ในยามที่ร่างกายเปล่าเปลือยแช่อยู่ในถังน้ำอุ่นร้อนนั้น สีหน้าแววตาของเจียงซูเหยาบ่งบอกว่าไม่เป็นไรจริง จนกระทั่งบอกให้เสี่ยวหรงออกไปไม่ต้องอยู่ปรนนิบัติอีก จึงสามารถเผยความรู้สึกแท้จริงออกมา
ไอน้ำขยับไหวรายล้อมเรือนร่าง ใบหน้าเปียกชื้นนี้สามารถกลบเกลื่อนน้ำตาที่ไหลออกมาได้ดีนัก
เมื่อครู่เพิ่งบอกกับเสี่ยวหรงไปว่าไม่เป็นไร ไม่เจ็บ ทว่าทันทีที่หลุบตาแล้วเห็นร่องรอยที่คุณชายรองทิ้งไว้ก็ถึงกับก้มหน้าลงไปใต้ผิวน้ำ ให้น้ำอุ่นๆ ช่วยปัดเป่าความเจ็บปวดและปกปิดเสียงร้องไห้ไม่ให้เล็ดลอดออกมา
กระทั่งคิดว่าร่างกายทนไม่ไหวจึงเงยหน้าขึ้นเผยใบหน้างดงามที่หลงเหลือแต่เพียงความซีดเซียว
นางกลายเป็นหญิงงามที่บอบบางนัก บอบบางราวกับจะฉีกขาดได้ง่ายๆ
ขณะอาบน้ำล้างตัวอยู่นั้น บ่าวชั้นน้อยจากเรือนจิ๋นอวี่ก็ยกถาดยามายังเรือนไป๋เซ่อ แน่นอนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นภายในเรือนต่อให้อยากปิดบังแค่ไหน ก็ยังรู้ถึงหูของฮูหยินท่านโหวอยู่ดี
เรือนซิ่นเจี้ยน
แม่นมคนสนิทของจิ้งฮูหยินเพิ่งโบกมือไล่บ่าวรับใช้ที่มาจากเรือนไป๋เซ่อให้กลับไปทำงาน หลังจากนั้นจึงรีบเร่งฝีเท้าเข้าไปด้านใน รินน้ำชาให้นายหญิงได้ก็รีบเอ่ยเสียงค่อย
“คุณชายรองเพิ่งออกจากเรือนไป๋เซ่อเมื่อยามอู่นี่เอง หลังจากนั้นไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็ให้คนไปส่งยาให้คุณหนูสิบเจ็ด”
“ยาหรือ ยาประเภทไหน รักษาโรคอะไร” จิ้งฮูหยินร้องถาม แม้ท่าทีจะสุขุมแต่ภายในใจกลับตระหนกนัก “ข้าจำได้ว่าท่านหมอจ่ายยารักษาอาการของเหยาเอ๋อไว้แล้ว เหตุใดเฉินเอ๋อยังต้องส่งยาไปอีก”
“เป็นยา...”
