหนุ่มทั้งสองแล้วยิ้มให้น้อยๆ ด้วยความเขินอาย เมื่อเห็นเดรโกจ้องหน้าอยู่นานและยิ้มให้อย่างเป็นมิตร แต่ภัควัตกลับทำหน้านิ่งเฉยไม่แสดงความรู้สึกอะไร ริตามองไปยังดวงตาของเขาก็เห็นแววตาแปลกๆ แต่เพียงแค่แวบเดียวเท่านั้น เขาก็ยิ้มให้หล่อน ริตามองหน้าตาคมสันเต็มๆ ตา เขาหน้าตาดีมาก ดีขนาดที่ว่าเห็นรูปที่บ้านแล้วดูดี แต่ตัวจริงเขาดูดีกว่าหลายเท่านัก ร่างสูงของเขาดูเด่นมากเมื่ออยู่ในชุดสูทสีดำสนิท ดวงหน้า หล่อเหลาแม้จะเปื้อนยิ้ม แต่หล่อนกลับรู้สึกขัดตา เหมือนกับว่ามันไม่ค่อยจริงใจอะไรเลย ต่างกับเดรโก เพื่อนของเขาที่หน้าตาออกเขาฝรั่งชัดเจน ส่งยิ้มกว้างมาอย่างจริงใจทีเดียว
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ” เดรโกเอ่ยทักทายอย่างเป็นมิตร ริตาจึงละสายตาจากภัควัตมา
“สวัสดี นี่สินะคนที่คุณแม่อวดมาตลอด เพิ่งได้เจอกันนะเรา”
“ก็ตาวัตไม่ยอมกลับบ้านกลับช่องนี่นา จะเจอหนูริตา ได้ยังไง ว่าแต่เรียนจบแล้วคงไม่หายไปไหนนานๆ อีกแล้วนะ”
“ก็ต้องอย่างที่คุณแม่ต้องการสิครับ ใครจะขัดได้จริงมั้ยริตา”เขาแซวมารดา ก่อนจะหันไปขอความเห็นจากริตา หญิงสาวได้แต่ยิ้มน้อยๆ ตอบกลับไป
“แม่ว่าแขกคงเริ่มทยอยมาแล้ว เราไปเตรียมต้อนรับแขกกันเถอะจ้ะ” คุณหญิงเอ่ยแทรกขึ้นมา ทุกคนจึงเดินตามไปที่บริเวณหน้าบ้านที่เป็นลานหินอ่อนกว้างขวาง ซึ่งตอนนี้ถูกเนรมิตให้เป็นสถานที่จัดเลี้ยงที่หรูหราราวกับอยู่โรงแรมระดับห้าดาวไว้คอยต้อนรับแขกในวงสังคม
คุณหญิงภาภรณ์ชอบจัดงานเลี้ยงต่างๆ ที่บ้านมากกว่าโรงแรม เพราะที่บ้านหรือจะเรียกให้ถูกก็คือคฤหาสน์โชติศิริวัชยานี้ใหญ่โตหรูหราสมฐานะของตระกูลที่เป็นเจ้าของกิจการใหญ่ๆ มากมายทั้งโรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า โรงแรม และหุ้นส่วนบริษัทอีกหลายแห่งภายใต้การบริหารของคุณหญิงภาภรณ์และภัควัต หลังจากที่ภัควัตเรียนจบกลับมาคุณหญิงก็เตรียมเกษียณตนเองไปช่วยงานสังคมอย่างเต็มที่ และวางอำนาจทางธุรกิจให้ลูกชายเต็มตัว ภายในงานมีแขกเหรื่อมากหน้าหลายตา ที่มาแสดงความชื่นชมต่อชายหนุ่ม รวมทั้งบรรดาแม่ของหญิงสาวโสดในสังคมไฮโซที่ต้องการได้ภัควัตเป็นเขยนั้น ต่างเรียงตัวเข้ามาแนะนำกันเป็นการใหญ่ แม้ว่าหลายคนจะรับรู้ถึงกิตติศัพท์ เรื่องความเจ้าชู้ของเขามาบ้าง แต่ทั้งรูปร่างหน้าตา รวมทั้งฐานะของเขา ทำให้หลายคนมองข้ามความเจ้าชู้ของเขาไป เดรโกเอง ก็เป็นที่จับตามองในวงสังคมเช่นกัน ด้วยดีกรีการเป็นลูกชาย ท่านทูต และตำแหน่งผู้บริหารโรงแรมที่ตกทอดจากมารดา ทำให้เขาเป็นที่หมายปองของหญิงสาวทั่วไปเช่นกัน แต่เขาไม่ค่อยชอบเข้าไปสุงสิงในวงสังคมสักเท่าไหร่ ไม่เช่นนั้นคงโดนรุมล้อมไม่ต่างกับภัควัตเป็นแน่
“ริตา ริตา มาทางนี้” ริตาที่เดินตรวจตราความเรียบร้อยภายในงานและดูแลแขกอยู่หันไปมองตามเสียงเรียกที่คุ้นหู
“ย่า เพิ่งมาเหรอ” ริตาเอ่ยทัก ศรัญย์ชยา ชลาลักษณ์ เพื่อนสนิทที่เรียนคณะเดียวกันที่มหาวิทยาลัย ศรัญย์ชยามางานเลี้ยงครั้งนี้ด้วยเพราะ ศรัญย์ชัย พี่ชายของเธอเป็นเพื่อนสนิทของ ภัควัต และเคยมาเยี่ยมเยือนคุณหญิงที่บ้านบ่อยครั้ง ศรัญย์ชยาก็จะขอติดสอยห้อยตามาหาเพื่อนสาวบ่อยครั้งด้วยเช่นกัน
“ใช่จ้ะ โอ้โห วันนี้สวยนะเนี่ย” ศรัญย์ชยาเอ่ยชมริตา จากใจจริง ในใจนึกปลื้มว่ามีเพื่อนที่ทั้งสวย ทั้งนิสัยดีจนอยากได้มาเป็นพี่สะใภ้ แต่ริตากับพี่ชายไม่เห็นมีท่าทีใดๆ ต่อกันเลย จึงได้แต่นึกเสียดายอยู่ในใจ
“จ้า ย่าก็สวยเหมือนกันแหละ ใส่ชุดสีขาวเด่นมาเชียว ว่าแต่พี่ปู่ไปไหนซะล่ะ วันนี้ยังไม่เห็นเลย” ริตาเห็นว่าออกงานทีไร สองพี่น้องคู่นี้ไม่เคยแยกกันเลย แต่วันนี้กลับเห็นศรัญย์ชยา คนเดียว
“ก็คุยกับพี่ชายเธออยู่ไง เจอเพื่อนแล้วทิ้งน้องเลย แถมไล่เรามาหาตาอีกต่างหาก พี่วัตน่าจะไปเรียนนานๆ นะเนี่ย เวลาไปงานเราจะได้ไม่เคว้ง”
“โธ่ ย่าก็ มีริตาอยู่ทั้งคนจะเคว้งได้ไงเล่า” “แหม ก็วันนี้งานจัดที่บ้านเธอ เดี๋ยวเธอก็ต้องดูแลแขกอีก”
“แป๊บเดียวเองน่า ระหว่างที่รอย่าก็คุยกับหนุ่มๆ หล่อๆ แถวนี้ไปก่อนสิ” ริตาแซว ทั้งที่รู้ดีว่าศรัญย์ชยาไม่มีทางคุยกับใครแน่ มีคนมาจีบทีไรวิ่งหนีจนป่าราบทุกที ออกงานทีไรก็เกาะพี่ชายแจ ไม่อย่างนั้นก็คุยกับริตา ไม่ค่อยไปทำความรู้จักสนิทสนมกับใครเขา สักเท่าไหร่ แต่ก็ยังบ่นให้ริตาฟังเสมอว่าทำไมไม่มีแฟนกับชาวบ้านเขาซักที
“เพื่อนพี่ปู่ พี่วัตเนี่ยนะ โอยไม่ไหวแต่ละคนเช้าชู้ซะ แค่มองตาก็ขนลุกแล้ว” ศรัญย์ชยาทำท่าสยองแล้วหัวเราะ
“เกลียดคนเจ้าชู้ ระวังจะได้แต่งงานกับคนเจ้าชู้นะ”
“โฮะๆ พระเจ้าคงไม่ทำร้ายศรัญย์ชยาขนาดนั้นหรอกน่า”