ฮุ่ยย่วนกระซิบข้างหู ไม่กล้าให้เรื่องนี้เล็ดลอดออกนอกเรือนเด็ดขาด
คนเป็นมารดาถึงกับยกมือทาบอก “บุตรชายของข้า...เหตุใดจึงรุนแรงกับเหยาเอ๋อถึงเพียงนั้น”
“คุณชายรองของบ่าวทำลงไป คงเพราะไม่รู้ใจตนเอง ฮูหยินอย่าได้โมโหจนเสียสุขภาพเลย”
“เฉินเอ๋อนะเฉินเอ๋อ! จะดีกับเหยาเอ๋อบ้างไม่ได้หรือยังไง” หลิวซีเย่ได้แต่ตัดพ้อบุตรชาย ก่อนจะสั่งการออกมา “เร็วเข้า สั่งโรงครัวตุ๋นน้ำแกงบำรุงส่งไปเรือนไป๋เซ่อ ให้เหยาเอ๋อกินให้มากสักหน่อย ถ้าไม่ทำอะไรเลยลูกสะใภ้คนนี้คงบอบช้ำตายคามือบุตรชายตัวดีของข้าเป็นแน่”
“บ่าวจะส่งคนไปเดี๋ยวนี้ ฮูหยินดื่มชาสงบใจเสียก่อนเถิด”
“ไม่รู้ว่าหลังจากวันนี้ไป ความสัมพันธ์ระหว่างเฉินเอ๋อกับเหยาเอ๋อจะดีขึ้นบ้างหรือไม่”
“บุรุษ ร้อยทั้งร้อย ต่อให้ไม่มีใจ แต่เมื่อได้สัมผัสไปแล้วมีหรือจะหักห้ามความรู้สึกเอาไว้ได้ ฮูหยินคอยดูเถิด อีกไม่นานคุณชายรองต้องหาเรื่องไปค้างที่เรือนไป๋เซ่ออีกแน่”
“แม่นมคิดเช่นนั้นหรือ”
“คุณชายรองเห็นความงดงามของคุณหนูสิบเจ็ดแล้ว จะหักห้ามใจได้อย่างไรเจ้าคะ”
“หวังว่า เฉินเอ๋อจะดีกับเหยาเอ๋อบ้าง”
“ฮูหยินวางใจเถิด คุณชายรองแม้ภายนอกจะแข็งกระด้าง แต่ภายในกลับอ่อนไหวนัก มิเช่นนั้นในเมืองหลวงจะโจษจันกันว่าท่านโหวน้อยจิ้งเฉินมีคุณธรรมเป็นที่นับหน้าถือตาหรอกหรือ ดูสิยามเช้าทำร่างกายของคุณหนูสิบเจ็ดบอบช้ำ ตกบ่ายยักส่งยารักษาไปให้ บ่าวเฒ่าคิดว่าคุณชายรองไม่ไร้น้ำใจเสียทีเดียว”
“ได้ยินแม่นมพูดเช่นนี้ ข้าสบายใจขึ้นไม่น้อย”
“อีกหน่อย ย่อมมีเรื่องน่ายินดีเกิดขึ้น ช่วงนี้ฮูหยินก็อดทนสักหน่อยเถิด”
“ดี ถ้าเช่นนั้นงานเลี้ยงชมดอกบัวในเดือนหน้า ข้าคงต้องทำอะไรสักอย่าง”
“ฮูหยินหมายถึง...” ฮุ่ยย่วนได้แต่หรี่ตาลง พอสบสายตากับจิ้งฮูหยินจึงรู้ว่าควรกระทำการสิ่งใด “ยังเป็นฮูหยินที่คิดการรอบคอบ”
“หวังว่า งานเลี้ยงชมดอกบัวในปีนี้คงพอปลอบใจเหยาเอ๋อได้บ้าง และก็หวังว่าเฉินเอ๋อจะตระหนักรู้เสียทีว่าสิ่งไหนควรหรือไม่ควรทำ”
แม่นมฮุ่ยย่วนพยักหน้าเห็นด้วย หลังจากนั้นก็ช่วย จิ้งฮูหยินวางแผนตระเตรียมงานเลี้ยงชมดอกบัวที่จะมีขึ้นในหนึ่งเดือนข้างหน้า แน่นอนว่างานเลี้ยงใหญ่ของจวนจิ้งโหวในคราวนี้จิ้งฮูหยินล้วนคิดวางแผนเพื่อลูกสะใภ้ทั้งสิ้น นึกๆ ดูแล้วทั่วเมืองหลวงแห่งแคว้นเว่ยจะมีแม่สามีสักกี่คนที่รักเอ็นดูลูกสะใภ้เฉกเช่นหลิวซีเย่ แต่ละจวนแต่ละสกุลมิใช่คอยขัดแข้งขัดขากันหรอกหรือ
ดังนั้นเพื่อความสุขของลูกสะใภ้กับบุตรชาย ยังไงเสียงานเลี้ยงชมดอกบัวจิ้งฮูหยินย่อมต้องให้เจียงซูเหยาเป็นแม่งานเพื่อแสดงฝีมือและความสามารถ
ส่วนคนที่อยู่ในความคาดหวังของแม่สามี นางแช่ตัวอยู่ในถังน้ำเกือบหนึ่งชั่วยามจึงก้าวออกมาให้เสี่ยวหรงปรนนิบัติ สวมใส่เสื้อตัวในเรียบร้อยจึงออกจากห้องข้างมานั่งอยู่บนตั่งตัวยาวด้วยสีหน้าราบเรียบ ทว่าเวลาที่ดวงตากลมโตปะทะกับขวดหยกสีขาวที่วางอยู่บนโต๊ะด้านข้างกลับแดงก่ำขึ้น
“ยานั่น”
เสี่ยวหรงกัดปากสั่นๆ ไว้ก่อนรายงานออกมา “เป็นคุณชายรองสั่งคนนำมามอบให้เจ้าค่ะ”
“เอาไปทิ้ง” ความหวังดีของเขานางไม่กล้ารับจริงๆ
ได้ยินคุณหนูกัดฟันสั่งเช่นนั้นเสี่ยวหรงจึงรีบหยิบขวดยาซุกซ่อนในชายแขนเสื้อ พลางคุกเข่าลงบีบมือข้างหนึ่งของ เจียงซูเหยาเอาไว้แน่น “คุณหนู อย่าโมโหเลยนะเจ้าคะ”
“ต่อไปนี้ ไม่ว่าคนผู้นั้นจะส่งอะไรมา เจ้าห้ามรับไว้ เข้าใจหรือไม่”
“บ่าวเข้าใจแล้ว”
สองนายบ่าวยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรไปมากกว่านั้นก็ได้ยินบ่าวรับใช้ด้านนอกบอกว่าแม่นมฮุ่ยย่วนมา เจียงซูเหยาจึงรีบเช็ดขอบตาแดงเรื่อของตนทิ้ง สูดหายใจให้คืนสู่ความสงบก่อนจะออกไปต้อนรับแม่นมคนสนิทของแม่สามีด้วยตนเอง
“แม่นม” นางยอบกายเคารพผู้อาวุโส แม่นมฮุ่ยย่วนจึงรีบเข้าไปประคอง
แน่นอนว่าระหว่างนี้มีหรือจะไม่ลอบพินิจมองร่างบอบบางของเจียงซูเหยา เห็นสภาพคุณหนูสิบเจ็ดเป็นเช่นนี้พลันถอนหายใจ แต่ปากกับตาก็ยังยิ้มแย้มเอ็นดู “ได้ยินว่านายหญิงน้อยเพิ่งสร่างไข้ ฮูหยินจึงให้บ่าวนำน้ำแกงบำรุงมาให้ นายหญิงน้อยกินให้มากหน่อยนะเจ้าคะ”
“ต้องลำบากมารดากับแม่นมแล้ว”
“ลำบากที่ใด ขอแค่ฮูหยินน้อยร่างกายแข็งแรง ก็ล้วนดีกับจวนจิ้งโหวแห่งนี้ทั้งสิ้น กินอิ่มแล้ว พักอีกสองสามวันนายหญิงน้อยค่อยไปหาฮูหยินใหญ่ที่เรือนนะเจ้าคะ”
“มารดาอยากให้ข้าไปพบหรือ”
“อีกไม่นานจวนของเราก็จะมีงานเลี้ยงใหญ่ประจำปี ฮูหยินน้อยจึงต้องลำบากสักหน่อย”
“ขอเพียงสามารถแบ่งเบาภาระมารดาได้ ข้าเต็มใจยิ่ง อีกสามวันข้าจะไปเยี่ยมมารดาที่เรือน”
“ถ้าเช่นนั้น บ่าวเฒ่าขอตัวก่อนนะเจ้าคะ”