“เราก็ว่างั้น กว่าจะได้แต่งพี่ปู่คงสแกนอย่างถี่ถ้วนแล้วมั้ง”เป็นที่รู้กันดีว่าศรัญย์ชัยหวงน้องสาวคนเดียวของเขาแค่ไหน ตั้งแต่ที่พ่อแม่จากไปตั้งแต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัยเขาก็ดูแลศรัญย์ชยา มาตลอดจึงทำให้ทั้งสองคนผูกพันกันมาก
“นั่นไง พอนินทาก็เดินเข้ามาทันทีเลย พี่ชายฉัน”
“คุยอะไรกันอยู่สองสาว” ศรัญย์ชัยเดินเข้ามาหา พร้อมส่งยิ้มมาแต่ไกล น้อยครั้งมากที่คนทั่วไปจะเห็นเขายิ้มอย่างอารมณ์ดีขนาดนี้ ด้วยความที่เขาไม่ค่อยจะให้ความสนิทสนมกับคนทั่วไปมากสักเท่าไหร่ หลายคนต่างมองว่าเขาหยิ่ง ยโส แต่กับคนที่สนิทกับเขาทุกคนจะรู้ดีว่าเขาไม่ได้เงียบขรึมอย่างที่ใครเข้าใจ ติดที่จะ ขี้เล่นด้วยซ้ำ
“นินทาพี่ปู่อยู่” ผู้เป็นน้องสาวบอก
“อ้าว แล้วกัน มิน่าพี่จามเอา จามเอา จนนึกว่าเป็นหวัดแล้ว”
“แหม รับมุกเชียว ท่าทางจะอารมณ์ดีที่เพื่อนกลับมานะคะเนี่ย ทิ้งย่าให้มานั่งบ่นกับริตาอยู่นี่” ริตาแซว
“คนมันแก่แล้วก็งี้แหละขี้บ่น นี่พี่ก็ว่าจะชวนตาทิ้งย่าอีกคนนะเนี่ย ไปเต้นรำกับพี่มั้ย” เขาหันมาชวนริตา ข้ามหน้าน้องสาวไป เพราะรู้ดีว่าถึงชวนน้องสาวตัวเองยังไงก็ไม่ไปแน่นอน
“เอ้า แล้วย่าล่ะ” ศรัญย์ชยาทำเป็นเรียกร้องความสนใจ
“นั่งรอไงจ๊ะ แต่ห้ามออกไปเต้นรำกับคนอื่นนา”
“พี่ปู่อ่ะ” น้องสาวแกล้งทำหน้างออย่างไม่จริงจังนัก “ไปเถอะ เพลงกำลังเพราะ” แต่ก็ไล่ให้ทั้งสองออกไปเต้นรำกันอยู่ดี เพราะไปงานทีไรสองคนนี้ชอบเต้นรำกันตลอด ส่วนเธอเองขอบาย เต้นทีไรเหยียบรองเท้าพี่ชายซะแทบพัง
“ริตา เต้นรำกับพี่นะ” ศรัญย์ชัยเดินมาโค้งขอเธอเต้นรำ
“ได้ค่ะ พี่ปู่” ริตาคล้องแขนเขาออกไปในเต้นรำโดยไม่ถือสาอะไรเพราะรู้จักสนิทสนมกันเป็นอย่างดี และศรัญย์ชัยเองก็รักและคอยช่วยเหลือริตาราวกับเป็นน้องสาวแท้ๆ อีกคนหนึ่ง ความสนิทสนมกันของทั้งสองคนจึงเป็นที่คุ้นตาของคนทั่วไป แม้ว่าศรัญย์ชัยจะเป็นดาราดังที่ถูกหลายคนจับตามอง แต่เขาก็ไม่เคยเป็นข่าวกับริตา เพราะหลายคนรู้ว่าเขาสนิทสนมกับริตาในฐานะ พี่น้อง
“ให้เกียรติเต้นรำกันซักเพลงนะ น้องสาว” ภัควัตเข้ามาขอเธอหลังจากจบเพลงที่เธอเต้นกับศรัญย์ชัย ขณะทั้งคู่กำลังเดินออกมาจากฟลอร์ “ได้ค่ะ” ริตาเดินมาหาเขาและเริ่มเต้นรำ ทำไมเขาสูงจังนะ สูงพอๆ กับเดรโกที่เป็นฝรั่งเสียอีก ดีนะที่เธอเองก็สูงอยู่บ้าง ไม่งั้น คงเป็นคู่เต้นรำที่ไม่สมกันเลย