“ข้าไปส่งแม่นม” เจียงซูเหยารีบประคองแม่นมฮุ่ยย่วนออกมาส่งถึงหน้าเรือน พ้นแผ่นหลังของผู้อาวุโสแล้วก็ได้แต่เช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มทิ้ง ทั้งมารดาทั้งแม่นมล้วนรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น จึงได้ตุ๋นน้ำแกงมามอบให้ แถมยังคิดเผื่อนางทุกฝีก้าวอีก
ไม่รู้ว่าความปรารถนาดีเช่นนี้ นางผู้เป็นสะใภ้จะแบกรับได้อีกนานแค่ไหน
แม่นมฮุ่ยย่วนกลับไปนานแล้ว แต่เจียงซูเหยายังยืนอยู่ตรงนั้น กระทั่งรับรู้ว่าบนไหล่ถูกห่อหุ้มด้วยเสื้อคลุมจึงก้มมองมือของเสี่ยวหรงแล้วหมุนกายเข้าไปพักในเรือนเงียบๆ
ขณะเรือนไป๋เซ่อค่อยๆ คืนสู่ความเงียบสงบ เรือนจิ๋นอวี่กลับถูกปกคลุมด้วยความน่าสะพรึงกลัวเสียแล้ว เพราะตอนนี้ข่าวคราวเรื่องที่จิ้งฮูหยินสั่งตุ๋นน้ำแกงบำรุงไปมอบให้ลูกสะใภ้ทำเอาสีหน้าของจิ้งเฉินถึงกับเยียบเย็นขึ้น เมื่อครู่เขาใจดีส่งยาไปให้นางแล้ว แต่ยามนี้กลับต้องโมโหเพราะความอ่อนแอที่มากเกินไปของนาง ไม่รู้ว่าต่อจากวันนี้ไปสตรีขี้โรคที่จับต้องไม่ได้ผู้นั้นจะสร้างปัญหาอะไรให้เขาบ้าง
วันนี้มารดาแสดงเจตนาเด่นชัดแล้วว่า ยืนอยู่ข้างลูกสะใภ้ หาได้ใส่ใจบุตรชายแท้ๆ อย่างเขาไม่
ในเมื่อมารดารักทะนุถนอมคุณหนูสิบเจ็ดผู้นั้นยิ่งนัก เขาคงไม่อาจปล่อยให้นางได้อยู่สงบสุขอีก
เพียงอึดใจเดียว จึงมีคำสั่งเล็ดลอดออกมา “จื่อเฟิง ไปเรือนไปเซ่อ”
ได้ยินคุณชายรองสั่งการ จื่อเฟิงก็อดเวทนาคุณหนูสิบเจ็ดไม่ได้ หลังจากนั้นจึงรีบติดตามคุณชายไป แน่นอนว่าการปรากฎตัวของท่านโหวน้อยย่อมทำให้บ่าวรับใช้ภายในเรือนสั่นเทาไม่น้อย แต่ละคนเอาแต่ก้มหน้าก้มตา ไม่กล้าขวางทางจิ้งเฉินแม้แต่ผู้เดียว
ภายในห้อง เจียงซูเหยาคล้ายจะเหน็ดเหนื่อยจนหลับไปแล้ว เสี่ยวหรงกำลังล้วงยาที่อยู่ในแขนเสื้อออกมา ค่อยๆ ทาตามรอยปื้นแดงให้คุณหนูอย่างช้าๆ ระหว่างนั้นแน่นอนว่าต้องกัดฟันหักห้ามเสียงร้องไห้เอาไว้ไม่ให้ดังรบกวนคุณหนูที่กำลังพักผ่อนเด็ดขาด กระทั่งเห็นว่าคุณชายรองก้าวเข้ามาเสี่ยวหรงยังไม่กล้าส่งเสียง
ยอบกายคำนับเงียบๆ เมื่อถูกไล่ด้วยสายตาก็จำต้องถอยออกมา ระหว่างก้าวเท้าถอยห่างนั้นก็เอาแต่ทอดมองเงาร่างของคุณหนูที่ยังนอนนิ่ง โดยไม่รู้เลยว่ายามนี้ได้ตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวงเสียแล้ว