“เรียนจบแล้ว ใช่ไหม” เขาก้มหน้าลงมาถาม พร้อมกระชับอ้อมกอด ที่กอดเธอเอาไว้ ริตาเงยหน้ามองหน้าเขาสายตาคมของเขาเหมือนมีอะไรซ่อนอยู่ที่ริตาเดาไม่ออก แต่ริตาเองก็นิ่วหน้าที่เขากอดกระชับแน่นเกินกว่าที่ควรจะเป็น
“ค่ะ” ถามแปลกๆ ริตาคิด ถ้าไม่เรียนจบจะมาช่วยแม่เขาทำงานในตำแหน่งสูงๆ ได้ยังไง “คุณแม่ เล่าเรื่องฉันให้เธอฟังบ้างรึเปล่า”
“เล่าบ่อยเลยล่ะค่ะ ท่านรักและก็ภูมิใจในตัวคุณวัตมาก”
“ฉันหมายถึงเรื่องส่วนตัว อย่างเช่นเรื่องเราสองคน” เขากระซิบถาม มองท่าทีของคนตรงหน้า
“อะไรนะคะ”
“ช่างเถอะ เธอรู้ใช่ไหมว่าคุณแม่จะวางมือแล้วยกงานทั้งหมดให้ฉันทำโดยที่มีเธอเป็นผู้ช่วย”
“รู้ค่ะ” จะไม่รู้อย่างไร ท่านย้ำและสอนงานต่างๆ ให้ริตา เป็นอย่างดี หวังจะให้ริตาเป็นมือขวาของภัควัตอย่างที่ริตาเป็น มือขวาของท่านตอนนี้
“มีคนรักรึยัง” เขาเปลี่ยนเรื่องถามแบบกำปั้นทุบดิน จนคนที่ถูกถามตั้งหลักไม่ทันและไม่รู้ว่าเขาจะถามไปทำไม
“ยังค่ะ”
“แล้วนายปู่ล่ะ เห็นสนิทกันมากเลยนี่”
“พี่ปู่เป็นพี่ชายของเพื่อนสนิทค่ะ” ริตาตอบงงๆ เขาจะคาดคั้นเอาอะไรกับหล่อนนะ
“งั้นเหรอ” เขาพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะกอดกระชับหล่อนแน่นเข้าและเต้นรำต่อไป ริตานิ่วหน้าทำไมต้องกอดแน่นขนาดนี้ไม่รู้ ไม่นานเพลงก็จบลงท่ามกลางความโล่งใจของริตาที่จะได้ไม่ต้องทนอึดอัดอีก หล่อนรีบเดินลิ่วหนีจากเขามาเข้ากลุ่มผู้ใหญ่ที่คุยงานกัน และไปดูแลความเรียบร้อยของงาน อีกด้านหนึ่งทันที
ขณะที่ริตาหลบออกจากงานกลับห้อง เดรโกเองก็มองหา ริตาทั่วงานเช่นกันแต่ไม่กล้าถามหากับใคร เขาคิดว่าจะชวนหญิงสาวมาเต้นรำเมื่อครู่ยังเห็นแว้บๆ อยู่ เผลอมองสาวแป๊บเดียว ก็หายไปเลย พอมองหาอีกทีก็ไม่เจอแล้ว ขณะที่ใจวนเวียนหาริตา แต่ขาเขากลับก้าวตามหญิงสาวในชุดราตรีสีขาวคนหนึ่ง ซึ่งเดินหลบผู้คนออกไปทางสระว่ายน้ำที่มีต้นไม้หนาทึบบังสายตาผู้คนไว้ แสดงว่าคงรู้จักบ้านหลังนี้ดี ถึงได้เดินหลบคนมามุมนี้ได้ เป็นหนึ่งในสาวๆ ของนายวัตรึเปล่านะ หน้าตาน่าไปทำความรู้จักอย่างมากมาย เขาเดินกลับไปหยิบไวน์มาสองแก้วแล้วเดินไปหา หญิงสาวอีกครั้ง